“สรรเสริญ” ตอก “คางคกตู่” จ้อ “ยิ่งลักษณ์” ติดคุกจริงคุกแตก ชี้วิจารณ์ได้แต่อย่าให้เสี่ยงขัดแย้งไม่งั้นต้องเรียกคุย คาดเครียดคดีจนมโนถูกแกล้ง ยัน ปฏิบัติเท่าเทียม เป็นไปตามกระบวนยุติธรรม ขอ ปชช.มองนักท่องเที่ยวจีนพฤติกรรมแย่ว่าเขามาสร้างรายได้ดีกว่าเขาไม่มาเที่ยว ให้ กต.ทำความเข้าใจ
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาระบุว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุกจริง คุกแตกแน่นอนว่า ในฐานะรัฐบาลได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ อยู่ รัฐบาลไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มการเมืองใดเป็นพิเศษ อะไรที่คนเหล่านั้นรับได้และไม่เกิดความรู้สึกกดดันมากนัก และการออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างรัฐบาลก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หากมาแสดงความคิดเห็นที่สุ่มเสี่ยงจนทำให้เกิดความขัดแย้ง หน่วยความมั่นคงจะต้องเรียกมาปรึกษาหารือและสร้างความเข้าใจ ทั้งการเรียกมาพูดคุยหรือติดต่อโดยตรงก็แล้วแต่กรณี ตนจึงไม่อยากให้เรียกว่าเป็นการมาปรับทัศนคติ เพราะการปรับทัศนคติไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 1-5 วัน มันเป็นไปไม่ได้ แต่ในบางโอกาสที่มีปัจจัยแวดล้อมทางการเมือง หรือความเครียดที่รู้ว่าตนเองกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาจจะทำให้คิดไปเองว่ากำลังถูกกดดัน แต่เรายืนยันว่าเราปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การระบุว่าจะเกิดคุกแตกแน่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุก ถือเป็นการปลุกระดมสร้างความแตกแยกหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า สามารถมองได้หลายแบบ แต่หากเราไม่เอามาเป็นสาระของชีวิตก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ใครก็พูดได้ และโดยส่วนตัวนายจตุพรเองก็เป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว เราในฐานะรัฐบาลก็สามารถรับฟังได้ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วสังคมต้องมองว่าถ้าคนใดทำความผิดจริงและกระบวนการยุติธรรมนำไปสู่การพิพากษาอย่างไรก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้กระทำผิดศาลก็คงไม่พิพากษา
“ไม่ใช่ว่าคนใดคนหนึ่งทำความผิดแล้วประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ผ่านมาเราอยู่ในกฎกติกามาโดยตลอด เพียงแต่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะยอมรับความจริงได้มากน้อยแค่ไหน หากมองย้อนไปที่ตัวท่านเอง และดูสังคมโดยรอบท่านจะเข้าใจว่าไม่มีใครเข้าไปกลั่นแกล้ง แต่ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนยุติธรรมทั้งสิ้น” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.ต.สรรเสริญยังกล่าวถึงกระแสข่าวการโจมตีนักท่องเที่ยวจีนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมระหว่างเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยว่า ช่วงนี้ใกล้เทศกาลตรุษจีนทราบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเช่าเหมาลำมาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากประมาณ 800-900 เที่ยว สำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยนั้นอยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่าการมีคนต่างประเทศมาท่องเที่ยวในบ้านเรา ดีกว่าไม่มีเข้ามา เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามา จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับการกระตุ้น ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นขอให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวเหล่านั้นถึงความเหมาะที่ควรทำและไม่ควรทำผ่านทางบริษัททัวร์หรือไกด์นำเที่ยว เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพของประเทศไว้