“ประยุทธ์” โวหลังเข้ามาบริหารประเทศ ทำเศรษฐกิจโต้ 0-7% จากที่เคยติดลบ คาดปีหน้าโต 4% หลายตัวขยับดีขึ้นทั้งส่งออก ท่องเที่ยว ห่วงภาคเกษตรที่รายได้น้อย เร่งหาทางแก้ไขแล้ว แต่ใช้เงินเยอะไม่ได้ อาจไม่ถูกใจเพราะต้องการให้ยั่งยืน แนะมีน้อยใช้น้อยเลือกสินค้าราคาถูกที่มีขายอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ว่าเป็นการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจประจำสัปดาห์ ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงในทุกภาคส่วน โดยได้ให้สำนักงานคณะกรกรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ไปแถลงชี้แจงสถานการณ์การเงินของประเทศ ซึ่งเท่าที่วิเคราะห์จากไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2557 รวมแล้วโตขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าดี เพราะเป็นไปตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจภายนอก ก็ต้องไปดูว่า ทำไมขึ้นมาแค่ 0.7 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องไปดูว่าในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 มันติดลบมาตลอด พอตนเข้ามารับหน้าที่มันถึงขึ้นมา การท่องเที่ยวตอนนี้ก็ดีขึ้นมากว่า 20% ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากเดิม 7 ล้านคน ก็ขึ้นมาเป็น 7.5 ล้านคน สนามบินก็มีคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า นักท่องเที่ยวจีนและญี่ปุ่นเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก รวมถึงการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ก็ดีขึ้น คนไทยก็ไปเที่ยวมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องดูแลกันต่อไปคือเรื่องการท่องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะจะได้ช่วงพยุงเศรษฐกิจในด้านอื่นขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องเงินเฟ้อที่ติดลบ แต่ทางฝ่ายการเงินระบุว่าไม่มีผลอะไร เรื่องดอกเบี้ยคิวอีของต่างประเทศที่เขาทุ่มเงินลงมาก็ยังมาไม่ถึงเรา แต่ส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาซื้อหุ้นระยะสั้นเกร็งกำไรก็ว่าไป วันนี้ก็ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดู 2 เรื่อง ทั้งเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยเงินกู้ นอกนั้นยังไม่มีเรื่องที่เป็นห่วงอะไร เพียงแต่วิเคราะห์ว่าสถานการณ์ในปีหน้ารวม ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 น่าจะได้ 4 เปอร์เซ็นต์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องการส่งออกก็ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการก่อสร้าง ตนก็ไล่ถามไปว่าเศรษฐกิจครัวเรือนเป็นอย่างไร ซึ่งต้องไปดูเรื่องหนี้สินครัวเรือนว่าจะเป็นอย่างไร จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสินเข้าไปดู วันนี้โครงการช่วยเหลือเกษตรกรอยู่แล้ว แต่จะให้เคลียร์หนี้ทั้งหมดคงยากเพราะจำนวนเงินเยอะ
สำหรับเรื่องยางพาราที่มีการช่วยเหลือประชาชนก็ต้องไปดูว่าช่วยเหลือประชาชนได้แค่ไหนอย่างไร ประเด็นคือเราต้องการจะซื้อให้เงินบูรพากันชนไปซื้อไว้เพียง 10% ของยางในท้องตลาด ตรงนี้ประชาชนเข้าใจหรือเปล่า ทุกคนก็มาขายที่นี้กันหมด แล้วเงินก็จะไม่พอ ซึ่งรัฐบาลจะไปซื้อเพื่อยกระดับของราคาให้สูงขึ้น ขณะนี้ราคายางก็สูงขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าตอนนี้ซื้อยางราคาสูงทุกคนก็จะมาซื้อที่นี้หมด ก็ใช้เงินจำนวนมากมหาศาลที่มีการอนุมัติไปอีกหลายพัน เพื่อให้ถึงฤดูเปิดหน้ายาง
