xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องอาญา “ยิ่งลักษณ์” เสี่ยงคุก-ดาบสองชดใช้ 7 แสนล้าน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

วันที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนในครอบครัวชินวัตร รวมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ก็คือ การถูกฟ้องในคดีอาญา ซึ่งในที่นี้หมายถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่เธอถูกฟ้องในข้อหาละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 โดยฟังจาก วันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ที่พอสรุปได้ว่าเวลานี้สำนวนการสั่งฟ้องคดีดังกล่าวได้สรุปเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงความเห็นของอัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องวันไหนเท่านั้น

มีการคาดการณ์ว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และตามข่าวยังบอกว่าน่าจะเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. และมีกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนหนึ่ง ยืนยันว่าได้รับแจ้งจากอัยการสูงสุดเรื่องการส่งตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาถึง ป.ป.ช.แล้วตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้คำขออนุญาตของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อเดินทางออกนอกประเทศต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงไม่ได้รับอนุมัติ เพราะอย่างน้อยเมื่อมีการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ในวันดังกล่าว หรือเร็วกว่านั้นที่มีการระบุมาแล้วว่าเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. นั่นก็หมายความต้องนำตัว ยิ่งลักษณ์ ไปปรากฏตัวต่อศาลในวันนั้นด้วย

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นอกจากจะต้องถูกสังคมวิจารณ์หนักหน่วงแน่ เพราะหากออกไปแล้วโอกาสที่ “หนี-ไม่หนี” เป็นไปได้พอๆกัน หากพิจารณาจากผลที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้า และจากตัวอย่างของพี่ชายก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีโทษจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯมาจนถึงบัดนี้

นาทีนี้เท่าที่ประเมินเชื่อว่า การอนุญาตให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกนอกประเทศได้หรือไม่ น่าจะให้เป็นดุลพินิจของศาลตามกระบวนการยุติธรรมมากกว่า เพื่อลดข้อครหา แต่นั่นก็หมายความว่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องแล้ว และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯได้ประทับรับฟ้องไปแล้ว ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น

ดังนั้น หากศาลฎีกาฯ รับฟ้อง มันก็เข้าสู่การนับถอยหลัง “เสี่ยงคุก” สูงยิ่ง และเป็นเรื่องที่หลายคนก็ไม่คาดคิด โดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่มีทางนึกล่วงหน้าไว้เลยว่าจะต้องมีชะตากรรมแบบนี้ เพราะจะว่ากันไปแล้วเรื่องการถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองและตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี ก็ถือว่ากระทบกระเทือนไม่น้อย แต่สำหรับกรณีเสี่ยงคุกถือว่าเป็นเรื่อง “สาหัส” อีกกว่าหลายเท่า แค่ลับตานึกภาพก็เสียวสยองเป็นที่สุด

ทำให้เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะขอ “ลี้ภัย” ในสถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยหรือเปล่า มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน โดยอ้างเหตุผลทางการเมือง ทั้งที่ความเป็นจริงก็คือการทุจริตคอร์รัปชัน!

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเรื่องคดีอาญาที่เธอต้องเจอแน่นอน แต่สิ่งที่ต้องเจอและหนักไม่แพ้กัน ก็คือ คดีแพ่งที่จะตามมา เพราะล่าสุด วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ดูแลคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี เพื่อให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อไป โดยมูลค่าความเสียหายขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของกระทรวงการคลังเอง แต่คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าความเสียหายที่คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเคยประเมินเอาไว้

หากเป็นแบบนั้นก็หมายความว่า ตัวเลขความเสียหายที่คณะกรรมการปิดบัญชีฯได้ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้หากคิดคร่าวๆเป็นตัวเลขกลมๆ ก็ราว 7 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบุคคลที่เกี่ยวข้องในลำดับต่อไป

ดังนั้น หากจะว่าไปแล้วนับช่วงเวลานับจากนี้ไปถือเป็นวิบากกรรมของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่ายครอบครัวชินวัตร ที่มีหัวหน้าใหญ่คือ ทักษิณ ชินวัตร จะต้องเจอ ไม่ว่าจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถูกดำเนินคดีอาญาเสี่ยงคุก ถูกดำเนินคดีทางแพ่งที่กำลังไล่หลังตามมา แต่นี่คือผลของ “กรรม” ที่ทำเอาไว้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง อย่างที่พยายามบิดเบือนให้เป็น เพราะหากไม่จัดการตามกฎหมายนี่ต่างหากคือการบิดเบือนเรื่องปรองดอง ในเมื่อมูลค่าความเสียหายเหลือคณานับ ทั้งชีวิตและเงินงบประมาณของประเทศผลาญออกไป มันก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนจะเป็นใครก็อยู่ศาลยุติธรรม!!
กำลังโหลดความคิดเห็น