“วรชัย” ซัดทหารสองมาตรฐาน ไม่ให้เกียรติ “ยิ่งลักษณ์” ส่งคนตรวจค้นรถ แต่กลับให้ตำรวจอารักขา “พระสุเทพ” ขู่ระวังเป็นการเติมเชื้อไฟในใจประชาชน มั่นใจอดีตนายกฯไม่คิดหนี ด้าน “ณัฐวุฒิ” โพสต์เฟซบุ๊ก ฉะ คสช. คุกคามชัดเจน สร้างปมในใจให้พวกเห็นต่าง จี้รัฐใช้อำนาจระมัดระวัง ไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่ม
วันนี้ (11 ก.พ.) นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ตรวจค้นรถยนต์ส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า การที่ทหารออกมาขอโทษ และอ้างว่าไปดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่เป็นการจงใจติดตามตรวจค้นอย่างชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้ ทหารและตำรวจไม่ได้มีภารกิจบริเวณดังกล่าว จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปถึง จึงต้องมีการตั้งด่านตรวจ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังสอดรับกับการที่ไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ เพราะกลัวว่าจะหลบหนี ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดมาตลอดว่าจะไม่หนี
“การติดตามตรวจค้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผิดกับการกระทำกับอีกฝ่ายหนึ่งที่ พระสุเทพ ปภากาโร ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปไหนมาไหนก็มีตำรวจอารักขาอย่างดี การรวมตัวและฟังคำเทศน์ที่วัดโมกข์ฯ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการปราศรัยบนเวที กปปส. ถือเป็นการกระทำสองมาตรฐานที่ไม่เป็นธรรม อย่าลืมว่าความรู้สึกของประชาชนเก็บไว้ทุกอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นการเติมเชื้อไฟในใจประชาชน ขอเรียกร้องว่าให้เกียรติกันบ้าง นายกฯยิ่งลักษณ์ และพวกเราไม่หนีไปไหน ขอให้เคารพสิทธิ์กันบ้าง” นายวรชัย กล่าว
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ไม่มีความจำเป็นและประโยชน์ใดๆ เลยที่ฝ่ายความมั่นคงจะตามกดดัน ถึงขั้นคุกคาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะการสร้างรอยในความรู้สึกของฝ่ายหนึ่ง ย่อมเกิดคำถามต่อท่าทีของผู้มีอำนาจที่เรียกร้องความร่วมมือจากทุกฝ่าย เรื่องแบบนี้ถ้าไม่มีเจตนาเป็นอื่น ครั้งต่อๆ ไป น่าจะมีแนวปฏิบัติที่สร้างความเข้าใจและสบายใจร่วมกันได้ ส่วนที่ผ่านมาแล้วตนมั่นใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความเป็นลูกผู้หญิงพอที่จะไม่ถือสาหาความหรือขยายผลเป็นเรื่องใหญ่
“อยากเห็นลูกผู้ชายหลายคนใน คสช. ช่วยกันยืนยันว่า แม้มีอำนาจมาก แต่จะใช้อย่างระมัดระวัง เป็นกลาง ไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่มปรากฏเป็นจริงแบบสิ้นสงสัย แต่เดี๋ยวนี้คนยังถามกันอยู่เลยว่า ทำไมยิ่งลักษณ์ค้นรถแต่บางคนมาจากสวนโมกข์จัดกำลังดูแลอย่างดี อภิสิทธิ์ไปเปิดงานร้องเพลงสบายใจ แต่ยิ่งลักษณ์ไปไหนต้องจำกัดจำเขี่ยจะพบประชาชน ไม่ใช่เฉพาะกับนักการเมืองเท่านั้น แต่ประชาชนคนเล็กคนน้อยไม่ว่าฝ่ายไหนไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน แบบนี้ถึงเรียกว่าเรายืนบนหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย” นายณัฐวุฒิ ระบุ
ขณะที่ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจตัดสินใจหนีคดีไปต่างประเทศเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ควรนำกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเทียบเคียงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตอนนั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไป เพราะคิดแล้วว่าหากอยู่เมืองไทยคงอยู่ลำบาก ไม่ได้คิดถึงเรื่องของคดีความเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องอื่นด้วย ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิง หากจะทิ้งบ้านเมือง ครอบครัว ทิ้งที่อยู่ไปคงทำได้ยาก ก็มีแต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่า กลัวว่าจะซ้ำรอยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หนีไปแล้วก็ตามจับไม่ได้ ส่วนกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัยทางการเมืองผ่านสถานทูตบางประเทศนั้น ต้องบอกว่า ความคิดผู้หญิงกับผู้ชายคงไม่เหมือนกัน หากจะให้สถานทูตรับเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง คนที่จะไปต้องพร้อมวางภาระแล้ว ที่พูดไม่ได้หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่หมายถึงคนอื่นๆ ที่ขอลี้ภัยไปแล้ว
“ขอยืนยันแนวคิดเดิม บ้านเมืองหากจะปรองดองกันได้ ต้องปรองดองกับคนผิด นิรโทษกรรมให้กับคนผิด เพราะถ้าไม่นิรโทษกรรมให้คนผิดจะปรองดองกันได้อย่างไร ออกกฎหมายนิรโทษก็ต้องให้คนผิดตั้งแต่หัวแถวลงมา นิรโทษฯให้พวกปลายแถวอย่างที่เคยทำอยู่ แต่หัวแถวยังอยู่มันก็ยังตีกันเหมือนเดิม” นายชินวัฒน์ กล่าว
อีกด้าน แหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ติดตามไปที่ จ.เชียงใหม่ ด้วย เปิดเผยว่า ช่วงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพักผ่อนที่ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นมีกำหนดการที่จะเดินทางกลับมายัง กทม. ในช่วงเย็นวันที่ 12 ก.พ. หรือช่วงเช้าของวันที่ 13 ก.พ. นี้ ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุดได้นัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ. นั้น ในสัปดาห์หน้า ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีการหารือร่วมกัน เพื่อพิจารณาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรที่จะเดินทางไปตามนัดหรือไม่อย่างไร
