xs
xsm
sm
md
lg

มหกรรมขุดคุ้ยขยะใต้พรม แข่งกัน “โยนขี้” หนีภาพ “ผู้ร้าย”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

น่าจะมีเรื่องให้ปวดกบาลเยอะ ระยะหลังๆมานี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ในสภาวะต่อมความอดทนต่ำ ปรี๊ดแตก เหวี่ยงพร่ำเพรื่อ เวลาใครมาสะกิดการทำงานของรัฐบาล

ตามรูปการณ์ที่ต้องแบกภาระมหาศาลของประเทศ แถมยังต้องแข่งกับเวลาที่กระชั้นชิดขึ้นทุกที เมื่องานทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ ต่างกับวัฒนธรรมทหาร ซ้ายหัน ขวาหัน มอบหมายงานแล้วต้องได้  ต้องดี พอมาเจอวิธีแบบราชการสไตล์พลเรือน ขั้นตอนจุกจิก เอกสารเยอะแยะ หนำซ้ำยังต้องเจอพวกเกียร์ว่าง เลยเก็บอาการไม่ค่อยจะอยู่

เบรกแตกบ่อยๆ พาลมาวีนใส่นักข่าว จนเป็นภาพคุ้นตา

แถมสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สามารถฝืนกระแสโลกได้ โดนวิพากษ์วิจารณ์ยับว่า ทีมงานมือไม่ถึง แล้วยังต้องมาเจอกับปัญหานานาสารพันที่พร้อมจะเข้ามาให้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า “บิ๊กตู่” นาทีนี้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คับอกคับใจ

โดยเฉพาะปมใหญ่ที่ทำ “บิ๊กตู่” ปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นลำดับต้นๆ กรณีรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2014 ที่ไทยถูกปรับลดอันดับลงมาอยู่ในบัญชีกลุ่ม “เทียร์ 3” มีสถานการณ์การค้ามนุษย์ในระดับเลวร้ายที่สุด หลังถูกกล่าวหาว่ามีการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ด้านคู่ค้าใหญ่อย่าง “สหภาพยุโรป” หรือ “อียู” ก็จ้องเล่นงานไทย ในเรื่องมีปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing หรือ IUU Fishing) จนถูกชัก “ใบเหลือง” เตือนว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงในการแก้ไขปัญหา ไปเมื่อเดือน ก.พ.58 โดยมีเวลา 6 เดือนหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ถูกชัก “ใบแดง” ขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา IUU Fishing ซึ่งส่งผลร้ายแรงถึงการค้าด้านประมงกับ “อียู” ที่มีมูลค่าปีละมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า หากไทยไม่มีมาตรการรองรับการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และอียู โดยเฉพาะอุตสาหกรรมประมงและภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก

“บิ๊กตู่” ฟิวส์ขาดง่ายๆ ก็ปมนี้ แม้แต่ “นักข่าวช่อง 3” ที่เกาะติดทำข่าวนี้ ยังโดนเรียกมารายงานตัวกลางอากาศ ทั้งที่ประเด็นนำเสนอมันมีประโยชน์ต่อสังคม เป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน

ไม่เว้นแม้แต่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โดนเปิดหน้าใส่ “บิ๊กตู่” จัดหนักเลยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ยอมทำอะไร ตามคิวที่ชวนสงสัย “บิ๊กตู่” ไม่เคยพูดชัดถ้อยชัดคำขนาดนี้ ปกติจะอ้อมแอ้มไม่พูดชัดเจน

เช่นเดียวกับ “ยิ่งลักษณ์” ที่ปกติจะสงบปากสงบคำหากเป็นประเด็นการเมือง แต่เมื่อถูก “บิ๊กตู่” พาดพิงเรื่องนี้ถึงกับต้องสั่งทีมงานกระแทกแป้นพิมพ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นการด่วน อธิบายว่า รัฐบาลชุดก่อนวางแผนการดำเนินงานให้การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การประเมินระดับในปี 2556 ประเทศไทยได้รับการยกเว้นจากการถูกลดระดับเป็นกลุ่มที่ 3 เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอแผนเป็นลายลักษณ์อักษร

ก่อนจะเกิดเป็นประเด็นตอบโต้ครั้งแรกระหว่างผู้นำปัจจุบันกับอดีตผู้นำหญิง โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ที่สวนหมัดกลับดังๆ “แก้ด้วยอะไรให้บอกมาสิ มีอะไรบ้าง ถามว่ากฎหมายค้ามนุษย์มีหรือไม่”

แถมยังมีองคาพยพในรัฐบาลที่มีน้ำหนักช่วยกันกระทุ้ง ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ผู้มากบารมีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ระบุตรงๆ เลยว่า รัฐบาลชุดก่อนแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด และไม่แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

