xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” รอด กกต.4-1 ยกคำร้องไม่พบใช้อำนาจรัฐหาเสียงช่วงทัวร์นกขมิ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก ลงพื้นที่ตรวจราชการในภาคเหนือและอีสาน ในช่วงที่มีพ.ร.ฎ.กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 (แฟ้มภาพ)
มติ กกต.4 ต่อ 1 ยกคำร้อง “ยิ่งลักษณ์-รัฐมนตรี” คดีทัวร์นกขมิ้นช่วง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฯ เหตุไม่พบหลักฐานใช้อำนาจรัฐ หาเสียงช่วงเลือกตั้ง พร้อมยกคำร้องยุบพรรค ปชป.เหตุกรรมการบริหารฯ ลาออกยกชุดร่วมม็อบกำนัน รวมทั้งยกคำร้อง “ปู” หาเสียงผ่านทีวี

วันนี้ (24 มี.ค.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติยกคำร้องกรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม 9 คน ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองนายกฯ, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายเสริมศักดิ์ พงศ์พานิช รักษาการ รมช.ศึกษาธิการ, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รักษาการ รมช.มหาดไทย, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.คลัง, นายพีระพันธุ์ พาลุสุข รักษาการ รมว.วิทยาศาสตร์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม รวมทั้งอดีต ผบ ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว

ตามคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรวม 7 คนร้องคัดค้านว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวกว่ากระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (4) และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 53 และ 57 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดให้มีผลต่อการเลือกตั้ง โดยรออกตรวจราชการหลายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสาน และกรณีไปร่วมพิธีศพ มอบเงินแก่ครอบครัวนายดาบตำรวจที่เสียชีวิตจากการชุมชน โดย นส.ยิ่งลักษณ์และพวก ระหว่าง 12-26 ธ.ค. 2556 ซึ่งอยู่ระหว่างมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 แล้ว โดย กกต.เห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่ามีการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกคำร้องคัดค้าน ยกเว้นประเด็นที่ไปราชการที่บึงพลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 56 นั้น ที่ กกต.มีมติยกคำร้องด้วยเสียงข้างมาก

“คดีนี้มีรายละเอียดมา กกต. จึงมองเป็นประเด็นๆ ไปว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เกี่ยวพันหรือชี้ให้เห็นว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ หรือมีลักษณะเกี่ยวพันกับการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวน จึงไม่อาจพิจารณาลงโทษใคร จึงให้ยกคำร้อง โดยฐานความผิดเรื่องนี้คือใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ คือ 1. มีอำนาจหน้าที่ไปตรวจราชการหรือไม่ 2. การไปตรวจราชการระหว่างมี พ.ร.ฎ.ได้หรือไม่ ดูข้อเท็จจริงแล้วผู้อยู่ในตำแหน่งมีอำนาจหน้าที่เดินทาง ใช้ทรัพยากรเดินทางได้ เพียง แต่รัฐธรรมนูญกำหนดห้ามใช้ไปในการหาเสียง ส่วนประเด็นที่เสียงไม่เป็นเอกฉันท์นั้น ดูจากการที่ประชาชนมาต้อนรับซึ่งเป็นงานของจังหวัด ซึ่งมองต่างในข้อเท็จจริง” นายดุษฎีกล่าว

สำหรับกรณีนายศรีสุวรรณกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ใช้สื่อของรัฐในการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 (4) และ พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ มาตรา 53, 57 และ 60 นั้น กกต. แยกพิจารณาเป็น 3 ประเด็น คือการหาเสียงทางโทรทัศน์และวิทยุซึ่งกฎหมายห้ามหาเสียงนอกจากรัฐจัดให้ 2. การโฆษณาโครงการจำนำข้าวดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดต่อชุมชนหรือไม่ และ 3. เจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์แต่ผู้สมัครหรือไม่ ซึ่งกกต. พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนฟังไม่ได้ว่าการกระทำทั้ง 3 กรณีเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง จึงมีมติยกคำร้องคัดค้าน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเหลือคำร้องที่เกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ อีกหนึ่งคดี คือ กรณีการกล่าวหาว่าใช้สถานีโทรทัศน์ NBT เชิญคนของรัฐบาลไปออกรายการในระหว่างมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งถือเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ยังรับทราบความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่เสนอให้ยกคำร้อง กรณีนายสิงห์ทอง บัวชุม อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ (กปปส.) ขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง ส.ส. และมีการแถลงข่าวทำนองใส่ร้ายพรรครัฐบาล เข้าข่ายพรรคประชาธิปัตย์รู้เห็นเป็นใจให้บุคคลใดกลั่นแกล้งพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังในเรื่องนี้ไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ส่วนกรณีที่นายกมล บันไดเพชร กล่าวหานายชวนนท์ อินทโกมารสุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีการแถลงข่าวกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยต้องการใช้การเลือกตั้งเพื่อฟอกขาวให้ตนเองในกรณีการทุจริตจำนำข้าว โดยใช้ข้อความว่า “ยิ่งลักษณ์หัวใจรักประชาธิปไตย ไม่ลงพื้นที่เมินหาเสียง และนโยบายเดิมอาจทำให้ไทยเจอวิกฤติอีกรอบ” นั้น กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าการแถลงข่าวดังกล่าวยังไม่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 53 (5) จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกคำร้องคัดค้านด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น