นักกฎหมาย 132 รายชื่อ จี้นายกฯ ยกเลิกคำสั่ง คสช.- ยุติใช้อำนาจมาตรา 44 หวั่นประชาชนถูกละเมิดสิทธิจากอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไร้ถ่วงดุล เหนือการตรวจสอบ แนะเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่ศูนย์บริการประชาชน ชั่วคราว สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.), สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.), สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ นำโดย นายสมชาย หอมละออ เดินทางเข้ายื่นรายชื่อนักกฎหมาย 132 ราย เพื่อคัดค้านการใช้มาตรา 44 ตามอำนาจรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 แทนการใช้กฎอัยการศึกที่ยกเลิกไปเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สนส. เห็นว่า การให้อำนาจดังกล่าวแก่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจเหนืออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ รวมถึงคำสั่งใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับบทบัญญัติข้างต้น ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อหลักการพื้นฐานทางด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1. เป็นการรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขัดต่อหลักนิติรัฐ ที่แบ่งแยกอำนาจเพื่อถ่วงดุล ป้องกันการใช้อำนาจปกครองตามอำเภอใจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ สิทธิและเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งการกำหนดให้การกระทำตามคำสั่งฉบับนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ย่อมเป็นการใช้อำนาจโดยความประสงค์หลีกเลี่ยงการตรวจสอบของสถาบันตุลาการที่เป็นอิสระซึ่งทำให้ประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าว
2. การออกคำสั่งฉบับดังกล่าวเปิดโอกาสให้มีการใช้อำนาจของทหารในฐานะ “เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย” กระทำการใดๆ ตามคำสั่งฉบับดังกล่าว เช่น ออกคำสั่งเรียก บุคคล จับกุม ค้น ห้ามการเสนอข่าว รวมถึงการทำหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน โดยการพิจารณาคดีของพลเรือนในข้อกล่าวหาตั้งแต่มาตรา 107 ถึง 112 และมาตรา 113 ถึง 118 ประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามประกาศและคำสั่ง คสช. ยังคงถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลทหาร ซึ่งขัดต่อหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมโดยตุลาการที่เป็นอิสระซึ่งได้รับรองไว้ตามปฏิญญาสากลแห่งสหประชาชาติ รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในหลายๆ ด้าน เช่น สิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เสรีภาพของสื่อมวลชน สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในการชุมนุม และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะมีผลทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดมากยิ่งขึ้นและส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูประชาธิปไตยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตาม สนส. และนักกฏหมายทั้ง 132 รายชื่อในฐานะที่เป็นนักกฎหมาย ทนายความ และบุคลากรที่ทำงานด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน มีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อการใช้อำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดและละเลยต่อหลักกฎหมายโดยสิ้นเชิง จึงขอให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งฉบับที่ 3/2558 และยุติการใช้อำนาจมาตรา 44 ในการบริหารประเทศเพื่อเป็นหลักประกันว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะไม่ถูกละเมิดโดยอำเภอใจจากอำนาจที่ไร้การถ่วงดุลและอยู่เหนือการตรวจสอบ ในท้ายของหนังสือฉบับนี้ระบุด้วยว่า “ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” พร้อมทั้งรายชื่อนักกฎหมาย 132 ราย
