**จะเป็นเพราะสารพัดปัญหาเริ่มรุมเร้าเข้ามาจนเกิดความกดดัน ทำให้เกิดอารมณ์เครียดจนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ ดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ระบายออกมาให้ได้ยินมาแล้วสองสามครั้งว่า เขากำลังเร่งแก้ปัญหาที่สะสมมานานหลายปี นั่งคิดนอนคิดจนแทบไม่มีเวลากินเวลานอน
ที่สำคัญประโยคเด็ดก็คือ "หากยังมีความหวังกับผม ก็อย่าทำลายกันเสียก่อน" อะไรประมาณนี้ เป็นน้ำเสียงที่ปนกันมาหลายอารมณ์ ทั้งเหนื่อย ทั้งน้อยใจ ทั้งเครียด หงุดหงิดสารพัด หลังจากถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามให้ตอบในหลายเรื่องพร้อมๆกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องแก้ยาก ทำยากทั้งสิ้น
แน่นอนว่าเอาเรื่องที่เห็นกันตรงหน้าก่อน หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยเสียงท่วมท้น จากกรณีที่ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ที่เวลานี้เครือข่ายของคนพวกนี้กำลังพยายามเบี่ยงเบนให้กลายเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องของการ "กลั่นแกล้ง" ทำลาย หรือกำจัดบางตระกูลออกจากการเมือง ว่ากันไปโน่น เพื่อหวังปลุกระดมมวลชนให้เข้าใจผิด ทั้งที่เป็นเรื่องของการกระทำความผิด มีการฉ้อฉล ทำให้เสียหายด้านงบประมาณมหาศาล ซึ่งในความเป็นจริงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้งทางการเมือง ทางแพ่ง และอาญาตามมา
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องราวต่อเนื่องกับการที่ดึงเอามหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา เข้ามาจุ้นจ้าน ส่วนในเบื้องลึกจะเป็นการต่อรองเรื่องผลประโยชน์อะไรหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่เอาเป็นว่า เท่าที่เห็นมันได้สร้างแรงกดดันภายในได้พอสมควร จนทำให้เกิดการตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
จากกรณีที่เกิดขึ้น ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่เราได้เห็นท่าทีที่แข็งกร้าวกับฝ่าย ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่มีบรรดา "ลิ่วล้อ" ออกมาแสดงอาการปกป้องนาย รวมไปถึงข่มขู่บิดเบือนกันต่างๆ นานา จนต้องมีการเรียกไปปรับทัศนคติกันหลายคน เช่น สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จาตุรนต์ ฉายแสง พิชัย นริพทะพันธุ์ วรชัย เหมะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น
**นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้ตำหนิ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก ที่ระบุว่า การเอาเรื่องภายในไปฟ้องต่างชาติ (อเมริกา) เป็นเรื่องที่น่าอับอาย
หากมองจากภายนอกเท่าที่เห็นมันก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลายเป็นคู่กรณีกันอย่างชัดเจนมากขึ้นกับกลุ่มของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเชื่อว่า หนทางข้างหน้าหากมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การเกี้ยเซียะต่อรองกันบางอย่าง ก็จะเกิดปัญหาตึงเครียดยิ่งกว่านี้อีก
อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเรื่องที่จะเกิดต่อเนื่องตามมา แต่สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องชี้ชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่นคือ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ราคาสินค้าการเกษตร รวมไปถึงเรื่องการปฏิรูปในทุกด้าน ที่รับปากกันเอาไว้ เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สำคัญคือ"การปฏิรูปพลังงาน"จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเป็นไปตามที่ชาวบ้านเขาต้องการให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่
