xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยที่ดินปากช่องเครือข่าย “ธาริต-ป๋าชื่น โคลอนเซ่” นายหน้าค้าที่ดิน - แอบอ้างเบื้องสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ธาริต เพ็งดิษฐ์ (แฟ้มภาพ)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ย้อนรอยกรณีตำรวจแจ้งจับ “น้องธาริต - ป๋าชื่น โคลอนเซ่” แอบอ้างเบื้องสูง หลอกชาวบ้านออกโฉนดขายต่ออ้างสร้างวัง พบปี 2545 ช่วงที่ “ธาริต” เป็นอัยการปากช่อง เมียเป็นนายหน้าที่ดิน แจ้งความเท็จออกโฉนดนิคมสร้างตนเองลำตะคอง รวมทั้งที่ดินทหารค่ายหนองตะกู ที่กองทัพภาคที่ 2 ไปทลายก่อนหน้านี้

วันนี้ (19 ก.พ.) กรณีที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายบุญธรรม บุญเทพประทาน หรือ ป๋าชื่น กรรมการบริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และบริษัท เขาใหญ่เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด ในข้อหา แอบอ้างเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เป็นกลุ่มนายทุนแอบอ้างเบื้องสูง ใช้อุบายหลอกลวง และร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐนำที่ดินของราชการ ที่มอบให้กับประชาชนไปทำกิน ไปแปรผันออกโฉนดที่ดิน บริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง และเป็นต่อเนื่องกับพื้นที่เขตทหาร ศูนย์ฝึกการรบพิเศษ (ค่ายหนองตะกู) ปากช่อง

โดยก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านกว่า 50 คน ได้มาร้องเรียนกับทางกองปราบปราม ว่า ถูกกลุ่มนายทุนหลอกให้นำเอกสารสิทธิไปออก น.ค.3 เพื่อนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินให้ถูกต้อง โดยได้ค่าตอบแทนรายละ 10,000 บาท หรือบางรายได้ข้าวสาร 5 กิโลกรัม แต่ภายหลังที่ดินกลับเป็นของบริษัท บ้านชุมทอง ที่มี นายบุญธรรม เป็นกรรมการ และชาวบ้านบางรายต้องเสียภาษีการซื้อขายที่ดินนับแสนบาท ซึ่งโดยหลักการแล้วพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกเอกสารสิทธิใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันและเป็นพื้นที่ป่า และพบว่าไม่เคยมีการทำเกษตรกรรมใดๆ เมื่อที่ดินตกเป็นของกลุ่มนายทุนดังกล่าวแล้วได้จัดสรรเพื่อขายทำกำไรไร่ละนับล้านบาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ทำเลทอง

คดีนี้เบื้องต้น นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มอบตัวให้การซัดทอดถึงนายบุญธรรมว่าแอบอ้างเบื้องสูงในการแสวงหาที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างเป็นวัง ทำให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินและที่เกี่ยวข้องหลงเชื่อและให้ความร่วมมือ เช่น การเดินไฟฟ้าเพื่อพัฒนาพื้นที่ ใช้งบประมาณกว่า 60 ล้านบาท จากแนวทางการสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม เนื่องจากการจากสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้เคยเดินทางมาตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเอง รวมทั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เคยมีความสนิทสนมกับป๋าชื่น

กรณีดังกล่าว ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2555 พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่งพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดินโดยมิชอบ ในนิคมสร้างตนเองลำตะคอง พบว่าผู้ที่เข้าไปถือครองที่ดินส่วนใหญ่ขาดคุณสมบัติ เพราะไม่ใช่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนลำตะคอง และไม่ใช่ราษฎรที่ไม่มีที่ดินเพียงพอแก่การทำกิน นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ครอบครองที่ดินไม่ได้ใช้ที่ดินประกอบอาชีพเกษตรกร ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มีทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น และนักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งจะเข้าไปปลูกบ้านพักอาศัยในนิคมฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลการถือครองที่ดินในนิคมสร้างตนเองลำตะคอง และรายชื่อของผู้สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ในช่วงปี 2537 - 2539 พบรายชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ นางโสธร ณ นคร (ภรรยานายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.) นายสามัคคี มณีรัตน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย นางมาเรียม มณีรัตน์ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบบุคคลที่มีนามสกุลดังอีกจำนวนมาก เข้าไปถือครองที่ดินในนิคม เช่น ทังสุพานิช วัชราภัย สวัสดิวัฒน์ อักษรานุวัตร เรืองกฤตยา จักกะพาก สูตะบุตร พานิชกุล สถิรบุตร เป็นต้น

หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2557 คณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับ นายธนวัฒน์ สนิทศักดิ์ดี เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนชำนาญการคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) นำกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกรมที่ดินเข้าตรวจสอบที่ดิน บริเวณชะง่อนผาเขาหนองเชื่อม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อยู่ในละแวกเดียวกับนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ภายหลัง พ.ท.สิรวิชญ์ แข็งขัน ผู้บังคับการรบพิเศษ ศูนย์สงครามรบพิเศษ เข้าร้องทุกข์ ว่าที่ดินถูกบุกรุกเข้าก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูหลายหลังบนพื้นที่ประมาณ 500 - 600 ไร่ ส่งผลกระทบต่อการฝึกกำลังอาวุธของทหาร

ที่ผ่านมา ทหารพยายามปักป้ายระบุแนวเขตตักเตือนและขับไล่มาโดยตลอด แต่ผู้บุกรุกไม่เกรงกลัวและยังพยายามนำเครื่องจักรเข้ามาก่อสร้างคฤหาสน์หรูอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเชื่อมต่อไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้โดยปักเสาไฟฟ้าและก่อสร้างถนนคอนกรีตตัดเลาะแนวเขาเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรภายในพื้นที่บุกรุก ทั้งนี้ ผบ.ศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี เคยร้องเรียนต่อกองทัพภาคที่ 2 ว่า ถูกนิคมลำตะคองทำรังวัดที่ดินล้ำพื้นที่ทหาร โดยพื้นที่เดิมเมื่อปี 2508 นั้น มีไว้สำหรับฝึกซ้อมรบของทหารอเมริกันและทหารไทยช่วงสงครามเวียดนามเพื่อส่งไปรบประเทศที่สามจำนวนกว่า 40,000 ไร่ ต่อมาปี พ.ศ. 2515 มีการสร้างเขื่อนลำตะคอง และมีการอพยพชาวบ้านท้ายเขื่อนมาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวตามคำสั่งคณะปฏิวัติ จึงให้ทางนิคมลำตะคองเข้ามาจัดสรรที่ดินจำนวนกว่าแสนไร่ออกเป็นแปลงเพื่อให้ผู้อพยพเพาะพืชผลทางเกษตรและอยู่อาศัย ล็อกละ 15 ไร่ จำนวนกว่า 7 พันครัวเรือน

ต่อมาขยายไปกว่า 4 หมื่นครัวเรือน แต่ทหารก็ไม่ได้มีการท้วงติงใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นคนดูแลช่วงนั้นเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าที่ดินนี้เป็นที่ของนิคมลำตะคลอง จึงปล่อยให้นิคมลำตะคลองเข้ามาใช้พื้นที่ทั้งที่ในบริเวณดังกล่าว ไม่ใช่พื้นที่ของนิคมแต่เป็นพื้นที่ของศูนย์การทหารราบรบพิเศษ ลพบุรี อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสภาพพื้นที่ดังกล่าวพบสิ่งปลูกสร้าง สนามบินแอล 19 และอาคารที่ทหารอเมริกันเคยสร้างไว้ โดยในจำนวนดังกล่าวมีพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ถูกชาวบ้านบุกรุกไปปลูกไร่ข้าวโพด จึงทำให้กระทบต่อการฝึกรบประจำปี ซึ่งพบว่ามีการออกเอกสารหนังสือแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเอง น.ค.3 เกินจากพื้นที่ของนิคมโดยล้ำเข้ามาในเขตทหารประมาณ 10,000 ไร่ และเกินที่ดินกรมป่าไม้อีก 10,000 กว่าไร่

