ป้อมพระสุเมรุ
เป็นประเด็นฮ๊อต ทอล์คออฟเดอะทาวน์ขึ้นมาทันที หลัง “เจษฎ์ โทณวณิก” กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทะลึ่งพรวดออกมาเสนอ “แม่น้ำ 5 สาย” ภายใต้ร่วมเงาของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) เว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลัง “รัฐธรรมนูญฉบับถาวร” มีผลบังคับใช้
“แม่น้ำ 5 สาย” ที่ว่าประกอบไปด้วย คสช. คณะรัฐมนตรี (ครม.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
โดย “เจษฎ์” ให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันข้อครหาการสืบทอดอำนาจและการเอื้อประโยชน์ ซึ่งเป็นการเว้นวรรคเพียงชั่วคราว โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งให้เว้นวรรคเฉพาะผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ทำหน้าที่ในการสรรหาบุคคล
เว้ากันซื่อๆก็ไม่อยากให้นินทาว่า คสช.สืบทอดอำนาจนั่นเอง
เจตนาของ “เจษฎ์” คงหวังดีให้ คสช.และองคาพยพดูดีคลีนที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อป้องกันเสียงซุบซิบนินทาจาก “ขั้วตรงข้าม” ที่จ้องเล่นงานในประเด็นการสืบทอดอำนาจและการเอื้อผลประโยชน์ “กลุ่มการเมือง” บางกลุ่มอยู่แล้ว
เลยจุดพลุขึ้นมาแบบไม่ไถ่ไมไฟเขียวจาก “บิ๊ก คสช.” เลย
ที่สำคัญโดยตัวตนของ “เจษฎ์” เส้นสายหรือความสัมพันธ์กับกลุ่มก้อน “คนการเมือง” แล้ว แทบที่จะไม่ปรากฏให้เห็น แม้การเข้ารับตำแหน่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อาจจะถูก “ป้ายสี” ใส่บ้างก็ตาม แต่มองเจตนาแล้วคงไม่ได้หวังเอื้อประโยชน์ให้ใคร
ข้อเสนอของ “เจษฎ์” ถูกบรรดา “นักการเมือง” ในคราบ “สนช.-สปช.” ออกมาแทงกั๊กทันที โดยอ้างว่า “เห็นด้วย” แต่ต้องสอบถามเสียงส่วนใหญ่ของบรรดาสมาชิกทั้ง "สนช.-สปช.” ก่อน
"สมชาย แสวงการ" สมาชิก สนช. ระบุว่า ส่วนตัวเห็นควร แต่อยากให้ฟังเสียงรอบด้านด้วย เพราะทุกคนที่เข้ามามีตำแหน่งในขณะนี้ไม่ใช่คนที่มีปัญหาจนทำให้สังคมวุ่นวาย หากจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็จะดูแรงไป
"เดอะจ้อน - อลงกรณ์ พลบุตร" สมาชิก สปช. แสดงความเห็นว่า ส่วนตัวไม่ขัดข้องหากต้องถูกตัดสิทธิ แต่ควรหารือกันก่อน เพราะหากสนช.หรือสปช. ทราบก่อนว่าจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง คงมีหลายคนที่ไม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง
ที่ออกตัวค้านหัวชนฝาเห็นจะเป็น “พีรศักดิ์ พอจิต” รองประธาน สนช. ที่ว่า “ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิทางการเมือง 2 ปี เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ หากจะมีการตัดสิทธิต้องบอกข้อกำหนดนี้มาก่อน ผมจะได้ไม่เข้ามาเป็น สนช. ซึ่งตำแหน่ง สนช. เป็นตำแหน่งชั่วคราว เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. และ ส.ว. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำกฎกติการัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการร่างรัฐธรรมนูญเหมือนกรรมาธิการยกร่างฯ จึงเห็นว่าไม่ควรไปตัดสิทธิ สนช. หากจะมีการห้ามขอให้รีบบอกมาเลย ผมจะได้ลาออกจาก สนช.”
