เราอาจจะประเมินได้ว่า การยึดอาวุธและการใช้ความรุนแรงหลายครั้งของระบอบทักษิณ สะท้อนให้เห็นแนวทางของฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณนั้นเชื่อว่า พวกเขาจะต้องจับอาวุธเพื่อลุกขึ้นสู้กับฝ่ายอำนาจรัฐ สะท้อนถึงการนิยมความรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ในฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของระบอบทักษิณนั้นถูกจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณแล้วถูกกลุ่มติดอาวุธซุ่มยิงเอ็ม 79 และส่งคนมาลอบขว้างระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จนกระทั่งพันธมิตรฯ ต้องเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลและชุมนุมบริเวณหน้าสนามบินทั้งสองแห่งในที่สุด แต่ก็ไม่วายยังถูกตามไปยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจนได้
เชื่อไหมครับว่า เหตุการณ์ใช้ความรุนแรงหลายสิบครั้งที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ จนถึงบัดนี้ไม่มีการดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดเลย
นอกจากนั้นในสมัยการชุมนุมของ กปปส.เพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เครือข่ายของระบอบทักษิณ ผู้ชุมนุมของ กปปส.ก็ถูกซุ่มยิงและขว้างระเบิดอีกหลายครั้งจนมีคนตายและบาดเจ็บ ซึ่งไม่ผิดหรอกครับที่แม่ทัพภาค 1 จะอ้างว่า ถ้าทหารไม่ออกมายึดอำนาจจะมีคนตายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
การใช้ความรุนแรงนี่เองที่ทหารใช้เป็นเหตุรัฐประหาร 22 พฤษภาคม2557 เช่นเดียวกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทหารก็อ้างเหตุผลหนึ่งว่าประชาชนจะปะทะกัน เพราะรัฐบาลขณะนั้นใช้วิธีปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาเผชิญหน้ากัน แต่ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณมักกล่าวหาว่า การชุมนุมขับไล่รัฐบาลของระบอบทักษิณนั้นเป็นการเชื้อเชิญการรัฐประหาร ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าแล้วการชุมนุมของคนเสื้อแดงเท่านั้นหรือถึงเป็นความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย
แปลกไหมครับว่า การซุ่มยิงและขว้างระเบิดใส่ผู้ชุมนุมไม่เกิดขึ้นในสมัยการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลับมีการซุ่มยิงและระเบิดใส่องค์กรที่คนเสื้อแดงเห็นว่าเป็นปรปักษ์ เช่น ธนาคารบางแห่ง หน่วยงานของรัฐ ทรัพย์สินของรัฐ และยิงใส่ประชาชนฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาคัดค้าน
แต่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เพราะการปรากฏตัวของชายชุดดำที่ยิงถล่มใส่ทหารที่เข้ามาสลายการชุมนุมด้วยโล่และกระบองในวันที่ 10 เมษายน 2553 จากนั้นตามมาด้วยการที่กองทัพต้องติดอาวุธเพื่อเข้าไปสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 99 ศพ ซึ่งหมายถึงจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่า ผู้เสียชีวิตเป็นฝ่ายเสื้อแดงมากกว่า เพราะทหารมีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่เพียบพร้อมกว่านั่นเอง
ผมก็เห็นด้วยนะครับที่มีการสืบสวนพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของฝ่ายอำนาจรัฐหรือไม่ แต่แม้เราจะเห็นกันชัดเจนทั้งโลกว่า ฝ่ายเสื้อแดงนั้นมีกองกำลังติดอาวุธชุดดำออกมายิงถล่มฝ่ายทหารในวันที่ 10 เมษายนแน่ๆ แต่ใครไปถามหมอเหวงเชื่อไหมครับว่าถึงวันนี้แกก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีชายชุดดำ
รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯ ก็เช่นเดียวกันที่ควรจะต้องหาความจริงให้ปรากฏว่าทหารกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะหลังจากการยุติการชุมนุมไม่นานก็มีการพบอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่ในวัดจำนวนมาก และเมื่อจับคนขว้างระเบิดศาลได้เร็วๆ นี้ ก็น่าตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกี่ยวโยงกับพยาบาลที่อ้างเป็นพยานคนเสื้อแดงในกรณีวัดปทุมฯ
