รายงานการเมือง
ที่สุด “กฎอัยการศึก” ก็ถูกอัญเชิญกลับไปเก็บบนหิ้งตามเดิม หลัง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เมื่อครั้งยังเป็นแค่ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 57 ก่อนมีการรัฐประหารเพียง 2 วัน นับนิ้วจนถึงวันนี้ก็ประกาศใช้มาเกือบครบปี หย่อนไปเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ที่สวมบททั้งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับรู้ดีถึงกระแสความไม่ปลื้มที่ประเทศไทยยังมี “กฎอัยการศึก” อยู่ ทั้งกระแสในประเทศเอง และการยอมรับของต่างชาติ
เพราะคำว่า “กฎอัยการศึก” ที่เขียนในภาษาอังกฤษว่า “Martial law” โลกตะวันตกที่ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยซีเรียสกับคำนี้มาก เพราะเป็นกฎหมายที่ใช้ใน “ภาวะสงคราม” เท่านั้น บางประเทศถึงกับมีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ-ของตัวเองเลยว่าจะไม่คบค้าสมาคมกับประเทศที่มี “Martial law” เลยด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมาจึงมาความพยายามในการออกแบบกลไก-เครื่องมือมารองรับสถานการณ์แทนก่อนจะมาลงตัวที่มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
การยกเลิก “กฎอัยการศึก” ก็เหมือนกับช่วยให้ “บิ๊กตู่” สามารถไปบอก “ชาวโลก” ได้ว่าประเทศไทยปลดล็อกแล้ว เพียงแต่ต่างชาติจะฟังหรือไม่ฟังก็เป็นอีกเรื่อง เพราะไม่เพียงคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติโดยเฉพาะที่เกาะติดสถานการณ์ในไทยรู้ดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของ “มาตรา 44” ดี ด้วยความที่ให้อำนาจแก่หัวหน้า คสช.แบบครอบจักรวาล จึงเป็นที่มาของการย้ำหนักหนาของ “คนในรัฐบาล” ว่าจะใช้อำนาจนี้อย่าง “สร้างสรรค์”
พลันที่ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 ที่อาศัยความตามอำนาจตาม “มาตรา 44” ออกมาให้ยลโฉมกัน ทุกคนก็ถึงบางอ้อทันทีว่า “กฎอัยการศึก” ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่จำแลงกายมาอยู่ในคำสั่ง คสช.ฉบับนี้เอง
หลายเสียงบอกด้วยซ้ำว่า ข้อบังคับ-ข้อกำหนดต่างๆ ดูจะหนักข้อกว่า “กฎอัยการศึก” เสียอีก
“ผมมั่นใจมาตรา 44 ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะคนดีๆ จะเดือดร้อนไหม คนที่จะเดือดร้อนเป็นพวกที่คิดไม่ดีกับบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือใคร ที่คิดไม่ดีต่อบ้านเมืองพวกนี้อาจเดือดร้อน” คือคำพูดของ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
แปลความตรงๆก็เป็นเสียงที่กระแทกไปถึง “ฝ่ายเสื้อแดง-เครือข่ายนายใหญ่” ซึ่งที่ผ่านมาสลับหน้ากันออกแอกชันเรียกร้องให้ยกเลิก “กฎอัยการศึก” ไม่เว้นแต่ละวัน แต่พอมีคำสั่ง คสช.3/2558 ที่ใช้อำนาจตาม “มาตรา 44” บรรดา “ลิ่วล้อนายใหญ่” ก็แทบกระอักเลือด เพราะเกือบทุกข้อกำหนดที่ออกมายังเหมือนกับเป็นการ “ขังแดง” ให้อยู่ใน “กรง” กระดิกไม่ได้-เคลื่อนไหวไม่สะดวก ความเข้มข้นของกฎหมายไม่ได้ผ่อนปรนลงเลยแม้แต่น้อย
