เจ้าของอู่ซ่อมสีรถชูป้าย “ช่วยด้วย ผมถูกโกง” หน้าศูนย์บริการ ปชช. ปัดร้องเรียน “ประยุทธ์” แค่อยากพบ “ทนายประมาณ” เหตุถูกน้องเมียโกง คดีไม่คืบ ก่อนนักข่าวสานฝันประสานนัดพบ 23 มี.ค. เจ้าตัวปล่อยโฮ บอกเหมือนมีคนดึงจากนรก
วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อรายงานว่า พบผู้ชายคนหนึ่งมายืนชูป้ายอยู่ด้านหน้าศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในสำนักงาน ก.พ. โดยป้ายที่ชูมีความข้อความว่า “ช่วยด้วย ผมถูกโกง” เมื่อเข้าไปสอบถามจึงทราบชื่อ คือ นายเจริญ หิรัญประสาทกุล อายุ 56 ปี อาชีพค้าขายอุปกรณ์เกี่ยวกับอู่เคาะ-พ่นสีรถยนต์ และรับผสมสีรถยนต์ตามตัวอย่างอยู่ที่จังหวัดนครปฐม และพัทยา โดยนายเจริญระบุว่าเดินทางมาจากเมืองพัทยามาพร้อมภรรยา และที่มาชูป้ายไม่ได้มาร้องเรียนอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ตนต้องการพบกับนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดังเท่านั้น
นายเจริญเล่าด้วยสีหน้าเศร้าและมีน้ำตาคลอตลอดเวลาว่า ตนเปิดอู่อยู่ที่ จ.นครปฐม และเปิดสาขาที่พัทยา โดยสาขาที่พัทยามีน้องชายของภรรยาเป็นผู้ดูแล จนกระทั่งตนทราบว่ามีการทุจริตเงินในร้านกว่า 10 ล้านบาท ก็ได้มีการฟ้องร้องต่อศาลเมืองพัทยาดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2548 และได้เปลี่ยนทนายความมาแล้ว 5 คน จึงต้องการขอคำปรึกษาจากนายประมาณในการทำคดี เพราะตนทุกข์ใจอย่างมากเหมือนตกนรกทั้งเป็น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ต่อสายโทรศัพท์ให้นายเจริญได้พูดคุยเบื้องต้นกับนายประมาณ และนายประมาณบอกผ่านโทรศัพท์ว่าให้เดินทางมาพบได้ที่สำนักงานกฎหมายย่านเหม่งจ๋าย ในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ จึงทำให้นายเจริญถึงกับร้องไห้และบอกว่าตนรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้คุยกับนายประมาณ เหมือนมีคนมาดึงขึ้นจากนรก และวันที่ 23 มีนาคมจะมาปรึกษานายประมาณแน่นอน
วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อรายงานว่า พบผู้ชายคนหนึ่งมายืนชูป้ายอยู่ด้านหน้าศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในสำนักงาน ก.พ. โดยป้ายที่ชูมีความข้อความว่า “ช่วยด้วย ผมถูกโกง” เมื่อเข้าไปสอบถามจึงทราบชื่อ คือ นายเจริญ หิรัญประสาทกุล อายุ 56 ปี อาชีพค้าขายอุปกรณ์เกี่ยวกับอู่เคาะ-พ่นสีรถยนต์ และรับผสมสีรถยนต์ตามตัวอย่างอยู่ที่จังหวัดนครปฐม และพัทยา โดยนายเจริญระบุว่าเดินทางมาจากเมืองพัทยามาพร้อมภรรยา และที่มาชูป้ายไม่ได้มาร้องเรียนอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ตนต้องการพบกับนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดังเท่านั้น
นายเจริญเล่าด้วยสีหน้าเศร้าและมีน้ำตาคลอตลอดเวลาว่า ตนเปิดอู่อยู่ที่ จ.นครปฐม และเปิดสาขาที่พัทยา โดยสาขาที่พัทยามีน้องชายของภรรยาเป็นผู้ดูแล จนกระทั่งตนทราบว่ามีการทุจริตเงินในร้านกว่า 10 ล้านบาท ก็ได้มีการฟ้องร้องต่อศาลเมืองพัทยาดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2548 และได้เปลี่ยนทนายความมาแล้ว 5 คน จึงต้องการขอคำปรึกษาจากนายประมาณในการทำคดี เพราะตนทุกข์ใจอย่างมากเหมือนตกนรกทั้งเป็น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ต่อสายโทรศัพท์ให้นายเจริญได้พูดคุยเบื้องต้นกับนายประมาณ และนายประมาณบอกผ่านโทรศัพท์ว่าให้เดินทางมาพบได้ที่สำนักงานกฎหมายย่านเหม่งจ๋าย ในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ จึงทำให้นายเจริญถึงกับร้องไห้และบอกว่าตนรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้คุยกับนายประมาณ เหมือนมีคนมาดึงขึ้นจากนรก และวันที่ 23 มีนาคมจะมาปรึกษานายประมาณแน่นอน