ความจริงแล้วการใช้ความรุนแรงของฝ่ายระบอบทักษิณนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไปว่าจริงหรือไม่จริง ผมเห็นคนเสื้อแดงบางคนก็ยอมรับ แต่ก็มักจะกล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณก็ติดอาวุธเหมือนกัน ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วแม้จะมีฝ่ายตรงข้ามทักษิณบางคนใช้อาวุธจริงก็ยังห่างไกลที่จะพูดอย่างนั้น เมื่อเทียบกับการติดอาวุธของฝ่ายเสื้อแดง
ทั้งนี้ต้องไม่มองข้ามว่าการป้องกันตัวเองนั้นเป็นสิทธิและสัญชาตญาณของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรม เราไม่อาจกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงทั้งหมดเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม เชื่อเลยว่าต้องมีคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาสู้ด้วยแนวทางประชาธิปไตยที่สันติอหิงสาจริงๆ
แต่น่าเสียดายในช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลของระบอบทักษิณต่อมาซึ่งหมายถึงยุคสมัยของสมชายและสมัครนั้น ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณซึ่งอ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปซุ่มยิงทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งไม่น่าจะใช่วิสัยของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะคนที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยต้องไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงแม้คนเหล่านั้นจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกับตัวเอง
ผมคงจะพูดได้ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มีความชอบธรรม ถ้าไม่ปรากฏว่ามีกองกำลังติดอาวุธออกมาปรากฏตัว
แม้เราจะรู้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนระบอบทักษิณมีกองกำลังติดอาวุธซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่ในช่วงแรกภายหลังรัฐประหารผมยังแปลกใจว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมั่นใจว่า การรัฐประหารจะทำให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายที่มีจุดยืนทางการเมืองต่างกันปรองดองแล้วเลิกรากันไปได้ แต่ถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ก็คงประจักษ์แล้วว่า ฝ่ายนิยมความรุนแรงนั้นยังคงพร้อมจะแสดงบทบาทของตัวเองตลอดเวลา และซุกซ่อนอาวุธสงครามไว้จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การที่พล.อ.ประยุทธ์ออกมาประกาศว่า หากความรุนแรงก่อความไม่สงบยังเกิดขึ้นอยู่ก็จะยังไม่มีการเลือกตั้งก็น่าจะยอมรับแล้วว่า ความปรองดองนั้นไม่ใช่จะเกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ
ปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 10 ปีการลุกขึ้นของประชาชนที่เริ่มจากการขับไล่รัฐบาลทักษิณนั้น มันบ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่า ฝ่ายไหนใช้ความรุนแรงและฝ่ายไหนปลุกปั่นประชาชนด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ ที่น่าเสียดายก็คือ คนหลายคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริงไปเข้าร่วมกับระบอบทักษิณเพราะเห็นว่า ทักษิณมีมวลชนจำนวนมากหนุนหลัง บางคนยืนข้างทักษิณเพราะผลประโยชน์ที่ทักษิณหยิบยื่นให้ คนเหล่านี้จริงๆ แล้วสู้เพื่อทักษิณแต่หลอกตัวเองว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย
สำหรับผมแล้วความแตกต่างทางความคิดและการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองของแต่ละฝ่ายนั้นเป็นสิ่งสวยงาม แต่ต้องสู้กันด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงไม่ใช้ความรุนแรงในการฆ่าฟันประหัตประหารลอบทำร้ายกัน เพราะคนที่มีความคิดและพฤติกรรมแบบนั้นไม่สามารถเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้แน่