“ทุกอย่างเราแก้ทุกวันไม่ใช่ว่าไม่สนใจ เรื่องข้าวเราก็สั่งการว่าในฤดูกาลทำนาครั้งหน้าจะทำอย่างไร เพื่อให้ลดต้นทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ค่าเช่าที่ ค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าไถ ซึ่งต้องไปจัดรูปแบบสหกรณ์ให้ได้ เดี๋ยวนี้ปล่อยอิสระไม่ได้เลย เป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลไม่เคยสนใจ ปล่อยอิสระกันมา ชี้แจงอะไรก็ไม่ได้ แล้วก็โยนเงินลงไปเป็นก้อนก็หายหมด ไม่เข้มแข็ง วันนี้มาสร้างความเข้มแข็ง อาจจะช้าไม่ถูกใจ ไม่ตรงใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มันเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุด ก็ต้องบอกพ่อแม่พี่น้องว่าผมเป็นกังวลอยู่แล้ว ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ผมก็ไล่ทุกอันก่อนที่จะนำเข้า ครม.ว่าทุกอย่างที่จะทำต้องไม่มีปัญหา อย่าให้มาคนมาเรียกร้อง ซึ่งก็ดีขึ้น แต่เศรษฐกิจต้องใช้เวลาหน่อย”
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ว่าเศรษฐกิจดีขึ้นตอนที่ท่านนายกฯ เข้ามา แสดงว่าความเชื่อมั่นของประชาชนเริ่มดีขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนหนึ่ง แต่ตนจะไปประมาณการตนเองคงไม่ได้ แต่สถานการณ์ตัวชี้วัด และฝ่ายข้าราชการรายงานมาอย่างนั้น คำว่าดีขึ้นช่วงที่เข้ามา คือตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 มันกระเตื้องขึ้น แต่ไตรมาสที่ 1 และ 2 มันตกหมด ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้ติดลบมาตลอด ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบเดิม มันก็จะล่วงไปกว่าเดิมอีก และปี 2558 ก็ไม่มีทางที่จะขึ้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเศรษฐกิจภายนอกเข้ามาด้วย ตรงนี้คือปัญหา
สำหรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหามีอยู่อันเดียวคือเกษตรกรมีรายได้น้อย เพราะราคาผลิตผลมันลดลง ทำให้เงินน้อยลงในการจับจ่าย เราต้องไปช่วยตรงอื่น แต่ตนว่าราคาผลิตผลที่ลดลงก็ลงเฉพาะราคาที่เคยบิดเบือน วันนี้เราได้ให้หน่วยงานลงพื้นที่ไปตรวจราคา พบว่าราคาวัตถุดิบไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก บางอย่างก็ขึ้นบางอย่างก็ลง ส่วนที่ลงเพราะราคาน้ำมันแต่ทั้งนี้มีกลไกอื่นๆอีกด้วย แต่ถ้าจะราคาลงไปทั้งหมดไม่ได้เพราะจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเจ๊ง จะเอาถูกทั้งหมดไม่ได้ เพราะการค้าขายมันเสรี เราไม่ใช่ประเทศที่คุมไปทุกเรื่องไม่อย่างนั้นธุรกิจจะอยู่ไม่ได้ เราไม่ได้ไปเอื้อใคร เราเป็นห่วงคนจนมากมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจัยภายนอกมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเรามากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ แต่มีเรื่องเดียวคือราคาสินค้าเกษตร ที่มีการสั่งซื้อน้อยลง เพราะมีการแข่งขันมากขึ้น ถ้าประเทศใดโครงสร้างดี เขาสามารถลดราคาลงได้ เช่น ประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าเรา เขาสามารถลดราคาได้ถูกกว่าเยอะ เราไม่สามารถลงตามเขาได้จะส่งลให้ขาดทุน เป็นสิ่งที่ยึดโยงกันหมด
เมื่อถามว่า การเมืองยังเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นไม่เต็มร้อยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ให้สภาพัฒน์อธิบายให้คนเข้าใจ ถ้าอธิบายในภาพใหญ่คนจะไม่เข้าใจ ต้องบอกว่าตอนนี้เรามีสินค้าให้เลือกอยู่แล้ว เช่น สินค้าราคาถูกธงฟ้า ไม่เห็นจะต้องไปซื้อที่ห้าง เพราะวันนี้เมื่อเงินตัวเองมีน้อยต้องซื้อของราคาถูก กินอะไรที่ถูกลงมา ซึ่งวันนี้คนไม่กล้าใช้เงิน ก็ขอร้องกันว่ามีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย เลือกให้ถูกต้อง วันนี้รัฐบาลอุดหนุนเต็มที่อยู่แล้วหลายเรื่อง เดี๋ยวจะไม่มีเงินใช้อย่างอื่น ทั้งนี้ถ้าสถานการณ์รอบๆ บ้านดีขึ้น ชายแดนดีขึ้น เพิ่มมูลค่าการค้าขายรอบบ้านให้ดีขึ้น ก็จะดีขึ้นเอง ตอนนี้เรากำลังสร้างความเข้มแข็ง ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยการโยนเงินลงไป เข็มีเงินมาซื้อยู่แค่พักเดียว แล้วก็กลับมาแบบเก่า