xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” บี้เลิกเสพติดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ยอดสะสมเกิน 3 หมื่นล้านบาทแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.รสนา โตสิตระกูล (แฟ้มภาพ)
“รสนา” ฉะ ก.พลังงาน เมามันล้วงเงินกระเป๋า ปชช. ถามใช้หลักการอะไรถึงยังคงเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันนอกกฎหมาย ทั้งที่มียอดสะสมมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทแล้ว บี้ขอโอกาสให้ชาวบ้านได้หายใจหายคอกันบ้าง ไม่ควรขึ้นราคาน้ำมันหน้าปั๊มอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล หัวข้อ “เมื่อไหร่จะหยุดล้วงกระเป๋าประชาชนเข้ากองทุนน้ำมัน!?!” ตามข้อความดังนี้

“กองทุนน้ำมันมียอดเงินสะสมสูงถึง 31,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ 2558 และแต่ละวันก็ยังเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันวันละไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ทั้งที่ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันชดเชยน้ำมันเพียงชนิดเดียวในขณะนี้ คือ E85 เพียงวันละประมาณ 10 ล้านบาท

การคงการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจากประชาชนในอัตราเดิมทั้งที่เคยกำหนดว่าเมื่อมียอดเงินสะสมในกองทุนฯถึง 30,000 ล้านบาทแล้ว จะหยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน

การไม่ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ทั้งที่เป็นกองทุนนอกกฎหมาย และรัฐบาลก็ไม่มีทีท่าจะดำเนินการให้มีกฎหมายมารองรับกองทุนน้ำมันอย่างถูกต้องโดยเร็ว ยังคงปล่อยให้กองทุนน้ำมันเก็บเงินจากประชาชนเหมือนเก็บภาษี ทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงเป็นการเก็บเงินประชาชนอย่างผิดกฎหมาย การที่ไม่มีการแก้ไขของรัฐบาลในอดีตก็เพราะกองทุนน้ำมันที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้ใช้ง่าย ใช้คล่อง เพราะไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวดเหมือนเงินงบประมาณแผ่นดิน ผู้มีอำนาจย่อมติดใจไม่อยากเลิกเป็นธรรมดา

เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้ชี้แล้วว่ากองทุนน้ำมันเป็นกองทุนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลที่รัฐประหารเข้ามาเพื่อแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกต้อง ก็ควรรีบพิจารณาแก้ไขเว้นเสียแต่จะติดใจกองทุนประเภทนี้เฉกเช่นเดียวกับนักการเมืองในอดีตที่ถูกตราหน้าว่าไร้ธรรมาภิบาล มีการทุจริตเป็นอาจิณ จึงควรระมัดระวังในพฤติกรรมอย่าให้ถูกมองไปได้ว่า เป็นพวก “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”

การไม่ยกเลิกกองทุนน้ำมันโดยมีข้ออ้างสวยหรูว่าต้องเก็บกองทุนน้ำมันไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป แต่เมื่อไหร่จะถึงเวลาช่วยเหลือประชาชนด้วยเงินของเขาเองเล่า!?!

นอกจากกระทรวงพลังงานจะไม่เคยช่วยเหลือประชาชนให้ได้ใช้ราคาน้ำมันตามกลไกตลาดที่แท้จริงแล้ว ซ้ำร้ายกว่าเก่าคือ มีการล้วงกระเป๋าประชาชนหนักกว่าเดิม คือทั้งล้วงกระเป๋าเงินจากประชาชนเข้ากองทุนฯอย่างไม่ลดละแล้ว ยังปล่อยให้มีการขึ้นราคาน้ำมันแบบถี่ยิบ เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์เดือนเดียว ใน 28 วัน มีการขึ้นราคาน้ำมันหน้าปั๊มไปทั้งหมด 5 ครั้ง พอถึงต้นเดือนมีนาคม ก็เตรียมจะขึ้นราคาอีก 60 สตางค์/ลิตร

ขอเสนอว่าไม่ควรขึ้นราคาน้ำมันหน้าปั๊มอีกแล้ว แต่กระทรวงพลังงานควรลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลงลิตร 60 สตางค์ เพื่อให้ชาวบ้านได้หายใจหายคอกันบ้าง ให้พอมีเงินเหลือให้ลูกได้กินข้าวกินขนมกันบ้างเถิด

แต่ดูเหมือนกระทรวงพลังงานจะรู้สึกเมามันในการล้วงกระเป๋าประชาชนที่ไร้การต่อสู้ เพื่อเอาเงินของประชาชนไปพักไว้ในกองทุนน้ำมันที่ผิดกฎหมาย และใช้จ่ายได้อย่างไร้การตรวจสอบ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง กระทรวงพลังงานใช้หลักการอะไรที่ยังคงการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกวัน ทั้งที่กองทุนฯมีเงินสะสมมากกว่า 31,000ล้านบาทแล้ว และขึ้นราคาน้ำมันทั้งที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้ อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 เหรียญ/บาร์เรล แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียขายน้ำมันเบนซิน 97 ที่มีไว้ขายคนต่างชาติอย่างคนไทยที่มีราคาแพงกว่า คนไทยที่ไปเที่ยวยังบอกมาว่าขณะนี้ราคาแค่ลิตรละ 17 บาทเท่านั้น

การที่ประชาชนไร้เสียงต่อต้านไม่ใช่เพราะเห็นดีเห็นงามไปด้วย หรือไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ที่ไม่สามารถขยับตัวได้เพราะติดกฎอัยการศึกของรัฐบาล

ขอร้องเรียนผ่านมาถึงท่านนายกรัฐมนตรีว่า โปรดพิจารณาและแนะนำรัฐมนตรีของท่านในการกำกับหน่วยงานด้านพลังงานให้บริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล และให้มีความยุติธรรมด้านราคาน้ำมันต่อประชาชนมากกว่านี้ อย่าให้ประชาชนรู้สึกไปได้ว่า กฎอัยการศึกของรัฐบาลมีไว้เพื่อปิดปาก มัดมือมัดเท้า และล้วงกระเป๋าประชาชนอย่างไม่ให้มีทางสู้

เพราะหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายสถานการณ์โดยไม่มีการแก้ไข อาจทำให้ความคับข้องใจของประชาชนที่ประสบกับการใช้อำนาจตามอำเภอใจของรัฐมนตรีของท่านที่ไม่เกรงใจประชาชน เพราะถือว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หากสั่งสมมากเข้าอาจจะทำให้ประชาชนขาดความไว้เนื้อเชื่อใจและหมดความเชื่อถือว่ารัฐบาลจะทำเพื่อคุ้มครองประโยชน์ประชาชน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลของท่านอย่างแน่นอน”


กำลังโหลดความคิดเห็น