ผบ.ตร.เผยเร่งล่าตัวการคดีบึ้มศาลอาญา “ใหญ่ พัทยา” พร้อมขอผู้ร้ายข้ามแดน “เอนก ซานฟราน” ยันดำเนินคดีฐานฆ่าผู้อื่นต่อ “ดาบยักษ์” มือยิงหนุ่มซิ่งบิ๊กไบค์ฝ่าด่านตรวจ ลั่นไม่เลือกปกป้องใคร
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างประสานขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายมนูญ ชัยชนะ หรือนายเอนก ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ตามขั้นตอนนั้นเมื่อทางตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการและทางอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้วก็จะขอศาลอนุมัติหมายจับ จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะส่งเรื่องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำหนังสือไปยังประเทศที่สงสัยว่ามีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ เบื้องต้นทราบว่านายเอนกยังคงหลบหนีอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะหากในวันข้างหน้านายอเนกหลบหนีไปยังประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เจ้าหน้าที่ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายวีระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ผู้ต้องหาอีกรายนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่านายวีระศักดิ์พักอยู่ที่ใด สำหรับเครือข่ายของผู้ต้องหากลุ่มนี้จะมีมากกว่า 20 คน หรือจะมีการขอออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานรวมถึงคำให้การของผู้ต้องหา ถ้าหากหลักฐานพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงใครบ้างก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะพนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิยกเว้นหรือไม่ดำเนินการกับคนใดคนหนึ่งไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมายฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
อย่างไรก็ตาม ในการทำสำนวนทางพนักงานสอบสวนจะไม่เร่งรีบเพราะสำนวนจะต้องมีความสมบูรณ์ครบถ้วนมากที่สุด ไม่เช่นนั้นถ้าส่งไปถึงอัยการแล้วทางอัยการตีกลับสำนวนให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม ก็จะยิ่งทำให้กระบวนการล่าช้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศได้กล่าวถึง กรณี ด.ต.สุพรรณ หรือดาบยักษ์ ชำนิจ ผบ.หมู่ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายนเรศ โรจน์บุญส่งศรี อายุ 40 ปี ผู้ขับขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ฝ่าด่านตรวจบริเวณสะพานห้วยเล็ก หมู่ที่ 11 ต.หนองขา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จนเสียชีวิต ว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและขั้นตอนของกฎหมาย หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะต้องว่าไปตามความผิด ไม่มีการปกป้องใคร เบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาของดาบยักษ์ได้ดำเนินคดีโดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ ด.ต.สุพรรณออกจากราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและพยานหลักฐาน ไม่มีการปกป้องลูกน้อง ส่วนกรณีที่ตำรวจใช้อาวุธปืนอาจจะดูว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุซึ่งตนก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยเบื้องต้นตนได้ออกคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยไปทบทวนการฝึกยุทธวิธีในการใช้อาวุธ เชื่อว่าหากมีการฝึกฝนบ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญและสามารถตัดสินใจในการแก้ปัญหาได้ดีมากยิ่งขึ้น