“หมอวรงค์” ขอบคุณ สนช.ลงมติถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” พิสูจน์หลักกฎหมายอยู่เหนือคำขู่ เชื่อวิญญาณชาวนาพอใจ เป็นบทเรียนทุกพรรคออกนโยบายต้องคำนึงถึงการบริหารประเทศที่ถูกต้อง ยอมรับมติไม่ถอดถอน “สมศักดิ์-นิคม”
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังทราบผลการลงมติของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าต้องขอบคุณ สนช.ที่ใช้หลักของกฎหมายมากกว่าใช้หลักการข่มขู่ แสดงให้เห็นว่าประเทศเรากำลังจะตั้งหลักใหม่ โดยต่อไปนี้จะยึดถือกฎหมายเป็นหลัก ไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่ได้อีก และเป็นข้อคิดให้กับนักการเมืองในการดำเนินนโยบายของประเทศที่คิดว่าจะช่วยคนจน ถ้าเป็นการช่วยอย่างแท้จริงไม่มีใครว่า แต่ถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบางกลุ่มก็ไม่สามารถทำต่อไปได้ หวังว่าจะเป็นบทเรียนให้ทุกพรรคการเมือง ไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคการเมืองต้องคำนึงถึงการออกนโยบายที่ใช้บริหารประเทศให้ถูกต้อง และถือเป็นโอกาสดีที่จะนำไปสู่ต่อการปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าประชาชนทุกภาคส่วนตื่นตัวร่วมกันในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
“วันนี้คนผิดได้รับการลงโทษแล้ว แม้จะเป็นการลงโทษทางการเมือง และอาจจะมีการลงโทษทางอาญาตามมา แต่วันนี้ทุกภาคส่วนพอใจ อย่างน้อยความเป็นธรรมโดยเฉพาะชาวนาที่เสียชีวิตไป 16 ราย จากนโยบายที่ผิดพลาด ก็คงพอใจจากความเป็นธรรมที่เกิดขึ้น”
ส่วนที่มีบางฝ่ายกังวลว่าจะมีปัญหาคลื่นใต้น้ำตามมา เนื่องจากไม่พอใจผลการถอดถอนนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า ตนเชื่อคงไมมีการก่อความวุ่นวายขึ้น เพราะเวลานี้หลายฝ่ายยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ส่วนเรื่องความปรองดองแม้จะเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากให้เกิดขึ้น แต่คนที่กระทำผิดก็ต้องได้รับโทษ และอภัยให้กันได้ แต่ที่ผ่านมาคนไม่รู้สำนึกกลับพยายามออกมาข่มขู่ หากมีการยอมกันเพื่อให้เกิดการปรองดอง ก็จะยึดหลักข่มขู่ในการปกครองประเทศ ดังนั้นสังคมจึงต้องไม่กลัวปัญหานี้ เพราะที่สุดเชื่อว่าจะนำไปสู่การปรองดองได้ เพราะวันนี้มีคนได้รับการลงโทษแล้วและสังคมส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุนด้วย ซึ่งหากคนเหล่านี้มีความสำนึกในอนาคต คิดว่าคนไทยก็ยังให้อภัยได้
นพ.วรงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ไม่ถูกถอดถอน ว่าส่วนตัวยังเห็นว่าบุคคลทั้งสองกระทำผิด แต่เมื่อ สนช.มีดุลพินิจมีมติดังกล่าวก็เคารพ โดย สนช.อาจมองว่ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญ 50 ไม่มีอยู่แล้วก็พอรับฟังได้ เป็นคนละกรณีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เห็นความผิดได้ชัดเจน รวมทั้งการแจ้งดำเนินคดีอาญาในประเด็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ด้วย ยิ่งตอกย้ำความชัดเจนจนไม่อาจให้อภัยได้