**โดยเฉพาะเรื่องการเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่ หลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ได้ลงมติคัดค้านกันไปแล้ว สิ่งนี้กำลังรอการพิสูจน์
แต่ถ้าบอกว่า ที่กำลังเป็น "ด่านหิน" ที่ต้องฝ่าไปอย่างยากลำบากก็คือ ปัญหา "ปากท้อง" ที่เวลานี้มองในมุมไหนมันไม่ราบรื่นเอาเสียเลย แม้ว่าเวลานี้ น้ำมันอยู่ในภาวะลดลง แต่กลายเป็นว่า ราคาสินค้ายังไม่ได้ลดลงตาม ตรงกันข้ามกลับแพงขึ้นสวนทาง ส่วนราคาสินค้าทางการเกษตรตัวหลัก ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่กระเตื้อง แม้ว่าต้องยอมรับความจริงว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยภายนอกอันเนื่องจากเศรษฐกิจต่างประเทศยังซบเซา ทำให้การส่งออกของเรากระทบไปด้วย แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดก็ตามที่ชาวบ้านขายสินค้าไม่ได้ราคา หรือขาดทุน พวกเขาก็เข้าใจยากเหมือนกัน ก็ต้องชี้มาที่ฝ่ายรัฐบาลให้หาทางแก้ไข ที่เห็นเคลื่อนไหวกันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก็คือชาวสวนยางพารา ที่ชักทนไม่ไหวกันราคาตกต่ำ และที่น่าจับตาก็คือ คำยืนยันของ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ย้ำว่าจะทำให้ราคายางพาราขึ้นมาถึง กิโลกรัมละ 80 บาทภายในหนึ่งเดือน แต่ยังมีคำถามตามมาอีกว่าเป็นยางประเภทไหน เพราะที่ผ่านมาเป็นประเภทยางแผ่นรมควันที่ราคาปรับขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่น้ำยางดิบที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือไม่ว่ายางประเภทไหนมันจะทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ หรือราคายางยังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เชื่อว่าในที่สุดแล้วในอนาคตก็จะผลักดันให้ชาวสวนยางต้องออกมาเคลื่อนไหวจนได้
รวมไปถึงเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การปฏิรูปพลังงาน ราคาสินค้าจะประดังเข้ามา และถึงตอนนั้นให้ระวังลูกตามน้ำของพวกเครือข่ายทักษิณ ที่จะผสมโรงเข้ามา เหมือนอย่างที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่า "ให้แพ้ภัยตัวเอง" นั่นคือ ล้มเหลวจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่คนพวกนี้มองว่าจะเป็น"ของยาก"ที่จะฝ่าด่านไปได้
**ขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องจริงที่ยากจะปฏิเสธ เพราะเรื่องเหล่านี้ก็รอพิสูจน์ฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะรอดหรือไม่รอดอีกด้วย !!
ที่สำคัญประโยคเด็ดก็คือ "หากยังมีความหวังกับผม ก็อย่าทำลายกันเสียก่อน" อะไรประมาณนี้ เป็นน้ำเสียงที่ปนกันมาหลายอารมณ์ ทั้งเหนื่อย ทั้งน้อยใจ ทั้งเครียด หงุดหงิดสารพัด หลังจากถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามให้ตอบในหลายเรื่องพร้อมๆกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องแก้ยาก ทำยากทั้งสิ้น
แน่นอนว่าเอาเรื่องที่เห็นกันตรงหน้าก่อน หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยเสียงท่วมท้น จากกรณีที่ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ที่เวลานี้เครือข่ายของคนพวกนี้กำลังพยายามเบี่ยงเบนให้กลายเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องของการ "กลั่นแกล้ง" ทำลาย หรือกำจัดบางตระกูลออกจากการเมือง ว่ากันไปโน่น เพื่อหวังปลุกระดมมวลชนให้เข้าใจผิด ทั้งที่เป็นเรื่องของการกระทำความผิด มีการฉ้อฉล ทำให้เสียหายด้านงบประมาณมหาศาล ซึ่งในความเป็นจริงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้งทางการเมือง ทางแพ่ง และอาญาตามมา
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องราวต่อเนื่องกับการที่ดึงเอามหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา เข้ามาจุ้นจ้าน ส่วนในเบื้องลึกจะเป็นการต่อรองเรื่องผลประโยชน์อะไรหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่เอาเป็นว่า เท่าที่เห็นมันได้สร้างแรงกดดันภายในได้พอสมควร จนทำให้เกิดการตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
จากกรณีที่เกิดขึ้น ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่เราได้เห็นท่าทีที่แข็งกร้าวกับฝ่าย ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่มีบรรดา "ลิ่วล้อ" ออกมาแสดงอาการปกป้องนาย รวมไปถึงข่มขู่บิดเบือนกันต่างๆ นานา จนต้องมีการเรียกไปปรับทัศนคติกันหลายคน เช่น สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จาตุรนต์ ฉายแสง พิชัย นริพทะพันธุ์ วรชัย เหมะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น
**นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้ตำหนิ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก ที่ระบุว่า การเอาเรื่องภายในไปฟ้องต่างชาติ (อเมริกา) เป็นเรื่องที่น่าอับอาย
หากมองจากภายนอกเท่าที่เห็นมันก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลายเป็นคู่กรณีกันอย่างชัดเจนมากขึ้นกับกลุ่มของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเชื่อว่า หนทางข้างหน้าหากมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การเกี้ยเซียะต่อรองกันบางอย่าง ก็จะเกิดปัญหาตึงเครียดยิ่งกว่านี้อีก
อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเรื่องที่จะเกิดต่อเนื่องตามมา แต่สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องชี้ชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่นคือ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ราคาสินค้าการเกษตร รวมไปถึงเรื่องการปฏิรูปในทุกด้าน ที่รับปากกันเอาไว้ เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สำคัญคือ"การปฏิรูปพลังงาน"จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเป็นไปตามที่ชาวบ้านเขาต้องการให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่
**โดยเฉพาะเรื่องการเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่ หลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ได้ลงมติคัดค้านกันไปแล้ว สิ่งนี้กำลังรอการพิสูจน์
แต่ถ้าบอกว่า ที่กำลังเป็น "ด่านหิน" ที่ต้องฝ่าไปอย่างยากลำบากก็คือ ปัญหา "ปากท้อง" ที่เวลานี้มองในมุมไหนมันไม่ราบรื่นเอาเสียเลย แม้ว่าเวลานี้ น้ำมันอยู่ในภาวะลดลง แต่กลายเป็นว่า ราคาสินค้ายังไม่ได้ลดลงตาม ตรงกันข้ามกลับแพงขึ้นสวนทาง ส่วนราคาสินค้าทางการเกษตรตัวหลัก ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่กระเตื้อง แม้ว่าต้องยอมรับความจริงว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยภายนอกอันเนื่องจากเศรษฐกิจต่างประเทศยังซบเซา ทำให้การส่งออกของเรากระทบไปด้วย แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดก็ตามที่ชาวบ้านขายสินค้าไม่ได้ราคา หรือขาดทุน พวกเขาก็เข้าใจยากเหมือนกัน ก็ต้องชี้มาที่ฝ่ายรัฐบาลให้หาทางแก้ไข ที่เห็นเคลื่อนไหวกันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก็คือชาวสวนยางพารา ที่ชักทนไม่ไหวกันราคาตกต่ำ และที่น่าจับตาก็คือ คำยืนยันของ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ย้ำว่าจะทำให้ราคายางพาราขึ้นมาถึง กิโลกรัมละ 80 บาทภายในหนึ่งเดือน แต่ยังมีคำถามตามมาอีกว่าเป็นยางประเภทไหน เพราะที่ผ่านมาเป็นประเภทยางแผ่นรมควันที่ราคาปรับขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่น้ำยางดิบที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือไม่ว่ายางประเภทไหนมันจะทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ หรือราคายางยังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เชื่อว่าในที่สุดแล้วในอนาคตก็จะผลักดันให้ชาวสวนยางต้องออกมาเคลื่อนไหวจนได้
รวมไปถึงเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การปฏิรูปพลังงาน ราคาสินค้าจะประดังเข้ามา และถึงตอนนั้นให้ระวังลูกตามน้ำของพวกเครือข่ายทักษิณ ที่จะผสมโรงเข้ามา เหมือนอย่างที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่า "ให้แพ้ภัยตัวเอง" นั่นคือ ล้มเหลวจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่คนพวกนี้มองว่าจะเป็น"ของยาก"ที่จะฝ่าด่านไปได้
**ขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องจริงที่ยากจะปฏิเสธ เพราะเรื่องเหล่านี้ก็รอพิสูจน์ฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะรอดหรือไม่รอดอีกด้วย !!