นายเสวก อรรถกิจวิโรจน์ ผู้ดูแลบ้านพัก ให้การว่า นายบุญธรรม บุญเทพประทาน เป็นผู้ว่าจ้างให้มาดูแลความเรียบร้อย โดยบ้านพักตากอากาศทั้ง 8 หลังที่อยู่ละแวกใกล้กัน มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และอัยการเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งมีทั้งพลตำรวจตรีชื่อดัง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พลตำรวจโทอดีตนายตำรวจระดับสูงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บก.ภ.7) นายตำรวจยศพลตำรวจโท และพลตำรวจตรีอีก 3 นาย รวมถึงภรรยาพลตำรวจตรี และอัยการอีก 2 คน จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินในพื้นที่ของศูนย์สงครามพิเศษ พบว่า มีการออกโฉนดที่ดิน 33 แปลง เนื้อที่รวม 538 ไร่ ซึ่งออกโดยนิคมสร้างตนเองลำตะคอง โดยเป็นหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) ที่ออกให้ชาวบ้านตั้งแต่ปี 2545 ก่อนจะยื่นขอออกโฉนดที่ดินเมื่อปี 2550

โดยมีชาวบ้านได้รับการออกโฉนดรวม 12 ราย จากนั้นได้มอบหมายให้ นายเสฏฐวุฒิ เป็นผู้นำรังวัด และชี้นำในการออกโฉนดที่ดินทุกแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยถึงการได้รับมอบอำนาจในการนำรังวัด เพราะน่าจะเป็นทายาทหรือเจ้าของเอกสาร น.ค.3 แต่ที่ดินของชาวบ้านทั้ง 12 แปลง กลับมี นายเสฏฐวุฒิ เป็นผู้นำรังวัดเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่ นายเสฏฐวุฒิ ไม่น่าจะทราบว่าผู้ครอบครองแต่ละแปลงมีเนื้อที่การครอบครองเท่าใด นอกจากนี้ ยังพบว่า หลังออกโฉนดที่ดินทุกแปลงแล้ว ได้มีการทำสัญญาให้เช่ากับบริษัท บ้านชุนทอง จำกัด มีนายบุญธรรม บุญเทพประทาน เป็นผู้จัดการ และต่อมาในปี 2555 ซึ่งครบกำหนดสิทธิห้ามโอน 5 ปี ได้มีการขายต่อให้กับบริษัท บ้านชุนทอง ก่อนจะมีการขายต่ออีกทอดให้กับผู้ครอบครองในปัจจุบัน

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2557 พ.อ.สมหมาย และคณะได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่ดินของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) 2 จุด ที่บ้านมอทรายทอง ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และที่ดินที่ใช้สำหรับฝึกภาคสนามของศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี บริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง ซึ่งปรากฏชื่อ นายธาริต และ นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชาย มีชื่อเป็นเจ้าของรวมกับคนอื่นๆ อีกหลายคน โดยพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพทางกายภาพลาดชันเกิน 35 องศา เป็นพื้นที่หลวงที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้

จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการได้มาของที่ดินแปลงดังกล่าวพบว่าอยู่ในพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ซึ่งนายธาริตได้มาขณะที่รับราชการในตำแหน่งพนักงานอัยการ จ.นครราชสีมา โดยมีการทำคำร้องขอหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.2) เพื่อขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) และอ้างว่ามีอาชีพเกษตรกรรม และมีรายได้ปีละ 80,000 บาท เพื่อให้เข้าเงื่อนไขที่จะมีที่ดินในนิคมสร้างตนเองลำตะคองตาม พ.ร.บ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งเป็นการให้การเท็จ ต่อมาได้มีการออก น.ค.3 ให้ นายธาริต จากนั้นนายธาริตได้มอบอำนาจให้ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา นำ น.ค.3 มายื่นขอออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 61365 ต.วังไทร เนื้อที่ 10 ไร่ 1 งาน 12 ตารางวา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของนายธาริตเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

นอกจากนี้ ที่ดินที่มีพื้นที่ติดกันและมีอาณาเขตอยู่ในพื้นที่เดียวกันและกำลังมีการก่อสร้างรีสอร์ต นายเสฏฐวุฒิ น้องชาย และ นายธาริต ได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นมาออกโฉนด ซึ่งรวมที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคองที่ยังไม่ได้มีการจัดสรรให้แก่ราษฎร รวมเนื้อที่ทั้งหมด 405 ไร่ การกระทำของนายธาริต ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา รวมทั้งมีความผิดในการเข้าไปแผ้วถางทำลาย ทำให้เป็นอันตรายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตนิคม ตามมาตรา 15 และมีความผิดตามมาตรา 41 พ.ร.บ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ส่วนที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งนิคมสร้างตนเองลำตะคองได้ออก น.ค.3 นอกเขตพื้นที่ของตนเอง ตามประกาศคณะปฏิวัติ พ.ศ. 2515 โดยได้มีการรังวัดเข้าไปในพื้นที่ ส.ป.ก. และยังพบว่านายธาริตได้ทำการรังวัดเพื่อออก น.ค.3 ในพื้นที่ ชะง่อนผา หมู่บ้านนายพล ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ด้วย

