**เจอข่าวลือปั่นหุ้นจนรัฐบาลภายใต้การนำของ“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกับออกอาการง่อนแง่น ไม่เป็นทรง โดยเฉพาะ “หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ผู้ซึ่งเคยมีบาดแผลเรื่องหุ้น ถึงกับหัวคิ้วติดกัน เดินวุ่นทั้งวัน เช็กสถานการณ์ กลัวหนังจะฉายซ้ำ
งานนี้เห็นได้ชัด รัฐบาลที่ว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แถมยังกองทัพค้ำยันแบบเหนียวแน่น แต่พอโดนวางยาเข้าอย่างจัง ก็มีอาการสำลักเหมือนรัฐบาลทั่วไป ไม่ได้มีเสถียรภาพเหมือนกับเปลือกที่เห็นกันภายนอก เรียกว่า ยังต้องการภูมิคุ้มกันอีกหลายจุด เลยไม่รู้ว่า หากเจอของหนักกว่านี้ จะรับมือไหวหรือไม่
แต่ช็อตนี้ยังถือว่า เป็นออเดิร์ฟ เรียกน้ำย่อยแบบ น้ำจิ้มๆ จับยามสามตาดูแล้ว “รัฐบาลบิ๊กตู่”มีของร้อน ที่พร้อมจะประดังเข้ามาอีกหลายชุด โดยเฉพาะหลังหมดเทศกาลแห่งความสุข ฉลองปีใหม่กันเสร็จแล้ว
ลำพังศัตรูที่มองเห็นตัวเป็นๆ บนภาคพื้นดินไม่มีปัญหา ประเภท“นายใหญ่”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังสแกนความเคลื่อนไหวกันได้ตลอด แต่ศัตรูที่มองไม่เห็นน่ากลัวกว่าเยอะ เพราะไม่รู้ว่า จะโผล่มาล่อรัฐบาลตอนไหน และด้วยวิธีไหน จึงยากจะรับมือ
ว่ากันตามสถานการณ์ในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าไม่ใช่มีเฉพาะองคาพยพของ “ทักษิณ”เท่านั้นที่จ้องจะหาทางเล่นงาน แต่ยังมีอีกหลายก๊ก หลายกลุ่ม ที่เริ่มออกอาการหมั่นไส้รัฐบาลมากขึ้นทุกวัน
**ตามกระแสข่าวที่ลือกันแซ่ดว่า “คนกันเอง”นี่แหละให้ระวัง
โดยเฉพาะปมวัดรอยเท้ากันระหว่าง“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ กับผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสา ที่ข่าวคราวหนาหูว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขั้วอำนาจเก่าไม่ค่อยแฮปปี้ เลยมักไฟเขียวให้เด็กในคาถา ออกมาตอดเล็ก ตอดน้อยรัฐบาลอยู่เรื่อย แม้ช่วงนี้จะทำตัวโลว์โปรไฟล์ หายเงียบไปไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา
และแม้จะไม่ได้มีกองกำลังในกองทัพมากมายมหาศาล แต่เป็นประเภทเขี้ยวเล็บแพรวพราว ที่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ทั้งชุด หากคิดจะลงมือ
**นอกจาก “คีย์แมน”ผู้นี้แล้ว อีกจุดที่“รัฐบาลบิ๊กตู่”มองข้ามไม่ได้ เพราะอันตรายหากจะแท็กทีมล้ม นั่นคือ ค่ายเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะเป็นศัตรูคนเดียวกันคือ“ทักษิณ”แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเออออห่อหมกกับรัฐบาลทุกเรื่อง
โดยเฉพาะระยะหลังเห็นกันจะๆว่า ตามไล่อัดรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับหน้าที่ทหารอาสาให้ชาวสวนยางบุกเข้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอพบ“อำนวย ปะติเส”รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถกวิธีลดปัญหา
เรียกว่าลงทุนแต่งตัวเล่นเองเลย ขณะเดียวกัน ยังปักหลักแน่น ไล่ค้านข้อเสนอของคณะกรรมาธิการคณะต่างๆ ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แบบหัวชนฝา กลายสภาพเป็น“ตัวชน”ของค่ายสีฟ้ากันแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคอหอยกับลูกกระเดือกอย่าง “สองลูกกรอก” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ คอยกระตุกหนวดทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
“ค่ายสีฟ้า–ทีมงานสวนโมกข์”เป็นอะไรที่รัฐบาลจะละสายตาไม่ได้ อย่าลืมว่ามันมีอาการกินแหนงแคลงใจกันอยู่ โดยเฉพาะปมค่ายเก่าแก่ย่านสามเสน แทบไม่ได้อะไรเป็นการถอนทุน ทั้งที่เป็นคนลงทรัพย์ลงแรง ตะเพิดรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”จนง่อยเปลี้ยเสียขามากับมือ แต่สภาพในปัจจุบัน นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว ในบางครั้งบางคราวยังถูกไล่บี้เสียอีก
