xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ยันไม่มีใบสั่งล้างบาง ส.ส.เพื่อไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.
“ปานเทพ” ยันไม่เลือกปฏิบัติกรณีถอดถอน 250 ส.ส. ยันทำตามกฎหมาย หลังอดีต ส.ส.พท. อ้างถูกล้างบาง กรณีแก้ที่มา ส.ว. ระบุทำตาม รธน. ปี 50 - เชื่อ สนช. เป็นธรรม โวย ทั้งหมดพ้นจากตำแหน่งแล้ว ไม่มีเหตุต้องถอดถอนอีก

หลังจากประชุมองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. มีมติเห็นว่า ส.ส. จำนวน 250 คน มีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2550 และจะส่งมติดังกล่าวให้ ป.ป.ช. ชุดใหญ่พิจารณาในสัปดาห์หน้า โดย อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ออกมาอ้างว่า ป.ป.ช. จ้องจะล้างบาง ให้ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองนั้น

วันนี้ (25 ก.พ.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย วิจารณ์เรื่องที่ ป.ป.ช. เตรียมพิจารณาชี้มูลความผิดอดีต ส.ส. 250 คน ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาวิจารณ์กัน ป.ป.ช. ทำคดีตามที่ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องมาจากสภา และมีผู้ร้องเรียนยื่นเข้ามา กรณีให้ถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาแล้ว ย่อมไม่มีทางอื่นที่ ป.ป.ช. ต้องดำเนินการ แต่ต้องเดินหน้าทำคดีและได้ทำมาตามลำดับ จนเข้าสู่การพิจารณาขององค์คณะไต่สวน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายกันกับที่ได้ชี้มูลความผิดถอดถอนอดีต ส.ว. 50 คน และมีการพิจารณาอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนี้

“เราทำงานทุกอย่างไปตามกฎหมาย ไม่ใช่การเล่นการเมือง เป็นการทำงานตามกฎหมาย ในเมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาทางประธานวุฒิสภาก็ส่งมาที่ ป.ป.ช. และมีเรื่องร้องเข้ามาที่ ป.ป.ช. ก็ต้องดำเนินการไปตามหน้าที่ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ หาก ป.ป.ช. ไม่ทำก็จะโดนละเว้น ซึ่ง ป.ป.ช. ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ทำแต่คดีของนักการเมืองข้างใดข้างหนึ่ง พิจารณาทุกเรื่องที่มีการร้องเข้ามา อย่างกรณีที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรณีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ปี 53 ไปแล้ว”

“กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนไม่ได้รู้สึกท้อ เพียงแต่เราต้องยืนยันว่าทำงานตามกฎหมายโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติ แล้วสังคมก็จะเห็นเอง” นายปานเทพ กล่าว

ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 291(1) กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ส. ว่า ยืนยันว่าการดำเนินการแก้ไขที่มา ส.ส. เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้ทำในเรื่องที่เป็นข้อห้ามตามมาตรา 291 ที่ห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขรายมาตรา ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไม่ให้แก้ไขทั้งฉบับ

รวมถึงการแก้ไขให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ทั้งมาตรา 3 ที่ระบุว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย มาตรา 88 รัฐสภา ประกอบด้วย ส.ส. และ ส.ว. และ มาตรา 122 ส.ส. และ ส.ว. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นหลักการที่เราจะใช้ชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป มั่นใจว่าสิ่งที่ได้ทำไปนั้นไม่เป็นความผิดตามที่ ป.ป.ช. ระบุ ส่วนผลการพิจารณาของ สนช. จะเป็นอย่างไร เชื่อว่า สนช. จะมีวิจารณญาณบนพื้นฐานของหลักกฎหมาย และความเป็นธรรม

นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของส.ส. ส.ว. ที่รัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 291 กำหนดไว้ชัดเจน อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง เป็นหลักสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ที่กำหนดให้ประชาชนเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตัวแทนโดยตรง

ขณะเดียวกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ไม่ได้นำมาใช้บังคับ เพราะผู้เเสนอได้ถอนร่างดังกล่าวออกไปทำให้รัฐธรรมนูญฉบับที่มีการแก้ไขได้หมดสิ้นสภาพไปแล้วอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้อดีต ส.ส. ทั้งหมดได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วทั้งพฤตินัยและนิตินัย จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องดำเนินการถอดถอนอีกต่อไป และนี่คือเหตุผลที่อยากจะให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่นำไปพิจารณาก่อนที่จะมีการชี้มูล

สำหรับอดีต ส.ส. 250 คน มี 6 ฐานความผิด ได้แก่ 1. กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่วมลงมติวาระ 1, 2 และ 3 2. กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ลงมติวาระ 1 แต่ลงมติในวาระ 2 และ 3 3. กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยลงมติวาระ 1 ไม่ลงมติวาระ 2 และลงมติวาระ 3 4. กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย โดยลงมติวาระ 1 แต่ไม่ลงมติในวาระ 2 เฉพาะมาตรา 6 และไม่ลงมติวาระ 3 5. กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย โดยลงมติวาระ 1 ไม่ลงมติวาระ 2 ทุกมาตรา และไม่ลงมติวาระ 3 6. กรณีการเสียชีวิต 3 คน โดยจากการไต่สวน คาดว่าจะมีอดีตส.ส. ที่อยู่ในข่ายถูกลงมติยื่นถอดถอนต่อ สนช. ประมาณ 250 คน และถูกดำเนินคดีอาญา กรณีเสียบบัตรแทนกัน 5 คน


กำลังโหลดความคิดเห็น