ด้านสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นายธาริต ถือหุ้นในบริษัท ภูเก็ต-พังงา เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท พังงา วัลเลย์ จำกัด) ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทดังกล่าวเป็นเจ้าของบริษัท บ้านชุมทอง จำกัด ซึ่งเกี่ยวพันกับการถูกกล่าวหาว่าถือครองที่ดินกรณี บริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี กว่า 330 ไร่ และธุรกิจอาบอบนวดชื่อดังหลายแห่ง จดทะเบียนวันที่ 19 พ.ย. 2550 ทุนเพิ่มแรก 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ให้เช่า การขาย การซื้อ และการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 4 ถนนพระราม 9 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร มีนายบุญธรรม บุญเทพประธาน นายไวษิษฐ์ บุญเทพประทาน นางชัญญา กาญจนวรดิลก นางภัทรา ศิริกาญจนโกวิท น.ส.ลีภัทร ศิริกาญจนโกวิท ร่วมกันถือหุ้น

ต่อมา วันที่ 6 ก.พ. 2551 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เข้ามาถือหุ้นลำดับ 14 จำนวน 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาท โดยมี นายบุญธรรม บุญเทพประทาน ถือหุ้นใหญ่ 100,000 หุ้น และบุคคลอื่นรวม 20 คน รวม 600,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ต่อมาบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหลายครั้ง นายธาริต ยังคงถือหุ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ นายบุญธรรม เป็นเจ้าของธุรกิจอย่างน้อย 8 บริษัท เช่น บริษัท นูรุ คริสตัล จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด) บริษัท โคลอนเซ่ จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด ที่ตั้งเลขที่ 821 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร) บริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ ฮิลส์ จำกัด บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด บริษัท ไนท์ คอมเพล็กซ์ จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด ทูไนท์ พระราม 9) เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ นายธนวัฒน์ สนิทศักดิ์ดี เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนชำนาญการคดีพิเศษ ป.ป.ท. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในนามกองทัพภาคที่ 2 ทีมงานของ พ.อ.สมหมาย เปิดเผยว่า การตรวจสอบการบุกรุกที่ดินบริเวณชะง่อนผาเขาหนองเชื่อม พบว่ามาจาก น.ค.3 ที่ออกเมื่อปี 2545 ในชื่อของชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 11 ราย เนื้อที่ทั้งหมด 330 ไร่ ซึ่งชาวบ้านบางคน อาจจะมี 2 - 3 แปลง หลังจากนั้น ได้มีการนำ น.ค.3 มาออกเป็นโฉนด ได้โฉนดในปี 2550 ซึ่งบุคคลที่เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน เป็นช่างรังวัดในการออกโฉนดที่ดิน คือ นายเศรษฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นคนทำการรังวัดออกโฉนดคนเดียวทั้งหมด ซึ่งตามพฤติการณ์จะไม่มีใครทราบว่า มีที่ดินตรงไหน จุดไหนบ้าง และเมื่อได้โฉนดที่ดินแล้ว ก็มีการทำสัญญาเช่าที่ดินให้บริษัท บ้านชุมทอง เช่าที่ดินจากชาวบ้าน 11 ราย ทั้ง 18 แปลง พอมาปี 2555 หลังครบกำหนดสิทธิห้ามโอน 5 ปี ก็มีการโอนขายให้บริษัทบ้านชุมทอง แล้วจึงมีการโอนขายต่อให้แก่นายตำรวจระดับสูงหลายคน

