อดีต ส.ส. ปชป. แขวะ ร่าง รธน. ใต้กระบอกปืน ไม่เป็น ปชต. ผู้มีอำนาจไม่หนุนไม่มีทางผ่าน ซัด “บวรศักดิ์” ทำดีกว่าใบสั่ง โวย ร่างโดยใช้พื้นฐานเหมานักการเมืองเลว ขอ “ประยุทธ์” อย่าเสียคนคล้อยตาม จนขัดแย้งแบบ 14 ตุลาฯ - พฤษภาทมิฬ ส่อมือเปื้อนเลือด จี้ ประชามติ ย้อน “ประวิตร” ไม่ขัดล้างผิดแต่ไม่รวมคดีหนัก ควรให้แก๊งแดงนำอาวุธสงครามคืนก่อน ยก “ไก่อู - คอป.” ยันชายชุดดำมีจริง
วันนี้ (22 มี.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงคัดค้านเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการกำหนดหลักการใหม่ในการร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กระบอกปืน ทั้งที่ไม่ควรจะไปด้วยกัน มีเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่สะท้อนถึงการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งร่างเช่นนี้จะไม่มีทางผ่านได้เลยหากผู้มีอำนาจไม่สนับสนุน จึงขอคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้ใน 10 ประเด็น ดังนี้
1. ส.ส. เขตเหลือเพียง 250 คน ไม่สะท้อนกับความเป็นจริงที่ ส.ส. ต้องดูแลคนจำนวนมาก 2. บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 200 คน เลือกแบบโอเพ่นลิสต์ สร้างความแตกแยกในหมู่ผู้สมัครของพรรคการเมือง 3. นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก 4. วุฒิสภา 200 คน มาจากการลากตั้ง 5. วุฒิสภามีอำนาจล้นฟ้า ตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมคณะรัฐมนตรีก่อนเข้าดำรงตำแหน่งได้ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ 6. ถ้ามีการลงมติเสียงไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมากกว่ากึ่งหนึ่ง นายกฯมีอำนาจยุบสภาได้ 7. การให้มีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งแทนคณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดโอกาสให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้โดยง่าย 8. ยุบผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมกับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 9. มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติเพื่อกำกับดูแลการทำงานเหนือรัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง และ 10. ให้มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่ตนขอเรียกว่า‘สภาขับเคลื่อนรถถังเพื่อการปฏิรูป’
“การเขียนแบบนี้จะไม่อาจเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีอำนาจเด็ดขาดสนับสนุน และสะท้อนให้เห็นว่านายบวรศักดิ์เขียนรัฐธรรมนูญดีกว่าใบสั่งที่สั่งมาอีก การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานที่คิดว่านักการเมืองเลวทั้งหมด ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรม จึงเชื่อว่า นายบวรศักดิ์ อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี เสียคนในที่สุดจึงขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า อย่าบ้าจี้คล้อยตามสิ่งที่นักวิชาการกลุ่มนี้เสนอ เพราะจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความแตกแยกเป็นชนวนให้มีการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมีบทเรียนทางประวัติศาสตร์มาแล้วถึงสองครั้ง คือ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 35 และนายบวรศักดิ์กำลังพาประเทศชาติไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดในประเทศไทย ถ้าประชาชนออกมาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จำนวนมาก อาจจะเกิดความรุนแรง และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะกลายเป็นนายกฯมือเปื้อนเลือดในที่สุด ผมไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองไปถึงขนาดนั้น และถ้า คสช. ต้องการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมขอเรียกร้องให้ทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศ แต่ถ้ามีการลงมติไม่รับร่างนี้ ขอร้องให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้โดยเร็ว อย่าได้สืบทอดอำนาจเพราะจะเป็นเงื่อนไขก่อให้เกิดความรุนแรงในที่สุด” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ขานรับให้มีการนิรโทษกรรมว่า ตนในฐานะอดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ได้มีการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชายชุดดำในปี 2553 โดยมีการสรุปผลการดำเนินงานว่า “กลุ่ม นปช. ยังไม่ได้คืนอาวุธสงครามที่ยึดจากทหารในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 คือ อาวุธปืนทราโว 25 กระบอก เอ็ม16 4 กระบอก ลูกซอง 39 กระบอก และกระสุนปืนกับซองกระสุนอีกจำนวนมาก
นายวัชระ กล่าวว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยศในขณะนั้นยังระบุว่า ภาพรวมการชุมนุมมีชายชุดดำอยู่จริง ดังนั้น หาก พล.อ.ประวิตร จะนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มบุคคลต่างๆ ก็ควรเรียกร้องให้ กลุ่มนปช. นำอาวุธปืนสงครามมาคืนกับทางราชการเสียก่อน นอกจากนี้ นายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ได้ให้การต่ออนุกรรมาธิการว่ารายงานของ คอป. ที่ยืนยันว่ามีชายชุดดำและใช้อาวุธสงครามนั้นเชื่อถือได้ และเป็นความจริง ส่วนนักโทษการเมืองนั้นไม่มี นี่คือความจริงที่บันทึกผ่านการตรวจสอบของสภา
“ผมไม่ขัดข้องถ้าจะนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่มาด้วยใจบริสุทธิ์ทุกฝ่าย แต่ไม่ควรรวมถึงผู้ใช้อาวุธสงคราม การทำผิดอาญาร้ายแรง การเผาบ้านเผาเมือง คดีทุจริต และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยอาศัยเหตุการณ์ทางการเมืองจึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่ยึดอาวุธเหล่านี้นำมาคืนโดยเร็ว ตราบใดที่ยังไม่นำมาคืนก็เร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนิรโทษกรรม เพราะอาวุธปืนสงครามยังตกอยู่ในกลุ่มผู้นิยมความรุนแรงและประชาชนจะตกเป็นเหยื่อในที่สุด” นายวัชระ กล่าว