ถือเป็นการดัดหลังแผนการ “โลกล้อมไทย” ที่มีข่าวว่า “นักโทษหนีคดี” หมดไปเยอะกับการควักกระเป๋าจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” ที่มีทั้ง สื่อมวลชน-นักการทูต-อดีตนักการทูต-นักการเมือง-นักกฎหมาย ร่วมกันเดินเกมกระทุ้งเรื่อง “กฎอัยการศึก” ดิสเครดิต “รัฐบาลบิ๊กตู่” ไปทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่ศักราชใหม่เป็นต้นมา จะเห็นได้ว่าบรรดาเอ็นจีโอ นักเคลื่อนไหว ที่คอยให้ข้อมูลกับ “ต่างประเทศ” ออกมาแอนตี้และกดดันให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ยกเลิก “กฎอัยการศึก” ผ่านแถลงการณ์บ่อยครั้ง
“รัฐบาล คสช.” จึงแก้เกมด้วยการเก็บ “กฎอัยการศึก” ไว้บนหิ้ง และนำ “มาตรา 44” มาใช้แทน ถือเป็นแผนเด็ดแก้เผ็ด “เครือข่ายแม้ว” ได้พอสมควร เพราะหากต้องการเดินแผนต่อ ก็ต้องควักกระเป๋าจ้างอีก เนื่องจากบรรดา “ล็อบบี้ยิสต์” ก็อ้างผลงานวางบิลทันทีว่า “นี่ไง ประเทศยกเลิกกฎหมายศึกแล้ว”
แหล่งข่าวระบุว่า “รัฐบาลประเมินแล้ว เห็นว่าการยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นผลดีมากกว่าที่จะคงเอาไว้ แม้การออกคำสั่งตามมาตรา 44 จะไม่ได้ลดทอนอำนาจของนายกฯลง ซึ่งพวกล็อบบี้ยิสต์ ก็ต้องชี้แจงให้นานาชาติเข้าใจในตัวคำสั่งตามมาตรา 44 แต่ถือว่าหมดข้ออ้างไปพอสมควร เพราะในต่างประเทศเอง ก็มีหลายรัฐบาลที่ใช้กฎหมายรุนแรงลักษณะนี้ มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่ก็ไม่ใช้คำว่า Martial law ซึ่งนานาประเทศก็ยอมรับได้ ทั้งๆที่ตัวบทกฎหมายแรงกกว่ามาก”
ตรงกันข้าม “รัฐบาลบิ๊กตู่” มีนโยบายชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่จ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” ให้เดินเกมนอกประเทศแทนเป็นอันขาด เพราะอยากให้ กระทรวงการต่างประเทศ อาศัยเครือข่ายชี้แจงกับ “โลก” ให้เข้าใจมากกว่า ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” ไม่อยากสิ้นเปลืองงบประมาณในการจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” เพราะ “เงิน” ที่ต้องจ่ายก้อนโตพอสมควร
แน่นอนว่า เกมบนกระดานโลก ระหว่าง “รัฐบาลบิ๊กตู่” กับ “เครือข่ายแม้ว” ยังต้องต่อสู้กันต่อไป ต้องจับตาดูเกมต่อไป ที่มีโอกาสสูงที่จะพุ่งประเด็นไปที่ “ศาลทหาร” เพราะในข้อบังคับตาม “มาตรา 44” ยังไม่ชัดเจนว่า จะให้อำนาจ “ศาลทหาร” มีขอบเขตเท่าไรกันแน่ มีแต่ระบุว่าให้ “เจ้าพนักงาน” ที่จะแต่งตั้งขึ้นมีอำนาจสอบสวน
ซึ่งตรงนี้ต้องวัดเหลี่ยมกันอีกครั้งว่า “เครือข่ายแม้ว” จะหยิบไปเป็นประเด็นโจมตีหรือไม่ เพราะหากหยิบไปโฆษณาชวนเชื่อ ฟ้องให้ “โลก” ระแวง “รัฐบาลบิ๊กตู่” อีก แต่การแก้เกมเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ “บิ๊กตู่” ยกเลิกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 37-38-50 ก็สามารถปลดล็อกได้แล้ว ส่วนจะใจดีให้ “ผู้ต้องหา” สู้ได้ 3 ศาล อย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ ต้องรอติดตาม
งานแก้เกมช็อตต่อช็อตคงต้องมีอีกหลาย “กระดาน” ให้เล่นกัน จากนี้ไปต้องจับตา “เกมนอกประเทศ” ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีหมากเด็ดอะไรมาขบเหลี่ยม-เฉือนคมกันอีก...