xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กตู่ มาถูกทางท่าทีถอดถอน ปู - รอลุ้นทบทวนสัปทานรอบ 21 !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

จะเป็นเหตุใดก็แล้วแต่ เป็นเพราะกระแสสังคมบีบคั้นในช่วงท้ายๆ หรือสาเหตุอื่นก็เหลือเดา แต่เอาเป็นว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ย้ำว่ากรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังจะลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งจากคดีที่ไม่ระงับยับยั้งจนทำให้โครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหาย โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า “ต้องปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม” ไม่ชี้นำ อีกทั้งยังย้ำว่า “ไม่ปรองดองกับคนทำผิด”

คำพูดและท่าทีดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเวลานี้จะเป็นส่งสัญญาณออกมาบางอย่างหรือไม่ก็ตาม แต่ถือว่านี่คือหลักการที่ถูกต้อง และชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งในเวลาต่อมา สนช. ก็ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และถูกตีดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีโดยอัตโนมัติ หรือถ้าสังเกตก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่นาที ทางอัยการสูงสุดก็แถลงอย่างเป็นทางการว่ามีความเห็นสั่งฟ้อง ยิ่งลักษณ์ในคดีอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากโครงการรับจำนำข้าว โดยเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายในเดือนมีนาคม ล่าสุดก็มีคำแถลงเพิ่มเติมตามมาว่า อัยการสูงสุด ตระกูล วินิจฉัยภาค ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อร่างคำฟ้องให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนแล้ว ถือว่าสถานการณ์ในช่วงท้ายๆพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกอย่างเดินหน้าไปอย่างรวดเร็จและคาดไม่ถึง

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผลจากการลงมติถอดถอนดังกล่าว และการตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมไปถึงการเบรกความเคลื่อนไหวทั้งของ ยิ่งลักษณ์ เองที่ต้องงดการแถลงข่าว และห้ามบรรดาลิ่วล้อออกมาโวยวายโชว์พาวอวดนาย ถือว่าเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกโข ความศรัทธาที่เริ่มคลอนแคลนในระยะหลังเริ่มมาอีก

ที่สำคัญ ยังรักษาสถานการณ์ให้นิ่ง จนมีเวลาทำอย่างอื่นได้อีกหลายเรื่อง อย่างน้อยก็เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เวลานี้กำลังเดินหน้าไปตามขั้นตอน ตามโรดแมปที่กำหนดเอาไว้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาก็คือเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ว่าในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอย่างไร เพราะหลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีมติด้วยเสียงท่วมท้นไม่เห็นด้วยกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่คือรอบที่ 21 โดยให้ชะลอออกไปเพื่อรับฟังข้อเสนออย่างหลากหลายจากทุกฝ่ายเสียก่อน โดยในตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีให้เดินหน้า แต่ได้พูดห้อยติ่งเอาไว้ว่า ต้องรอจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ และมีความหมายราวกับว่า “อาจจะ” เปลี่ยนแปลงได้

ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า ท่าทีที่สั่งให้กระทรวงพลังงานเดินหน้าเปิดสัมปทานรอบใหม่ พร้อมทั้งให้ชี้แจงกับประชาชนนั้นได่ส่งผลกระทบต่อความศรัทธาเชื่อมั่นลดลงไปไม่น้อย เพราะนั่นเท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่าได้เลือกยืนข้างกลุ่มทุนพลังงาน ที่ผนวกรวมหันกันกับทุนข้ามชาติมาเอาเปรียบคนไทย แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยยังมองว่าเป็นเพราะ เขาถูกบิดบังข้อมูลทำให้ต้องคิดแบบนั้นออกมา และยังเชื่อว่าในที่สุดแล้วจะต้องรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนแล้วระงับยับยั้งการเปิดสัมปทานดังกล่าวออกไปก่อน

โดยระหว่างนี้ภาคประชาชนที่ออกมาคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่กำลังรณรงค์ให้ข้อมูลกับสังคมในวงกว้าง เพื่อแย้งกับข้อมูลจากฝ่ายข้าราชการในกระทรวงพลังงาน และกลุ่มทุนที่ผูกขาดข้อมูลด้านเดียวมาตลอด ทั้งในรูปแบบของการเปิดเวทีสัมมนา รวมไปถึงการล่ารายชื่อเพื่อให้นายกฯทบทวน

ดังนั้น ได้แต่หวังว่าหลังจากมีท่าทีต่อเรื่อง การไม่ปรองดองกับคนทำผิดกฎหมาย รวมไปถึงท่าทีต่อเรื่องการถอดถอนจากเรื่องที่ผ่านมา เราจะได้เห็นท่าทีในเรื่องการปฏิรูปพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องการเปิดสัมปทานรอบใหม่ว่าจะสรุปในตอนท้ายอย่างไร มีจุดยืนอิงไปในทางไหนกันแน่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น