**สัญญาณค่อนข้างชัด“พี่น้อง 3 ป.”ไม่ใช่มิตรที่จะไว้วางใจได้ทุกเรื่องสำหรับค่ายสีฟ้า !!
ยิ่งเป็นอะไรที่ต้องระวัง โดยเฉพาะม็อบสวนยางที่ฮึ่มๆ กันอยู่ดินแดนด้ามขวาน รู้ๆกันอยู่ว่า แบ็กอัพข้างหลังเป็นใคร หากเกิดอาการวีนแตกเมื่อไหร่ ไม่ต่างจากวัตถุไวไฟ ที่จุดแปบเดียวก็ลุกพรึ่บ ให้ดูกรณีสมัย“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”เป็นมรณานุสติ ดังนั้นหากปล่อยให้ราคายางพาราตกชนิด 3 กิโลร้อยต่อเนื่อง รับรองเป็นช่องโหว่ อ่อนไหว รูเบ้อเร่อ
ขณะเดียวกัน ก็มีพ่อค้าวานิชจำนวนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้เคยหนุนหลังรัฐบาลเต็มสูบ ระยะหลังเริ่มออกอาการหงุดหงิดเหมือนกัน โดยเฉพาะมาตรการเอาใจรากหญ้า แต่เตะตัดขากันเอง อย่างการจัดเก็บภาษีมรดก และภาษีที่ดิน ที่เล่นเอาเศรษฐีจ้องตาเขม็ง เพราะเข้าเนื้อเต็มเหนี่ยว
ดังนั้น หาก 3 องคาพยพคิดอยากลงขันกันเมื่อไหร่ รับรองต่อให้กฎอัยการศึกที่ว่าเป็นยักษ์ถือกระบอง ก็ไม่น่าจะเอาอยู่ ส่วนวิธีล้มไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหารเสมอไป ที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ใช้กึ๋นกับมวลชนเป็นพอ ยิ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่งานยากอะไร
ขณะที่“นายใหญ่”และองคาพยพ ระบอบทักษิณ ว่ากันว่างานนี้ขอวางตัวนิ่ง จับตาดูสถานการณ์ในที่ลับ ออกมาแหกปากค้านบ้างพอเป็นพิธี ปล่อยให้ “คนกันเอง”ล่อกันไป ใช้วิธียืนดูไกลๆ แบบไม่ต้องออกแรง เพราะรู้ดีว่า สู้เองตอนนี้ยากจะชนะรัฐบาล
โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ ที่ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กำลังประเมินว่า ฝีมือบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สมราคาคุย ไม่ว่าจะเป็น “หม่อมอุ๋ย”หรือ “สมหมาย ภาษี”รมว.คลัง ที่ยังคิดแบบกรอบเดิมๆ ไม่ขยับเขยื้อนให้ถูกใจคนไทย
แล้วยิ่งหัวเราะชอบใจหลังรู้ปมเกาเหลากันเอง ระหว่างขงเบ้งเศรษฐกิจของรัฐบาล ระหว่าง“หม่อมอุ๋ย”กับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช. ที่ระยะหลังแพ็กกันแน่นกับ“บิ๊กนมชง”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และ รอง ผบ.ทบ.
