ไม่นับรวมองคาพยพในแม่น้ำ 5 สาย อย่างสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ถูกมองว่า ผลงานยังไม่โดนใจประชาชน กรณีเศรษฐกิจถดถอยไม่วูบวาบของรัฐบาลยังเป็นอีกปมหนึ่งที่ยังแก้ไม่ตก
ไม่ว่าผลโพลล์ออกมาจะพอใจรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มากเพียงไหน หรือจะให้คะแนนสอบผ่านมากเพียงใด แต่เรื่องเศรษฐกิจอย่างไรก็ไม่เคยกระเตื้อง ประชาชนเทคะแนนโหวตให้สอบตกหรือติดลบมาตลอดทุกครั้งที่มีการสำรวจ
เสียงตอบกลับจากประชาชนอยู่ในสภาวะยังไม่ปลื้มเรื่องแก้ไขปัญหาปากท้องเท่าที่ควร โดยรวมยังรู้สึกว่า ข้าวยากหมากแพง รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเท่าใดนัก
แม้ตั้งใจหวังจะให้ชาวบ้านชาวช่องเลิกเสพติดนโยบายประชานิยม แต่ยังคงหาของใหม่มาแทนไม่ได้ และเมื่อไม่ได้เลยโดนด่าเปิง
อนาคตไม่ดีแน่ หากเศรษฐกิจยังทรงกับทรุด ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลล้วนตายด้วยเรื่องปากท้องของประชาชนทั้งสิ้น หากไม่กระเตื้อง ไม่ต่างอะไรกับการทำลายภูมิคุ้มกันของรัฐบาล อนาคตจะทำงานลำบากมากขึ้น จนกลายเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง อ่อนแอโดนอะไรสะกิดจะแย่เอาง่ายๆ
ทั้งหมดทั้งปวงมันเลยกลายเป็นความกดดันให้ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องรับไปเต็มๆ เปา โทษฐานไม่มีผลงานประจักษ์ เลยทำเอากูรูเศรษฐกิจรายนี้ออกอาการฟาดงวงฟาดงาใส่นักข่าวอยู่เป็นประจำในระยะหลังๆ
ขณะเดียวกัน ยังโดนไล่บี้จากประชาชนหลายภาคส่วน โดยเฉพาะชาวสวนยางภาคใต้ที่มี นายสุนทร รักษ์รงค์ เป็นแกนนำ ให้ไขก๊อกรับผิดชอบกับนโยบายแก้ไขปัญหายางพาราที่ล้มเหลว นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจในเครือข่ายยังโดนหางเร่ไปด้วย อย่าง นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่กำลังถูกเครือข่ายปฏิรูปพลังงานตะเพิดอยู่ตลอด
เรียกว่า ทีมงานเศรษฐกิจ “หม่อมอุ๋ย” อ่วมรายวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น “หม่อมอุ๋ย” ยังยืนยันว่า เศรษฐกิจนั้นดีขึ้น เพียงแต่นักข่าวไปให้ความสำคัญกับคำพูดของ “บิ๊กตู่” มากกว่าเลยทำให้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจตกกระป๋อง ไม่มีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ผลงาน งานนี้เลยออกแนวรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง น้อยอกน้อยใจกันเสียดื้อๆ อย่างนั้น
ที่ผ่านมา “หม่อมอุ๋ย” มองโลกในแง่ดีตลอด หนักแน่นอยู่คนเดียวทุกวันว่า บ้านเรากำลังฟื้นตัว ในขณะที่องคาพยพเศรษฐกิจกลับเห็นสวนทาง โดยเฉพาะคนใกล้ชิดอย่าง “สมหมาย ภาษี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กลับยอมรับในแนวทางตรงข้ามกันว่า มีแต่ปักหัวลง
มาถึงชั่วโมงนี้หลายคนชักเป็นห่วงว่า “หม่อมอุ๋ย” จะควบเศรษฐกิจเมืองไทยให้ฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ภายในรัฐบาลต้องยอมรับว่า ระยะหลังๆ อดีตขุนคลังสมัยรัฐบาลพล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ รายนี้เหมือนตกออกนอกเฟรมอย่างไรไม่รู้
กลับกันที่คู่เกาเหลาอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช. ด้านเศรษฐกิจ กลับเฟื่องฟูเอาๆ ดูจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปไหนมาไหน เหน็บเอาแทบทุกที่ ไล่เรียงตั้งแต่ประเทศจีนจนมาถึงญี่ปุ่น กลายเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ขาดเสียไม่ได้ซะแล้ว