โดยพบว่าการโอนมีขึ้นเมื่อปี 2555 แต่บ้าน พล.ต.ต. คนหนึ่ง ซึ่งปรากฏตามหลักฐาน เป็นบ้านที่ปลูกมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว ทำในลักษณะเป็นนอมินี หรือตัวแทนกันมาแล้ว ซึ่งนายตำรวจที่ทำรู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะคนงานของเขาเองก็ให้การไว้ว่า นายชิน เมืองทอง เป็นคนดูแลบ้านนี้มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็ประมาณปี 2553 ก่อนมีการโอนสิทธิด้วยซ้ำ แสดงว่ารู้อยู่แล้วว่าให้บุคคลพวกนี้เป็นนอมินีในการถือแทน นอกจากนี้ จากคำให้การของผู้ที่ดูแลบ้านบอกว่า เป็นบ้านของระดับนายตำรวจใหญ่ ระดับสูงมีทั้ง พล.ต.อ. โดยที่ใช้นอมินี มีจำนวน 18 ไร่ เป็นที่ดินเปล่า ระดับผู้การสืบสวนสอบสวนยศ พล.ต.ต. ครอบครองบ้านและที่ดิน จำนวน 50 ไร่ อดีต ผบช.ภาค นายหนึ่งมี 40 ไร่ รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยดัง และญาตินักการเมือง

ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าพฤติกรรมของนายธาริต เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินที่ได้มาโดยมิชอบ ยังพบว่าได้ครอบครองที่ดินเลขที่ 444 หมู่ 11 บ้านมอกระหาด ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งในวันที่ 14 ต.ค. 2556 ได้ถูกเปิดเป็นโฮมสเตย์โดยใช้ชื่อว่า “ฟิออร์เร ปาร์ค” (Fiore Park Khao Yai) บนพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ ด้านหลังติดกับเขาเสียดอ้า ซึ่งพบว่าโฉนดที่ดินที่ใช้ประกอบการขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่อองค์การบริหารส่วนตำบลหนองน้ำแดง เนื้อที่เพียง 2 ไร่ ซื้อมาจาก “น.ส.สุธีรา เตชะมณีวัฒน์” เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2555 นอกจากนี้ ที่ดินของโฮมสเตย์ “ฟิออร์เร ปาร์ค” ยังมีความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกับ “ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลี” ชื่อดัง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 300 เมตร ที่เคยมีปัญหาเรื่องการรุกล้ำเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าป่าเขานกยูงและป่าเขาอ่างหินด้วย

นายธาริต เคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ เมื่อเดือนกันยายน 2556 ถึงข้อกล่าวหาว่าร่ำรวยขึ้นจากตำแหน่ง มีบ้านหลังใหญ่โตที่ จ.นครราชสีมา ระบุว่า “ภรรยาเป็นคนโคราชดั้งเดิม ผมไปเป็นอัยการที่ อ.ปากช่อง โดยพื้นฐานภรรยาทำธุรกิจเรื่องที่ดินอยู่บ้าง บ้านที่สร้างอยากเชิญไปดู เป็นกิจการของครอบครัว คือ โฮมสเตย์ ไม่ใช่ว่ารวยแล้วไปสร้างคฤหาสน์ ผมมีอยู่ 29 ห้อง เปิดให้พักแล้วเก็บเงิน กะว่าเราเกษียณจะได้เงินจากส่วนนี้ ยอมรับว่าเป็นอาชีพเสริม เราทำในเชิงธุรกิจ คนที่เอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ก็ไม่ยอมถ่ายรูปป้ายโฮมสเตย์ที่มีชื่อคือ ฟิออร์เร ปาร์ค ดันไปเสือกถ่ายอีกมุม แล้วมาเลือกประเด็นพูดแบบนี้ ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผม”

“ครอบครัวผมจัดสรรที่ดินขายตั้งแต่ผมเป็นอัยการแล้ว ตอนมาอยู่ปากช่อง สองผัวเมียทำธุรกิจที่ดิน แบ่งแปลงจัดสรรขาย อีกทั้งดูเทรนด์แล้ว ตอนนี้น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ คนก็มาปากช่องเพิ่มขึ้น ต่อไปจะมีมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง อีกห้าปี ผมและเมียเกษียณจะได้มีอะไรรองรับ ตอนนี้ก็มีรายได้มาบ้างจากอาชีพสุจริต ถ้าผมได้เงินมาจากการทุจริตผมไม่เลือกมาทำแบบนี้ หาที่ซ่อนเงินดีกว่ามาเปิดเผย และโดยอาชีพตรวจสอบคนอื่นจะมาทำเสียเองมันไม่ใช่เรื่อง ผมบอกเลยว่าถ้าผมมีจุดอ่อน ผมจะถูกตรวจสอบตลอดเวลา ป่านนี้ผมถูกพรรคประชาธิปัตย์จัดการไปแล้ว ไม่เอาผมไว้หรอก”



กำลังโหลดความคิดเห็น