สำทับกันแว่วมา แม้ “หม่อมอุ๋ย”จะมีฐานะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่การเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนเดียว โดยไม่ได้ถ่างขาไปควบกระทรวงใดๆ สุดท้ายก็ไม่มีใครฟัง เพราะจัดเป็นพวกขาลอย นาทีนี้ลิ่วล้อในระบอบทักษิณ เลยขอทำตัวเป็นผู้ชมดีกว่า
**สถานการณ์หลังปีใหม่ของรัฐบาลเลยกลายเป็นงานหนัก นอกจากจะหาภูมิคุ้มกันให้ตัวเองด้วยการสร้างผลงานออกมาเพื่อดึงประชาชนให้มาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กแล้ว ยังต้องระแวงหลังจาก“คนกันเอง”ที่อาจจะเกิดอาการหมันไส้ ด้วยการวางยาแรงๆ กันอีกสักรอบ
งานนี้เห็นได้ชัด รัฐบาลที่ว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แถมยังกองทัพค้ำยันแบบเหนียวแน่น แต่พอโดนวางยาเข้าอย่างจัง ก็มีอาการสำลักเหมือนรัฐบาลทั่วไป ไม่ได้มีเสถียรภาพเหมือนกับเปลือกที่เห็นกันภายนอก เรียกว่า ยังต้องการภูมิคุ้มกันอีกหลายจุด เลยไม่รู้ว่า หากเจอของหนักกว่านี้ จะรับมือไหวหรือไม่
แต่ช็อตนี้ยังถือว่า เป็นออเดิร์ฟ เรียกน้ำย่อยแบบ น้ำจิ้มๆ จับยามสามตาดูแล้ว “รัฐบาลบิ๊กตู่”มีของร้อน ที่พร้อมจะประดังเข้ามาอีกหลายชุด โดยเฉพาะหลังหมดเทศกาลแห่งความสุข ฉลองปีใหม่กันเสร็จแล้ว
ลำพังศัตรูที่มองเห็นตัวเป็นๆ บนภาคพื้นดินไม่มีปัญหา ประเภท“นายใหญ่”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังสแกนความเคลื่อนไหวกันได้ตลอด แต่ศัตรูที่มองไม่เห็นน่ากลัวกว่าเยอะ เพราะไม่รู้ว่า จะโผล่มาล่อรัฐบาลตอนไหน และด้วยวิธีไหน จึงยากจะรับมือ
ว่ากันตามสถานการณ์ในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าไม่ใช่มีเฉพาะองคาพยพของ “ทักษิณ”เท่านั้นที่จ้องจะหาทางเล่นงาน แต่ยังมีอีกหลายก๊ก หลายกลุ่ม ที่เริ่มออกอาการหมั่นไส้รัฐบาลมากขึ้นทุกวัน
**ตามกระแสข่าวที่ลือกันแซ่ดว่า “คนกันเอง”นี่แหละให้ระวัง
โดยเฉพาะปมวัดรอยเท้ากันระหว่าง“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ กับผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสา ที่ข่าวคราวหนาหูว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขั้วอำนาจเก่าไม่ค่อยแฮปปี้ เลยมักไฟเขียวให้เด็กในคาถา ออกมาตอดเล็ก ตอดน้อยรัฐบาลอยู่เรื่อย แม้ช่วงนี้จะทำตัวโลว์โปรไฟล์ หายเงียบไปไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา
และแม้จะไม่ได้มีกองกำลังในกองทัพมากมายมหาศาล แต่เป็นประเภทเขี้ยวเล็บแพรวพราว ที่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ทั้งชุด หากคิดจะลงมือ
**นอกจาก “คีย์แมน”ผู้นี้แล้ว อีกจุดที่“รัฐบาลบิ๊กตู่”มองข้ามไม่ได้ เพราะอันตรายหากจะแท็กทีมล้ม นั่นคือ ค่ายเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะเป็นศัตรูคนเดียวกันคือ“ทักษิณ”แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเออออห่อหมกกับรัฐบาลทุกเรื่อง
โดยเฉพาะระยะหลังเห็นกันจะๆว่า ตามไล่อัดรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับหน้าที่ทหารอาสาให้ชาวสวนยางบุกเข้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอพบ“อำนวย ปะติเส”รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถกวิธีลดปัญหา
เรียกว่าลงทุนแต่งตัวเล่นเองเลย ขณะเดียวกัน ยังปักหลักแน่น ไล่ค้านข้อเสนอของคณะกรรมาธิการคณะต่างๆ ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แบบหัวชนฝา กลายสภาพเป็น“ตัวชน”ของค่ายสีฟ้ากันแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคอหอยกับลูกกระเดือกอย่าง “สองลูกกรอก” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ คอยกระตุกหนวดทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
“ค่ายสีฟ้า–ทีมงานสวนโมกข์”เป็นอะไรที่รัฐบาลจะละสายตาไม่ได้ อย่าลืมว่ามันมีอาการกินแหนงแคลงใจกันอยู่ โดยเฉพาะปมค่ายเก่าแก่ย่านสามเสน แทบไม่ได้อะไรเป็นการถอนทุน ทั้งที่เป็นคนลงทรัพย์ลงแรง ตะเพิดรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”จนง่อยเปลี้ยเสียขามากับมือ แต่สภาพในปัจจุบัน นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว ในบางครั้งบางคราวยังถูกไล่บี้เสียอีก
