xs
xsm
sm
md
lg

ผลมติถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” สะเทือนถึง ประยุทธ์-ประวิตร!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน


วันนี้ (23 มกราคม) เป็นวันสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีกำหนดลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา โดยสองคนหลังเป็นคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของ ส.ว.มิชอบ ส่วน คนแรกเป็นคดีที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท

วันนี้ไม่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติจะลงมติถอดถอนได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม จะมีผลกระทบกระเทือนออกไปหลายฝ่าย นั่นคือกระทบทั้งทางบวกและทางลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องกระทบกระเทือนก่อนใครก็คือเจ้าตัวหากมีมติถอดถอนออกมา ซึ่งก็ต้องใช้เสียงถึง 3 ใน 5 หรือ 132 เสียงขึ้นไป แม้ว่าจะต้องใช้เสียงมากจากจำนวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีอยู่ในเวลานี้จำนวน 220 คนก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก หาก สนช.พิจารณาถึงความเสียหาย และการกระทำผิดกฎหมายอย่างอุกอาจ

นอกเสียจากว่าต้องการ “ปรองดองกับคนผิด” เท่านั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง!!

อย่างไรก็ดี นาทีนี้คงไม่ต้องมาพิจารณากันถึงข้อมูล และความเป็นมารายละเอียดของคดีว่ามีอะไรบ้าง เชื่อว่าทุกฝ่ายส่วนใหญ่แทบทั้งหมด หากติดตามมาตั้งแต่ต้นก็ย่อมรับรู้กันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องสาธยายให้เสียเวลา

หากพูดถึงผลกระทบที่จะตามมาหากสมมติว่ามีเสียงถอดถอนถึง 132 เสียง ก็ย่อมมีผลกระทบต่ออนาคตทางการเมือง นั่นคือเบื้องต้นก็ต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาถึงความเสียหายกับบ้านเมืองที่เกิดขึ้นจากการกระทำผิดดังกล่าว หากพิจารณาให้เห็นภาพเฉพาะหน้าก็ต้องดูจากกรณีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีมูลค่าคสาเสียหายจำนวนมหาศาล ไม่ว่าทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เรียกว่าเหลือคณานับ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตักเตือนท้วงติงจากหลายฝ่ายให้ยกเลิกหรือแก้ไขปรับปรุง ซึ่งในขณะนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผู้กุมนโยบายสูงสุดกลับไม่ฟัง ยังเดินหน้าเต็มกำลัง แต่ผลที่ตามมาก็เป็นอย่างที่เห็น  
 
นั่นคือความเสียหายด้านงบประมาณ หนี้สินจากการขาดทุน การสูญเสียตลาดการค้าข้าวกับต่างประเทศ ทำให้คุณภาพข้าวของไทยเสียหายย่อยยับจนแทบกู่ไม่กลับ เรียกได้ว่าเสียหายกระทบกันเป็นลูกโซ่ แทบหาประโยชน์ไม่ได้เลยนอกจากคนเพียงไม่กี่คนในกลุ่มพวกพ้องเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ไปจะมีคดีอาญาตามมาอีก

วกกลับมาที่การลงมติในวันนี้ (23 มกราคม) ที่เชื่อว่าเวลานี้สังคมกำลังจับจ้องกันว่าผลจะออกมาแบบไหน และที่สำคัญยังเชื่อว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะลงมติถอดถอนกันทั้งก๊วน โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าว ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิสูจน์ล่าสุดจากผลสำรวจทั่วประเทศของ"นิด้าโพล"พบว่าเสียงส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 60.48 มั่นใจว่า สนช.จะลงมติถอดถอน นั่นก็หมายความว่าแม้ประชาชนที่รับรู้ข้อมูลข้างนอกยังมองเห็นถึงความผิดแลความเสียหาย จึงเชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ไม่น่าจะรอด

ขณะเดียวกัน ถ้าผลออกมาในทางตรงกันข้าม นั่นคือไม่ถอดถอน แน่นอนว่ามันต้องเกิดผลกระทบที่ตามมาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งคราวนี้จะสะเทือนมาถึงตัวผู้นำ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สังคมรับรู้กันทั่วว่ามีบทบาทสำคัญ เป็นคัดเลือกแต่งตั้งมากับมือ และมีเป้าหมายที่สังคมเข้าใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าให้เข้ามาแก้ไขในสิ่งที่ผิด สร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรมที่ดี ดังนั้นข้ออ้างในเรื่องที่ปล่อยให้การตัดสินใจเป็นอิสระ ไม่เกี่ยวกัน เป็นการพูดที่ดูดีปราศจากการแทรกแซง แต่ฟังไม่ขึ้นเพราะนั่นคือความหมายของการ “ลอยตัว”

ดังนั้นการลงมติของ สนช.ในวันนี้ (23 มกราคม) จึงเป็นวันสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวพันกับความศรัทธาไปถึง รัฐบาล และคสช.ตามมาด้วยและขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า ความอยู่รอดของรัฐบาลและผู้นำมันขึ้นอยู่กับความสนับสนุนศรัทธาจากประชาชนต่างหาก ไม่ใช่ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะสังคมยุคใหม่ที่ระบบการสื่อสารรวดเร็ว หลากหลายแบบนี้ยิ่งต้องคิดให้หนัก ซึ่งคงจะได้เห็นกันในอีกไม่ช้า!!
กำลังโหลดความคิดเห็น