ผู้ตรวจการแผ่นดินไทยจับมือผู้ตรวจการฯ อินโดนีเซีย ทำเอ็มยูรับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือประชาชนของทั้งสองประเทศ
นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหลังหลังลงนามเอ็มโอยูผู้ตรวจการแผ่นดินไทย-อินโดนีเซีย ร่วมกลับนายดานัง กิรินดราวาร์ดานา (Mr. Danang Girindrawardana) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่า ได้รับความร่วมมือจากนายดานัง กิรินดราวาร์ดานา ในการเสริมสร้างและพัฒนาระบบการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน และความเดือดร้อนของประชาชนทั้งจากประเทศไทยที่ได้ไปหรืออาศัยอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และประชาชนของประเทศอินโดนีเซียที่ได้มาหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยจากนี้หากใครไดัรับความเดือดร้อนอันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐก็สามารถไปขอรับความช่วยเหลือจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของแต่ละประเทศได้เลย แต่ทั้งนี้ก็จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายของแต่ละประเทศนั้นๆ ด้วย คิดว่าน่าจะได้ผลออกมาดีเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมาเป็นเวลานานทำให้มั่นใจได้ว่าต่อไปนี้ทั้งสองฝ่ายจะสามารถให้การช่วยเหลือและสนับสนุนความเป็นอยู่ของพลเมืองในต่างแดนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
“การลงนามความร่วมมือครั้งนี้เปรียบเสมือนหมุดหลักสำคัญในการก้าวต่อไปที่จะสร้างความเป็นธรรมในอนาคต การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็จะดีขึ้น ระบบ และระเบียบต่างๆ ระหว่างสององค์กรก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือภาษาที่เอื้อต่อการสื่อสารให้รับรู้ง่ายและเข้าใจตรงกัน เช่น ในแบบฟอร์มคำร้องเรียนมีสองภาษา มีการติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ และทำการประชาสัมพันธ์ถึงช่องทางการขอรับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”
ด้านนายดานัง กิรินดราวาร์ดานา กล่าวถึงการลงนามในครั้งนี้ว่า อินโดนีเซียมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างยั่งยืน เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงทั้งด้านภาษา และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ การลงนามครั้งนี้นับว่าเป็นการผนึกกำลังของผู้ตรวจการแผ่นดินไทยและประเทศอินโดนีเซียในฐานะประเทศสมาชิกของอาเซียน อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาบทบาทขององค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินในอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และความพร้อมก่อนจะก้าวสู่ระดับภูมิภาคอย่างมั่นคงต่อไป
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมในกรณีนี้ว่า การลงนามครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเชิงรุกที่จะปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยที่ไปอยู่ต่างแดน ต่อไปหากคนไทยได้รับผลกระทบต่างๆ จากการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐประเทศนั้นๆ สมมติว่ากรณีนี้เกิดขึ้นในอินโดนีเซียและต้องการขอความช่วยเหลือหรือขอรับความเป็นธรรมจากภาครัฐในกรณีต่างๆ เราก็จะได้รีบประสานไปให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของอินโดนีเซียช่วยตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกัน หากชาวอินโดนีเซียที่อยู่ในเมืองไทยได้รับความไม่เป็นธรรมจากหน่วยงานรัฐของไทยก็สามารถมาขอความช่วยเหลือผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไทยได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีแผนที่จะลงนามความร่วมมือลักษณะนี้กับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน เพราะเมื่อเปิดเสรีทางการค้าและแรงงานจะมีการดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศที่หลากหลาย ถ้าหากพลเมืองของแต่ละประเทศประสบปัญหาด้านความไม่เป็นธรรม ต่อไปผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีอำนาจหน้าที่โดยตรงที่สามารถเข้าไปดูแลซึ่งกันและกันได้ทันท่วงที