อาการแทงกั๊ก-แทงเต็งของสมาชิก สนช. - สปช. ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นบรรดาอดีต ส.ว.-อดีตส.ส. เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้เริ่มมองหาลู่ทางกลับเข้าสนามการเมืองไว้แล้ว หากจะมาตัดสิทธิทางการเมืองกัน 2 ปี เหมือนตัดลมหายใจของพวกเขาไป จึงอยากที่จะยอมกันง่ายๆ
จนต้องมีบางคนใน “สนช.” ออกมาปล่อยข่าวว่า “เจษฎ์” ออกมาแอ๊คชั่นเรื่องตัดสิทธิทางการเมือง 2 ปี เพราะรู้ดีกว่ากำลังถูกบังคับให้เลือกข้าง และรู้ดีว่าสำหรับงานด้านวิชาการของเขาแล้ว การเลือกข้างจะทำให้เขาเสียจุดยืนทางสังคม
บรรดา สนช.จึงวิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหว “เจษฎ์” มีนัยยะแค่ต้องการฟอกตัวเองให้ “คลีน” ที่สุด สามารถกลับเข้าวงวิชาการได้อย่างสง่างาม เพราะคงรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสีย “บิ๊ก คสช.” คงไม่ยอมให้มีการตัดสิทธิทางการเมืองผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เพราะไม่เพียงแต่กระทบไปถึง “หัวแถว” บรรดา “มือไม้” จะถูกเหมาเข่งเว้นวรรคไปร่วมครึ่งพันคน แบบที่หาก “ตัวจริง” ไม่ลงสนามเอง ยังหา “นอมินี” ที่ไว้ใจได้ยาก เพราะถูกกักบริเวณกันไปหมด
ไม่ทันสิ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็มีเสียงของ “บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกมาเคลียร์ตัดไฟแต่ต้นลมทันที เบรคข้อเสนอของ “เจษฎ์” หัวขมำชนิดไม่แม้แต่เหลือบไปพิจารณา
โดย “บิ๊กตู่” บอกว่า "ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ กมธ.ยกร่างฯที่จะห้ามแม่น้ำทั้ง 5 สาย เล่นการเมือง 2 ปี หากหวาดระแวงก็ไม่จำเป็นต้องคืนอำนาจก็ได้ ดังนั้น คสช.-ครม. ขอยึดรัฐธรรมนูญชั่วคราว 57 ที่ห้ามแต่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่มีคนทำงาน"
เสียงของ “บิ๊กตู่” ยืนยันชัดเจนว่าข้อเสนอของ “เจษฎ์” ต้อง “แท้ง” ตั้งแต่ยังไม่ตั้งท้อง เพราะหมากเกมการเมืองที่ “บิ๊กตู่-เครือข่าย” วางเอาไว้ ยังคงต้องอาศัยขุมกำลังเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
และหมากตัวที่สำคัญสุดหนีไม่พ้น “บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มี “ข่าวลือ” ออกมาหนาหูว่า เป็นตัวเลือกแรกที่จะสืบทอดอำนาจ หากบรรดา “ขุนทหาร” ต้องการครองอำนาจทางการเมืองต่อไป
เป็นที่รู้กันดีว่า “บิ๊กป้อม” มีขุมข่ายทางการเมือง-ธุรกิจกว้างขวาง พอที่จะผลักดันให้ขึ้นครองเก้าอี้ “ผู้นำประเทศ” ได้ไม่ยาก หากมีการวางกลไกไว้อย่างรัดกุม
แถมเรื่องของการตั้ง “พรรคทหาร” ก็มีการพูดถึงกันในทางลับตลอด ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ “บิ๊ก คสช.” จะยอม “บ้าจี้” เอาตามข้อเสนอของ “เจษฎ์”
เพราะหาก “แม่น้ำ 5 สาย” ต้องเว้นวรรคทางการเมืองด้วยกับดักของตัวเอง หมากเกมการเมืองที่จะต้องต่อสู้กับ “ขั้วตรงข้าม” หลัง คสช.ตัดริบบิ้นให้มีการเลือกตั้ง จะยิ่งสู้ยากมากยิ่งขึ้น
หนำซ้ำ “ทายาท” อีกคนที่ช่วงหลังมีชื่อมาแรงพอสมควร อย่าง “บิ๊กโด่ง - พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่สวมหมวกหลายใบทั้งใน ครม.และ คสช. ก็ต้องติดหางเลขไปกับเขาด้วย
ยิ่งทำให้ “ขุนทหาร” เหลือตัวเล่นน้อยลงมากทันที
ข้อเสนอของ “เจษฎ์” ก็น่าจะเผาทิ้งไปได้เลย เพราะไม่มีทางที่ “บิ๊ก คสช.” จะโอนอ่อนผ่อนตามไปด้วย เป็นเพียงความฝันเท่านั้น เพราะการเมืองยังไม่มีอะไรแน่นิ่ง-แน่นอน อย่าหวังจะได้เห็นสปิริตจากคนที่อยู่ใน “กระดานอำนาจ”
เพราะ “อำนาจ” คือสิ่งที่หอมหวาน ไม่มีใครอยากสูญเสีย “อำนาจ” ยิ่งต้องมาสูญเสียจากข้อเสนอของคนที่ตัวเองตั้งขึ้น ยิ่งไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย