พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามมาตรา 112 โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมประชุม ว่า ที่ประชุมได้จัดกลุ่มภารกิจ โดยพิจารณาหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศทั้งในแถบยุโรปและประเทศเพื่อนบ้าน จากเดิมที่มีการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนผู้ต้องหาจำนวน 40 ราย แต่ล่าสุดที่ประชุมปรับลดเหลือ 30 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับแล้ว ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติหมายจับ โดยรัฐบาลยืนยันต้องการตัวบุคคลเหล่านี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการอย่างจริงจัง แม้บางประเทศจะติดขัดข้อกฎหมายก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าคดีดังกล่าวไม่ใช่คดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่ส่งผลกระทบกับคนไทยทั้งประเทศ
หลังจากนี้ เชื่อว่าการสอบสวนปราบปรามจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) บังคับให้ต้องลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ทุกระบบ เพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้โทรศัพท์แต่ละเลขหมาย และให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภาพรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานได้ชัดเจน ซึ่งจะนำเสนอแผนกันอีกครั้งในการประชุมเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม จากการทำงานอย่างจริงจัง ทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว และการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ อย่างนิวซีแลนด์ การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคดีนี้ก็เคลื่อนไหวน้อยลง
หลังจากนี้ เชื่อว่าการสอบสวนปราบปรามจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) บังคับให้ต้องลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ทุกระบบ เพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้โทรศัพท์แต่ละเลขหมาย และให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภาพรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานได้ชัดเจน ซึ่งจะนำเสนอแผนกันอีกครั้งในการประชุมเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม จากการทำงานอย่างจริงจัง ทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว และการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ อย่างนิวซีแลนด์ การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคดีนี้ก็เคลื่อนไหวน้อยลง