xs
xsm
sm
md
lg

เลิกอัยการศึกก่อนสงกรานต์-ลดเงื่อนไขภายนอกดัน ศก.ฟื้น !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเรียกว่าถึงเวลาผ่อนเกมแรง ลดความตึงเครียด ลดความกดดัน ลดเงื่อนไขจากทุกทาง โดยเฉพาะจากภายนอกจากประเทศมหาอำนาจที่เล่น “เกมแอบแฝง” ประชาธิปไตยบีบหนักข้อขึ้นทุกวัน โดยล่าสุด ฝ่ายอำนาจสูงสุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าจะมีการยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึก ในเร็วๆ นี้ โดยจะเปลี่ยนไปใช้กฎหมายชนิดอื่นแทน ซึ่งแน่นอนว่าการยกเลิกกฎหมายพิเศษดังกล่าวมีความประสงค์ให้ความเข้มข้นลดลงมา และมีการคาดหมายว่าจะมีการประกาศบังคับใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับ พ.ศ. 2557 ขึ้นมาแทน

สำหรับหลักการสำคัญในมาตราดังกล่าวให้อำนาจหัวหน้า คสช. ทั้งด้านบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ระงับยับยั้งหรือป้องกันเหตุร้าย และกระทบความมั่นคง

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะไปพูดถึงอำนาจและรายละเอียดของการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่าเป็นอย่างไร อยากให้พิจารณาถึงสาเหตุที่ต้องมีการยกเลิกกฎอัยการศึกที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเข้ายึดอำนาจการปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เสียอีก

เริ่มจากปัจจัยจากภายนอก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่รวมหัวกับกลุ่มประเทศในยุโรป และบรรดาประเทศลูกน้องในหลายภูมิภาค เช่น ออสเตรเลีย เป็นต้น ที่ยกเอาเหตุผลเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาเป็นข้ออ้าง และบีบให้รีบคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการเลือกตั้งโดยเร็ว และแม้ว่าหากมองกันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่านี่เป็น “วาระซ่อนเร้น” เป็นลักษณะประสานแบบสองแรงบวกทั้งภายนอกภายใน ภายในก็คือบรรดาเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่เร่งเคลื่อนไหวกดดันหนักมือมากขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายหลักก็คือกดดันให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และแน่นอนว่าพวกเขาเชื่อว่าด้วยกลไกการเลือกตั้งจะได้กลับมามีอำนาจอีกรอบ และเข้ามาสร้างความชอบธรรมในการเปลี่ยนแปลงกลไกที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนเอื้ออำนวยต่อผลประโยชน์ ต่อประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ทั้งสิ้น ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นท่าทีและความเคลื่อนไหวที่เป็นเนื้อเดียวกัน โดยเฉพาะเท่าทีเห็นผ่านทางอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถอธิบายได้ เพราะหากยกเอาเรื่องประชาธิปไตยและการเลือกตั้งมาเป็นมาตรฐานในการคบค้า และเป็นมิตร รับรองว่า สหรัฐฯย่อมจะไม่อาจติดต่อสัมพันธ์กับประเทศในโลกนี้ได้มากนัก เพราะเอาแค่ในอาเซียนยังมีหลายประเทศที่เผด็จการกว่าเรา หรือแม้แต่จีนก็แน่นอนว่าเบ็ดเสร็จกว่าไทย หันไปทางกลุ่มประเทศอาหรับนี่ก็ใช่เลย เป็นการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เผด็จการจ๋า แต่เป็นเพราะมีผลประโยชน์ด้านพลังงานก็เห็นไปอุ้มชู ขณะที่ในระบอบทักษิณก็เกื้อหนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากสนามบินอู่ตะเภา ร่วมมือด้านการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาก่อการร้ายที่สหรัฐฯต้องการตัว ทั้งที่ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร มีแต่เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง แต่นั่นไม่มีความหมายเท่ากับ “ทางสะดวก” เรื่องผลประโยชน์ในทางธุรกิจระหว่างกันเท่านั้น

อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับความจริงเช่นเดียวกันว่า การคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึกย่อมมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่น้อย ทั้งการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติและภายในประเทศ เนื่องจากยังมีผลต่อความเชื่อมั่น ที่บรรดานักลงทุนไม่มั่นใจว่าเมื่อเกิดความเสียหายเกิดขึ้นจะไม่มีการรับรองจากบริษัทประกันภัย ซึ่งรวมไปถึงความมั่นใจของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่มีปัญหาในเรื่องประกันภัยเช่นเดียวกัน แม้ว่าที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวจะขยายตัวขึ้นมามากแล้วก็ตาม

แต่ถึงอย่างไร เชื่อว่า เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. เตรียมที่จะยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น น่าจะมาจากความมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ด้านความมั่นคงได้แล้ว ขณะเดียวกัน ก็ย่อมต้องมีกฎหมายพิเศษชนิดใหม่เอาไว้รองรับ ซึ่งในที่นี้หมายถึงการบังคับใช้มาตรา 44 ขึ้นมาแทน และในความเป็นจริง มาตราดังกล่าวมันมีอยู่แล้ว โดยใช้ควบคู่มากับกฎอัยการศึก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาจะบังคับใช้เฉพาะกฎอัยการศึกจนเป็นภาพชินตาเท่านั้น

อย่างไรก็ดี หากมีการบังคับใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ให้อำนาจหัวหน้า คสช. เบ็ดเสร็จทั้ง บริหาร นิติบัญญัติ และ ตุลาการ หลายคนมองว่าเป็นอำนาจแบบ “ครอบจักรวาล” ทั้งที่ลืมกันไปแล้วว่ามันมีมานานแล้วควบคู่มากับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่ถ้ามีการใช้มาตราดังกล่าวจริงก็คงมีการออกประกาศ คสช. แจกแจงรายละเอียดการใช้กลไกการบังคับใช้อย่างไรเพื่อลดโทนความเข้มข้น และข้อกังวลเรื่อง “อำนาจเผด็จการ” ลงมา

แต่ถึงอย่างไรในภาพภายนอกยังเชื่อว่าจะดูดีกว่า ลดความกงวลได้มากกว่ากฎอัยการศึกแน่นอน เพราะมาตรา 44 ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ตามหลักนิติรัฐ อีกทั้งยังเชื่อสาเหตุสำคัญอีกอย่างที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตัดสินใจยกเลิกกฎอัยการศึกครั้งนี้ก็คงเป็นอีกไม้เด็ดในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยวที่ต้องการให้พุ่งกระฉูด เพราะอย่างหลังถือเป็นความหวังที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็ว่าได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น