xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฐวุฒิ” ถาม “อภิสิทธิ์” ยกชื่อ 3 บิ๊กเนม เจตนาขู่ พงส.?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ณัฐวุฒิ” โพสต์ถาม “อภิสิทธิ์” ยกรายชื่อ “3 บิ๊กเนม” โชว์เจตนาขู่พนักงานสอบสวนคดีสลายผู้ชุมนุม ปี 53 หรือไม่ แขวะ! ลีลา “เขี้ยว” หาประโยชน์ทางการเมือง ก่อนถาม “บิ๊กตู่” ที่บอกจบ จบแบบไหน? ซัดสร้างเรื่องเพื่อให้เกิดความชอบธรรมของฝ่ายรัฐ ด้าน ป.ป.ช.เตรียมส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา “อภิสิทธิ์-พระสุเทพ” สลายม็อบสัปดาห์หน้า ขอดูรายชื่อพยานที่ “อภิสิทธ์” อ้าง เกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่

วันที่ (26 ก.พ.) ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งเป็นผู้สั่งการใช้กำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2553 ขณะที่นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. ตอนหนึ่งระบุว่า ในช่วงเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 มีบุคคลทั้ง 3 คน ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ ผบ.ทบ.และรอง ผอ.ศอฉ. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรอง ผบ.ทบ.ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็พร้อมจพไปเป็นพยานตามกระบวนการยุติธรรม

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เห็นลีลานายอภิสิทธิ์ประกาศพร้อมเข้ากระบวนการคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดงแล้ว จงใจเอ่ยชื่อสามนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ณ ปัจจุบันว่าประชุมร่วมกัน เข้าใจสถานการณ์ร่วมกัน อยากให้มาเป็นพยานแล้วต้องยอมรับว่าเขี้ยว แต่ความเขี้ยวแบบนี้ไม่ได้มีความหมายแค่ลีลาหาประโยชน์ทางการเมือง เพราะแท้ที่จริงคือ เขี้ยว ที่ขบกัดลงบนซากศพประชาชน

การระบุชื่อพยานตั้งแต่หัววันอาจเป็นเรื่องปกติแต่ยกบิ๊กเนมมาโชว์แบบนี้เท่ากับผู้ต้องหามีเจตนาข่มขู่ กดดันพนักงานสอบสวน ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์โชคดีเป็นพิเศษในทุกคดีอยู่แล้ว แต่เที่ยวนี้คงลำพองใจว่าพวกกำลังใหญ่จึงเก็บอาการไม่อยู่

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับพร้อมเป็นพยานทันทีถ้ามองว่าให้ความร่วมมือกับกระบวนการก็มองได้ แต่ผมเห็นว่ารอให้ผู้ถูกกล่าวหาเสนอบัญชีชื่อพยานให้ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วส่งหนังสือมาเป็นทางการค่อยแสดงท่าทีก็ไม่สาย

คดีนี้เป็นเรื่องใหญ่แค่ขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาจะอธิบายว่าไม่ได้ไล่ล่าฝ่ายใดข้างเดียวยังไม่ได้หรอก ต้องรอดูกระบวนการทั้งหมดแล้วค่อยสรุป อย่าลืมว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในเหตุการณ์ 7 ต.ค. 51 เรื่องถึงศาลแล้ว แต่ของนายอภิสิทธิ์ซึ่งข้อเท็จจริงหนักกว่ากันเยอะยังแค่แจ้งข้อกล่าวหา ที่สำคัญคือนายสมชายไม่เคยเอาชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท น้องชาย พล.อ.ประวิตร ในฐานะจำเลยร่วมมากล่าวอ้างแต่อย่างใด

“เห็นข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ถามสื่อมวลชนว่าปี 53 มีชุดดำปนอยู่ในเสื้อแดงแล้วยิงใส่ทหารหรือไม่ ถ้ามีก็จบ ผมไม่เข้าใจว่าจบยังไง เพราะถ้าในแง่คดีความต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยว่ามีจริง ถ้าไม่มีก็เท่ากับเป็นการสร้างเรื่องเพื่อให้เกิดความชอบธรรมของฝ่ายรัฐ หรือถ้ามีก็ต้องให้ชัดอีกว่าเป็นใคร คนที่นอนตายทุกคนมือเปล่าไร้อาวุธใช่ชุดดำหรือไม่”

ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า สำหรับการเตรียมส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้นต้องรอการรับรองมติที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ก่อน คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะส่งไปยังผู้ถูกกล่าวหาได้ ซึ่งทราบว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเองก็พร้อมที่จะมาแก้ข้อกล่าวหาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ทั้ง 2 คนต้องมาดำเนินการแก้ข้อกล่าวหาและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน

สำหรับกรณีผู้ถูกกล่าวหาอ้างพยานจำนวนหลายบุคคลจะพิจารณาอย่างไร นายสรรเสริญกล่าวว่า หากมีการกล่าวอ้าง ป.ป.ช.ก็ต้องมาพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไรหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ลักษณะคดี ทุกคดีที่ ป.ป.ช.ได้พิจารณามาโดยดูว่าพยานที่อ้างมานั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นคดีที่กำลังไต่สวนหรือไม่ หากเกี่ยวข้องในการไต่สวนก็อนุญาต เช่นเดียวกันหากเป็นพยานที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่เกี่ยวข้องโดยตรง กรรมการก็สามารถพิจารณาได้ว่าจะตัดหรือไม่ หรือหากเห็นว่าพยานที่อ้างมานั้นมีอยู่ในข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำเพิ่มก็อาจจะไม่อนุญาตได้

“เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาคงจะอ้างพยานจำนวนไม่มาก ส่วนรายชื่อต่างๆ ที่นายอภิสิทธิ์ได้ให้ข่าวไปนั้น ป.ป.ช.ก็ต้องดูก่อนว่า รายชื่อเหล่านั้นเกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่ หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ก็ต้องพิจารณาว่าพยานที่อ้างมานั้น มีความจำเป็นที่จะทำให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้นครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ แต่หากไม่จำเป็นหรือมีข้อเท็จจริงครบถ้วนอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอนุญาต ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป”

สว่นกรณีที่นายสุเทพซึ่งปัจจุบันบวชเป็นภิกษุอยู่จะต้องเดินทางมาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตัวเองหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า หากนายสุเทพจะทำหนังสือ หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นมารับทราบข้อกล่าวหาแทนก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองได้

นายสรรเสริญกล่าวอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีชื่อถูกร้องเรียนด้วยนั้น ยังคงดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้นหากถูกอ้างเป็นพยาน ก็ต้องมาให้ถ้อยคำในฐานะพยาน ยังไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา เพราะ ป.ป.ช.ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.อนุพงษ์แต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น