ที่สำคัญจะอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเพียงเพราะผ่านพิธีกรรมเลือกตั้ง โดยไม่สนใจว่าระบอบทักษิณซึ่งก่อตั้งขึ้นมาจากทุนนิยมสามานย์ฉ้อฉลต่อประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของระบอบทักษิณนั้นถูกจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณแล้วถูกกลุ่มติดอาวุธซุ่มยิงเอ็ม 79 และส่งคนมาลอบขว้างระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จนกระทั่งพันธมิตรฯ ต้องเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลและชุมนุมบริเวณหน้าสนามบินทั้งสองแห่งในที่สุด แต่ก็ไม่วายยังถูกตามไปยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจนได้
เชื่อไหมครับว่า เหตุการณ์ใช้ความรุนแรงหลายสิบครั้งที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ จนถึงบัดนี้ไม่มีการดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดเลย
นอกจากนั้นในสมัยการชุมนุมของ กปปส.เพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เครือข่ายของระบอบทักษิณ ผู้ชุมนุมของ กปปส.ก็ถูกซุ่มยิงและขว้างระเบิดอีกหลายครั้งจนมีคนตายและบาดเจ็บ ซึ่งไม่ผิดหรอกครับที่แม่ทัพภาค 1 จะอ้างว่า ถ้าทหารไม่ออกมายึดอำนาจจะมีคนตายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
การใช้ความรุนแรงนี่เองที่ทหารใช้เป็นเหตุรัฐประหาร 22 พฤษภาคม2557 เช่นเดียวกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทหารก็อ้างเหตุผลหนึ่งว่าประชาชนจะปะทะกัน เพราะรัฐบาลขณะนั้นใช้วิธีปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาเผชิญหน้ากัน แต่ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณมักกล่าวหาว่า การชุมนุมขับไล่รัฐบาลของระบอบทักษิณนั้นเป็นการเชื้อเชิญการรัฐประหาร ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าแล้วการชุมนุมของคนเสื้อแดงเท่านั้นหรือถึงเป็นความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย
แปลกไหมครับว่า การซุ่มยิงและขว้างระเบิดใส่ผู้ชุมนุมไม่เกิดขึ้นในสมัยการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลับมีการซุ่มยิงและระเบิดใส่องค์กรที่คนเสื้อแดงเห็นว่าเป็นปรปักษ์ เช่น ธนาคารบางแห่ง หน่วยงานของรัฐ ทรัพย์สินของรัฐ และยิงใส่ประชาชนฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาคัดค้าน
แต่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เพราะการปรากฏตัวของชายชุดดำที่ยิงถล่มใส่ทหารที่เข้ามาสลายการชุมนุมด้วยโล่และกระบองในวันที่ 10 เมษายน 2553 จากนั้นตามมาด้วยการที่กองทัพต้องติดอาวุธเพื่อเข้าไปสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 99 ศพ ซึ่งหมายถึงจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่า ผู้เสียชีวิตเป็นฝ่ายเสื้อแดงมากกว่า เพราะทหารมีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่เพียบพร้อมกว่านั่นเอง
ผมก็เห็นด้วยนะครับที่มีการสืบสวนพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของฝ่ายอำนาจรัฐหรือไม่ แต่แม้เราจะเห็นกันชัดเจนทั้งโลกว่า ฝ่ายเสื้อแดงนั้นมีกองกำลังติดอาวุธชุดดำออกมายิงถล่มฝ่ายทหารในวันที่ 10 เมษายนแน่ๆ แต่ใครไปถามหมอเหวงเชื่อไหมครับว่าถึงวันนี้แกก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีชายชุดดำ
รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯ ก็เช่นเดียวกันที่ควรจะต้องหาความจริงให้ปรากฏว่าทหารกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะหลังจากการยุติการชุมนุมไม่นานก็มีการพบอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่ในวัดจำนวนมาก และเมื่อจับคนขว้างระเบิดศาลได้เร็วๆ นี้ ก็น่าตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกี่ยวโยงกับพยาบาลที่อ้างเป็นพยานคนเสื้อแดงในกรณีวัดปทุมฯ
