“บิ๊กต๊อก” แจงนำ กม.ความมั่นคง-การเมืองโยงกัน ไม่มีทางนำตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไทย ต้องระบุ ม.112 ไม่ใช่คดีการเมือง รับมีปัญหา บางประเทศไร้สนธิสัญญา กต.ต้องแจง แต่บกพร่องไม่มีข้อมูล ลั่น ตปท.ต้องเข้าใจคนไทยรับไม่ได้เรื่องหมิ่น ย้อน ผ่อนปรันแบบอังกฤษ ต้องดูบริบทชาติ สถาบันไม่อยู่ในฐานะต่อสู้ทาง กม. จะให้ดูแลตัวเองเหมาะสมหรือไม่
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเร่งรัดติดตามตัวผู้หลบหนีคดีความมั่นคงไปในต่างประเทศ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองว่า หากพูดถึงคดีทางการเมืองกับการนำผู้ร้ายกลับมาดำเนินคดีในประเทศไม่สามารถปฏิบัติได้ในเรื่องสิทธิและกฎหมาย ยกตัวอย่าง หากต้องการยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่น กฎหมายเขาให้รับได้ทันทีโดยไม่ต้องตรวจสอบ แล้ว 1 เดือนจากนั้นจึงมาดู เป็นต้น ฉะนั้น หากนำกฎหมายความมั่นคงและการเมืองไปโยงกัน ก็ตอบได้เลยว่าไม่มีทางเอาตัวคืนมาได้ วันนี้มี 2 อย่าง คือ เรื่องนั้นๆ มีความเกี่ยวข้องกับคดีทางการเมืองหรือไม่ ต้องแยกให้ออกก่อน และหากเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องระบุว่าไม่ใช่คดีทางการเมือง เราต้องทำให้ชัดเจน เมื่อแยกแล้วพบว่าไม่เกี่ยวกับคดีทางการเมือง แต่เป็นคดีอื่นที่ไม่ใช่การเมือง เช่น ก่อการร้าย การประสานจะไม่ใช่เรื่องยากเพราะทุกประเทศมีกฎหมายและมีการเชื่อมโยงทางกฎหมายกันอยู่แล้ว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ยอมรับว่าการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยังมีปัญหาอยู่ที่ประเทศเรามีสนธิสัญญาแต่บางประเทศเขาไม่มี หากประเทศใดไม่มีเราเพียงแต่รับทราบ และเป็นเรื่องยากที่จะนำตัวกลับคืนมาและชี้แจงให้เขารู้ว่าทำไมประเทศไทยต้องมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคนที่เรากล่าวถึงว่าผิดมาตรา 112 ไม่ใช่ผิดทางการเมืองตามที่เขาไปแอบอ้างเพื่อจะอยู่ในประเทศนั้นๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศต้องสรุปหลักฐานส่งไปให้ต่างประเทศนั้นๆ ตรงนี้ที่ยังมีข้อบกพร่องเพราะกระทรวงต่างประเทศไม่มีข้อมูลตรงนี้ ซึ่งเราดำเนินการแก้ไขอยู่
เมื่อถามว่าหลังจากที่ไทยชี้แจงเหตุผลให้ประเทศที่มีผู้หลบหนีคดีไปพำนัก เช่น นิวซีแลนด์ ประเทศดังกล่าวมีท่าทีตอบกลับมาอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เขารับทราบว่ากฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเรื่องของจิตวิญญาณและเรื่องของสถาบันฯ เป็นเรื่องของความรู้สึกและจิตใจของความเป็นคนไทย มิตรประเทศต้องเข้าใจเราว่าทำไมต้องทำ หากเขาไม่มีเราต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและไม่ไปละเมิดกฎหมายเขา แต่ต่างประเทศต้องเข้าใจด้วยว่าคนไทยรับไม่ได้กับเรื่องหมิ่นฯ
เมื่อถามว่าหากต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ควรมีการผ่อนปรนความเข้มงวดการบังคับใช้มาตรา 112 บ้างหรือไม่ เหมือนประเทศอังกฤษ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า วันนี้เราถึงตรงนั้นหรือยัง ต้องดูว่าบริบทของประเทศไทยด้วยเพราะเป็นเรื่องใหญ่ เราเป็นผู้บริหารต้องเข้าใจว่ามาตรา 112 หากพูดให้เข้าใจง่ายก็คือกฎหมายหมิ่นประมาทหรือกระทำการต่อสถาบันฯ ของเราที่ไม่อยู่ในฐานะจะออกมาต่อสู้ได้ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายนี้เพื่อให้ฝ่ายบริหารมาทำหน้าที่แทน และฝ่ายบริหารจะถูกอ้างอยู่เสมอว่านำเรื่องการเมืองมากล่าวร้ายโจมตี
“วันนี้เราจำเป็นที่จะไม่ต้องมีกฎหมายฉบับนี้ได้ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นสถาบันฯ ต้องลงมาดูแลเองเพราะกฎหมายหมิ่นประมาทต้องฟ้องร้องด้วยตัวเอง อย่างนั้นใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคิด หากเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่สถาบันฯ จะต้องลงมา ประชาชนคนไทยต้องคิดเองว่าเราต้องมีแบบนิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ หรือยัง ถ้าถึงตรงนั้นก็หมายความว่าสถาบันฯ ต้องดูแลตัวเอง แล้วถามว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว