เลขาฯ นปช.เข้าสโมสรทหารบกปรับทัศนคติตามนัด เผย คสช.ขอความร่วมมือ ยันแสดงความเห็นเพราะปรารถนาดีบ้านเมือง เตือนลงมือทำแล้วก็ต้องพร้อมรับผิดชอบ ระบุทหารไม่ได้ขู่ แต่ก็ยอมเงียบเพื่อไม่ให้ชาติวุ่นวาย ย้ำไม่ได้มีเจตนาต่อต้าน
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เดินทางมาพูดคุยกับทีมทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตามคำเชิญของ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กกล.รส. ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ คสช. เชิญผู้ที่ยังแสดงออกด้านความคิดเห็นทางการเมืองมาทำความเข้าใจ เพื่อขอความร่วมมืองดการแสดงออก และงดการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและ คสช.ในช่วงนี้
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพูดคุยว่า ตนไม่ได้กังวลในการเข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นชัดเจนว่ามีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ได้มีแนวโน้มปลุกปั่น เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่มีการกักตัว แต่ยังพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ส่วนกรณีที่รัฐบาลขอความร่วมมือในงดแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้นขอคุยกับเจ้าหน้าที่ก่อน แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผลและอยู่บนหลักการ เพราะถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกของทุกคน
ภายหลังจากที่นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์แล้วเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 (ปตอ.5) ได้โทรศัพท์ติดต่อเชิญให้นายณัฐวุฒิ เดินทางไปที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยกับ พ.อ.นวกร สงวนศักดิ์โยธิน ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1
จากนั้นเวลา 10.20 น. นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมงว่า การพูดคุยร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทหารเป็นการขอความร่วมมือการให้สัมภาษณ์เรื่องต่างๆ ตนคิดว่าที่ผ่านมาเป็นการแสดงออกความคิดเห็นด้วยความความบริสุทธิ์ใจและที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง โดยบุคคลทั่วไปสามารถทำได้ อีกทั้งคิดว่าผู้มีอำนาจคงไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีของคนทุกกลุ่ม ทั้งนี้ การดำเนินการต่อไปข้างหน้าต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ และความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เมื่อลงมือปฏิบัติไปแล้วก็ต้องพร้อมรับผิดชอบ ส่วนบรรยากาศการพูดคุยนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารก็มีมิตรไมตรีจิตที่ดี ไม่มีการบังคับ และไม่มีท่าทีแข็งกร้าวแต่อย่างใด อีกทั้งได้มีข้อยุติร่วมกันคือการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตนก็มีความยินดี เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าและความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ว่าการแสดงออกที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ตนเชื่อว่าสังคมทั่วไปรับได้ และคิดว่าถ้ามีความบริสุทธิ์ใจเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองแสดงออกด้วย
“ผมก็เป็นของผมแบบนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยสถานการณ์ อะไรที่จะดำเนินการต่อไปข้างหน้า หรือไม่ดำเนินการ ผมก็รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีเจตนาขัดขวางหรือต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดเป็นเรื่องความคิดเท่านั้น” นายณัฐวุฒิกล่าว
จากนั้นได้นายณัฐวุฒิได้เดินทางกลับบ้านทันดีด้วยรถยนต์ส่วนตัวทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