งานสำคัญๆ ในเรื่องเศรษฐกิจ เวลาพบปะหารือกับใคร “สมคิด” ได้เกียรติไปเป็นขงเบ้งด้านปากท้องคอยทำหน้าที่ชี้แจงและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ จะเห็นว่า หลังๆ มานี้เวลารัฐบาลและ คสช. นัดหารือกับภาคธุรกิจเมื่อใด ได้เห็นภาพ “สมคิด” และ “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีกหนึ่งเกาเหลาของ “หม่อมอุ๋ย” ประกบคู่เป็น “รักยม” ตลอด
ช็อตที่เห็นชัดๆ วันที่ “บิ๊กตู่” เชิญผู้บริหารสื่อ 16 สำนักเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ “สมคิด - ฉัตรชัย” ยังถูกเอาเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจ หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลเชิญภาคเอกชนหลายสิบแห่งมาพบที่บ้านเกษะโกมล ซึ่งเป็นงานใหญ่งานโตพอสมควร กลับไร้เงา “หม่อมอุ๋ย” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทั้งที่ความจริงจะขาดเสียมิได้ กลับเป็น “สมคิด - ฉัตรชัย” เจ้าเดิมเป็นตัวหลัก
รัฐบาลพยายามกลบภาพบาดแผลของทั้งสองฝ่าย ด้วยการอ้างว่า งานพบภาคเอกชนเป็นงานของ คสช. ไม่ใช่รัฐบาล “หม่อมอุ๋ย” จึงไม่จำเป็นต้องมาแจมก็ได้ แต่ทำไม่เนียน เพราะความจริงคือ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจรายนี้ ยังมีหัวโขนเป็นที่ปรึกษา คสช. ด้านเศรษฐกิจเหมือนกัน
เป็นการตอกย้ำที่ชัดว่า เสือสองตัวไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้!!!
ขณะที่ท่าทีของสื่อหลายสำนักยังให้น้ำหนักไปที่การขับเคลื่อนของ “สมคิด” มากกว่านี้ เหตุนี้เองอาจเป็นการคลายปริศนาว่า ทำไม “หม่อมอุ๋ย” จึงยัวะง่ายๆ ในช่วงนี้
บทบาทเรื่องานเศรษฐกิจในรัฐบาลเองดูดรอปๆ ไป การประชุมส่วนใหญ่มักมีแต่องคาพยพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น “สมหมาย - ณรงค์ชัย” พร้อมด้วย นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พวกขาประจำหน้าเดิมๆทั้งสิ้น
ขณะที่ “ฉัตรชัย” ที่ตามสถานะต้องอยู่ภายใต้อันเดอร์รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ นานๆจะมาร่วมแจมซักที
สถานะ “หม่อมอุ๋ย” ตอนนี้จึงเหมือนโดนบอนไซ งานใหญ่ๆ ชักไม่ได้ทำ อยู่เป็นหัวหลักหัวตอเป็นวันๆ ให้ครบองค์ประกอบ แถมภาวะเศรษฐกิจยังเป็นตัวรบเร้าให้เครียดๆ กันได้ งานนี้หลายคนจับตาเหมือนกันว่า จะมีถอดใจงอนๆ ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเหมือนตอนยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์อีกสักครั้งหรือไม่
เพราะหากรอให้ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นคงยาก ต่อให้ผลงาน “หม่อมอุ๋ย” จะออกอ่าวออกทะเลแค่ไหน แต่สุดท้ายน่าจะเหนียวแน่นหนึบอยู่ที่เดิม ด้วยคอนเนกชั่นที่แน่นปึ้กกับ “บิ๊กป้อม” ที่ไม่น่าจะทำร้ายจิตใจกันด้วยการเขี่ยพ้นออกจากตำแหน่ง คงรักษาน้ำใจกันอยู่ที่อุตส่าห์มาช่วยงาน อีกทั้งตัวตายตัวแทนยังไม่มี เพราะ “สมคิด” มีชนักปักหลังลงมาเล่นบนฟลอร์ไม่ได้ ทำได้แค่เป็นสมาชิก คสช.ไปพลาง
ขณะที่บทบาท “หม่อมอุ๋ย” จะเรียกว่า “ขาลอย” ก็คงไม่ผิด เพราะเหมือนถูกแขวนไว้บนเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพียงในนาม แต่สั่งการอะไรไปไม่มีน้ำหนัก ยกเว้นคนในสายตัวเอง แล้วก็ยังไม่รู้ว่า สุดท้ายลูกทีมตัวเองที่หอบกันมาจะเหลือรอดสักกี่คนหากมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น
กันหลังจากนี้ เพราะต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ทีมงานที่พามาโรยราไปตามอายุ ยังมีกรอบแนวคิดบริหารแบบเดิมๆ ไม่ทันต่อโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะ บางทีสุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวอาจได้เห็นภาพ “หม่อมอุ๋ย” ไขก๊อกภาคสอง!!!