รวมถึง “เสธ.ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลูกกระเดือกของ “บิ๊กตู่” ที่ออกมาหักล้างข้อมูล “ยิ่งลักษณ์” แบบยกเหตุผลอ้างอิง “ข้อมูลที่นำมาใช้ในรายงานคือการพิจารณาจากการแก้ปัญหาของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเห็นว่า ประเทศไทยไม่มีความก้าวหน้าในเรื่องนี้เพียงพอที่จะได้รับการจัดลำดับอยู่ในกลุ่มที่ 2 จึงลดลำดับลงมาจัดอยู่ในกลุ่มที่ 3”

เบิ้ลบลั๊ฟ “ยิ่งลักษณ์” ตรงๆ เลยว่า ที่ประเทศไทยตกมาอยู่อันดับเทียร์ 3 ก็เพราะรายงานของรัฐบาลชุดก่อนนั่นแหละต้นเหตุสำคัญ

ตามปรากฏการณ์โยนกันไปโยนกันมา อย่างน้อยมันตอกย้ำได้เลยว่า ปมค้ามนุษย์ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หาก “สหรัฐฯ” หรือ “อียู” ไม่ยอมปรับอันดับให้ไทย ปล่อยให้แช่อยู่ในอันดับเลวร้ายเหมือนเดิม เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า การส่งออกสินค้าทางด้านประมงเป็นหัวใจและรายได้สำคัญของประเทศไทย หากติดหล่มความเสียหายแทบจะย่อยยับ เดือดร้อนกันทั่วทุกระแหงแน่

“รัฐบาลบิ๊กตู่” เองกลัวเรื่องนี้มาก เพราะจับผลัดจับผลูหวยออกแบบนั้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าสถานการณ์ประเทศไทยตอนนั้นจะเป็นอย่างไร คงวุ่นเป็นลิงแก้แห จากปัญหาเศรษฐกิจที่ยังแย่ ปลดล็อกไม่ออก กรณีดังกล่าวจะซ้ำเติมให้โคม่าหนักเข้าไปอีก

มันจึงน่าจะเป็นที่มาของวาทะตอบโต้ของ “สองผู้นำ” เพราะไม่มีใครอยากเป็น “ต้นเหตุ” ในสายตาประชาชนที่ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติ

ตามกระแสข่าวออกมา “รัฐบาลบิ๊กตู่” และ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างว่า ผลการประเมินที่จะมาถึงโอกาสจะหลุดจากกลุ่ม 3 แทบจะน้อยมากถึงมากที่สุด เพราะมีตัวแปรสำคัญ อย่างเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้องเสียด้วย โดยเฉพาะในส่วนของ “อียู” ที่ชาติสมาชิกอย่าง “ฝรั่งเศส” ออกอาการบูดๆ หลังไทยยกหลายโครงการไปให้ “จีน” และ “ญี่ปุ่น” หรือแม้แต่ชาติสมาชิกอียูอย่าง “เยอรมัน” ที่หมั่นเขี้ยวเราอยู่เป็นทุน

หรือแม้แต่ในส่วนของ “สหรัฐฯ” ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ไม่ปลื้ม “ไทย” ในยุครัฐบาลทหารเอาเสียเลย อาจกลั่นแกล้งจับแช่แข็งเรา เป็นการเอาคืน หลัง “บิ๊กตู่” เองชอบแข็งกร้าวใส่เสียด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินการเรื่องค้ามนุษย์หลังโดนปรับมาอยู่เทียร์ 3 “บิ๊กตู่” เองก็รู้ตัวว่า ยังไม่เป็นตามเป้า แก้ปัญหาไม่ทุกจุด บรรดาฝ่ายปฏิบัติผู้รับผิดชอบอย่างตำรวจเอาแต่ไล่จับกุมอย่างเดียว มาตรการอื่นที่ฝ่ายประเมินต้องการดันไม่ทำ จึงเป็นอีกสาเหตุที่หงุดหงิด

จับยามสามตา โอกาสไทยจะหลุดจากบ่วง หลายคนเริ่มทำใจ!!!

เลยมีรายการ โบ้ยกันไปโบ้ยกันมาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างที่เห็น เพราะไม่มีใครอย่างเป็น “ผู้ร้าย” ไม่ว่าจะเป็น “รัฐบาลบิ๊กตู่” ที่ไม่อยากให้ใครมองว่า ไร้ฝีมือ ทำไทยตกต่ำ ขณะที่“รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ก็ไม่อยากให้ใครมองว่า “อะไรๆ ก็กู”

นอกจากเรื่องค้ามนุษย์ อีกปมที่ต้องจับตา น่าจะเป็นมหากาพย์ตามกันมา หลังญี่ปุ่นประกาศห้ามเพิ่มเที่ยวบินและเช่าเหมาลำเปิดใหม่ของสายการบินสัญชาติไทย หลังจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆทางด้านการบินพลเรือนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) หรือ ICAO

ชักมีรายการโบ้ยกันไปกันมาเหมือนกัน หลังคนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ย้ำแผลหลายครั้งว่า ปัญหามีมาตั้งแต่ปี 2548 ผ่านมาตั้งหลายรัฐบาล แต่ไม่รู้ที่ผ่านมาทำอะไรกัน ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้หนังยาวแน่เรื่องนี้!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น