**สัญญาณค่อนข้างชัด“พี่น้อง 3 ป.”ไม่ใช่มิตรที่จะไว้วางใจได้ทุกเรื่องสำหรับค่ายสีฟ้า !!
ยิ่งเป็นอะไรที่ต้องระวัง โดยเฉพาะม็อบสวนยางที่ฮึ่มๆ กันอยู่ดินแดนด้ามขวาน รู้ๆกันอยู่ว่า แบ็กอัพข้างหลังเป็นใคร หากเกิดอาการวีนแตกเมื่อไหร่ ไม่ต่างจากวัตถุไวไฟ ที่จุดแปบเดียวก็ลุกพรึ่บ ให้ดูกรณีสมัย“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”เป็นมรณานุสติ ดังนั้นหากปล่อยให้ราคายางพาราตกชนิด 3 กิโลร้อยต่อเนื่อง รับรองเป็นช่องโหว่ อ่อนไหว รูเบ้อเร่อ
ขณะเดียวกัน ก็มีพ่อค้าวานิชจำนวนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้เคยหนุนหลังรัฐบาลเต็มสูบ ระยะหลังเริ่มออกอาการหงุดหงิดเหมือนกัน โดยเฉพาะมาตรการเอาใจรากหญ้า แต่เตะตัดขากันเอง อย่างการจัดเก็บภาษีมรดก และภาษีที่ดิน ที่เล่นเอาเศรษฐีจ้องตาเขม็ง เพราะเข้าเนื้อเต็มเหนี่ยว
ดังนั้น หาก 3 องคาพยพคิดอยากลงขันกันเมื่อไหร่ รับรองต่อให้กฎอัยการศึกที่ว่าเป็นยักษ์ถือกระบอง ก็ไม่น่าจะเอาอยู่ ส่วนวิธีล้มไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหารเสมอไป ที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ใช้กึ๋นกับมวลชนเป็นพอ ยิ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่งานยากอะไร
ขณะที่“นายใหญ่”และองคาพยพ ระบอบทักษิณ ว่ากันว่างานนี้ขอวางตัวนิ่ง จับตาดูสถานการณ์ในที่ลับ ออกมาแหกปากค้านบ้างพอเป็นพิธี ปล่อยให้ “คนกันเอง”ล่อกันไป ใช้วิธียืนดูไกลๆ แบบไม่ต้องออกแรง เพราะรู้ดีว่า สู้เองตอนนี้ยากจะชนะรัฐบาล
โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ ที่ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กำลังประเมินว่า ฝีมือบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สมราคาคุย ไม่ว่าจะเป็น “หม่อมอุ๋ย”หรือ “สมหมาย ภาษี”รมว.คลัง ที่ยังคิดแบบกรอบเดิมๆ ไม่ขยับเขยื้อนให้ถูกใจคนไทย
แล้วยิ่งหัวเราะชอบใจหลังรู้ปมเกาเหลากันเอง ระหว่างขงเบ้งเศรษฐกิจของรัฐบาล ระหว่าง“หม่อมอุ๋ย”กับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช. ที่ระยะหลังแพ็กกันแน่นกับ“บิ๊กนมชง”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และ รอง ผบ.ทบ.
สำทับกันแว่วมา แม้ “หม่อมอุ๋ย”จะมีฐานะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่การเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนเดียว โดยไม่ได้ถ่างขาไปควบกระทรวงใดๆ สุดท้ายก็ไม่มีใครฟัง เพราะจัดเป็นพวกขาลอย นาทีนี้ลิ่วล้อในระบอบทักษิณ เลยขอทำตัวเป็นผู้ชมดีกว่า
**สถานการณ์หลังปีใหม่ของรัฐบาลเลยกลายเป็นงานหนัก นอกจากจะหาภูมิคุ้มกันให้ตัวเองด้วยการสร้างผลงานออกมาเพื่อดึงประชาชนให้มาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กแล้ว ยังต้องระแวงหลังจาก“คนกันเอง”ที่อาจจะเกิดอาการหมันไส้ ด้วยการวางยาแรงๆ กันอีกสักรอบ