xs
xsm
sm
md
lg

สปช.หนุนรายงานปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เทียนฉาย กีระนันทน์ (แฟ้มภาพ)
สปช.เห็นด้วยรายงานเร่งปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เผย อายุเฉลี่ยคนไทยจะอยู่ 77 ปี หวั่นตัวเลขอีก 7 ปีข้างหน้าสูงถึง 20% ส่อกระทบโครงสร้างประชากรที่แนวโน้มวัยทำงานลดลง อาจกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพประชากรไทย พร้อมหนุนขยายเกณฑ์อายุเกษียณราชการทั้งในภาครัฐและเอกชน

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) วันนี้ (7 เม.ย.) ที่มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานเรื่องข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย หลังจากที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส ร่วมกับคณะกรรมาธิการปฏิรูประบบสาธารณสุข คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง และคณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น ทำหน้าที่ศึกษาและพิจารณาแล้วเสร็จ

โดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกส สปช.ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ชี้แจงว่า ในปัจจุบันสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุ แต่รวมถึงโครงสร้างประชากรไทยที่กำลังจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากขึ้นถึง 10% ของจำนวนประชากรตั้งแต่ปี 2543 และในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 จะมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 20% ของจำนวนประชากร ซึ่งจะเป็น 2 เท่าในเวลา 22 ปี ขณะที่คนวัยทำงานก็ลดน้อยลง คนที่พร้อมมีบุตรเกิดปัญหามีบุตรยาก ส่วนแม่วัยใสที่ไม่มีความพร้อมกลับมีลูกมาก หากไม่มีการปฏิรูปจะเกิดผลกระทบต่อคุณภาพประชากร ภาษีอากรของประชาชน และเกิดวิกฤตทางการคลังในอนาคต ทั้งนี้ การปฏิรูปนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างเดียว จะต้องให้ความสำคัญต่อผู้สูงวัย โดยสังคมต้องตระหนักว่าผู้สูงอายุไม่ใช่ภาระของสังคม แต่เป็นคลังปัญญา ประสบการณ์ที่จะช่วยสังคมได้

ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงวัยมีอายุยืนเฉลี่ยถึง 77 ปี และในอนาคตจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเป็นหญิงมากกว่าชาย และมีบุตรน้อยกว่า 2 คน สะท้อนปัญหากลุ่มคนวัยทำงานจะมีจำนวนน้อยลง และต้องมีความรับผิดชอบดูแลผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มคนวัยทำงาน 5 คน ดูแลผู้สูงอายุ 2 คน และเด็กต่ำกว่า 2 คน แต่อนาคตกลุ่มคนวัยทำงาน 2 คน จะดูแลผู้สูงอายุ 1 คน และเด็ก 1 คน ขณะที่ระบบสวัสดิการกลุ่มคนทำงานในประเทศไทยจำนวน 37 ล้านคน พบว่าเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 2 ล้านคนมีระบบสวัสดิการ ผู้ที่ทำงานภาคเอกชน มีระบบประกันสังคมรองรับ 9 ล้านคน/และอีก 26 ล้านคน เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่มีสวัสดิการรองรับ ซึ่งไทยมีระยะเวลาในการปรับตัวที่น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา ก็กำลังไล่ตามเข้าสู่สังคมสูงวัย เมื่อนั้นก็ไม่สามารถหวังพึ่งแรงงานเพื่อนบ้านได้เช่นกัน

ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปใน 5 ด้าน คือ สร้างการการออมเพื่อเป็นหลักประกันแก้ผู้สูงอายุ, ขยายเกณฑ์เกษียณอายุทั้งราชการและภาคเอกชน, ส่งเสริมการกระจายธุรกิจไปยังในท้องถิ่น เพื่อไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน, ออกแบบส่งเสริมครอบครัวมีลูกเพิ่มขึ้น และป้องกันแม่วัยใสที่ไม่มีความพร้อมในการมีบุตร รวมถึงปรับสภาพแวดล้อม สนับสนุนอุปกรณ์แก่ผู้สูงอายุ สนับสนุนอาชีพ สถานที่รองรับผู้สูงอายุและเด็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิก สปช.ส่วนใหญ่แสดงความเห็นด้วยและอภิปรายไปในทิศทางเดียวกันว่าสังคมต้องตระหนักถึงสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้เกิดความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเรื่องการใช้แรงงาน รายได้ของกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเสริมสร้างสังคมผู้สูงอายุที่ดีและมีความเข้มแข็ง โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล ให้มีตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ และกองทุนต่างๆ ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม และให้มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการเพื่อทำหน้าที่กำหนดทิศทางนโยบาย ดูแลระบบการเงินการคลัง พร้อมทั้งทบทวนสวัสดิการให้เกิดความเท่าเทียมแก่ผู้สูงอายุ

นางเตือนใจ สินธุวณิก สมาชิก สปช.กล่าวว่า เห็นด้วยต่อการขยายเกณฑ์อายุเกษียณราชการทั้งในภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งเสนอออกร่างพระราชบัญญัติบำนาญพื้นฐาน รวมถึงการกำหนดส่วนลดหักภาษีเงินได้ เพื่อส่งเสริมการทำประกันชีวิตการออมของผู้สูงอายุเพื่อลดภาระของรัฐบาล และยังเป็นการส่งเสริมการออมด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้น ในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับรายงานข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยด้วยคะแนน 208 เสียง และไม่เห็นด้วย 1 เสียง


กำลังโหลดความคิดเห็น