ความจริงแล้วการใช้ความรุนแรงของฝ่ายระบอบทักษิณนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไปว่าจริงหรือไม่จริง ผมเห็นคนเสื้อแดงบางคนก็ยอมรับ แต่ก็มักจะกล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณก็ติดอาวุธเหมือนกัน ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วแม้จะมีฝ่ายตรงข้ามทักษิณบางคนใช้อาวุธจริงก็ยังห่างไกลที่จะพูดอย่างนั้น เมื่อเทียบกับการติดอาวุธของฝ่ายเสื้อแดง
ทั้งนี้ต้องไม่มองข้ามว่าการป้องกันตัวเองนั้นเป็นสิทธิและสัญชาตญาณของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรม เราไม่อาจกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงทั้งหมดเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม เชื่อเลยว่าต้องมีคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาสู้ด้วยแนวทางประชาธิปไตยที่สันติอหิงสาจริงๆ
แต่น่าเสียดายในช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลของระบอบทักษิณต่อมาซึ่งหมายถึงยุคสมัยของสมชายและสมัครนั้น ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณซึ่งอ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปซุ่มยิงทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งไม่น่าจะใช่วิสัยของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะคนที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยต้องไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงแม้คนเหล่านั้นจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกับตัวเอง
ผมคงจะพูดได้ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มีความชอบธรรม ถ้าไม่ปรากฏว่ามีกองกำลังติดอาวุธออกมาปรากฏตัว
แม้เราจะรู้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนระบอบทักษิณมีกองกำลังติดอาวุธซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่ในช่วงแรกภายหลังรัฐประหารผมยังแปลกใจว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมั่นใจว่า การรัฐประหารจะทำให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายที่มีจุดยืนทางการเมืองต่างกันปรองดองแล้วเลิกรากันไปได้ แต่ถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ก็คงประจักษ์แล้วว่า ฝ่ายนิยมความรุนแรงนั้นยังคงพร้อมจะแสดงบทบาทของตัวเองตลอดเวลา และซุกซ่อนอาวุธสงครามไว้จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การที่พล.อ.ประยุทธ์ออกมาประกาศว่า หากความรุนแรงก่อความไม่สงบยังเกิดขึ้นอยู่ก็จะยังไม่มีการเลือกตั้งก็น่าจะยอมรับแล้วว่า ความปรองดองนั้นไม่ใช่จะเกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ
ปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 10 ปีการลุกขึ้นของประชาชนที่เริ่มจากการขับไล่รัฐบาลทักษิณนั้น มันบ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่า ฝ่ายไหนใช้ความรุนแรงและฝ่ายไหนปลุกปั่นประชาชนด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ ที่น่าเสียดายก็คือ คนหลายคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริงไปเข้าร่วมกับระบอบทักษิณเพราะเห็นว่า ทักษิณมีมวลชนจำนวนมากหนุนหลัง บางคนยืนข้างทักษิณเพราะผลประโยชน์ที่ทักษิณหยิบยื่นให้ คนเหล่านี้จริงๆ แล้วสู้เพื่อทักษิณแต่หลอกตัวเองว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย
สำหรับผมแล้วความแตกต่างทางความคิดและการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองของแต่ละฝ่ายนั้นเป็นสิ่งสวยงาม แต่ต้องสู้กันด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงไม่ใช้ความรุนแรงในการฆ่าฟันประหัตประหารลอบทำร้ายกัน เพราะคนที่มีความคิดและพฤติกรรมแบบนั้นไม่สามารถเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้แน่
ที่สำคัญจะอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเพียงเพราะผ่านพิธีกรรมเลือกตั้ง โดยไม่สนใจว่าระบอบทักษิณซึ่งก่อตั้งขึ้นมาจากทุนนิยมสามานย์ฉ้อฉลต่อประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร