ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่กดดันนายกฯ เปรยกฎหมายเสร็จก่อนกำหนด รับเป็นไปได้ แต่ไม่ชัดเลือกตั้งช่วงใด อ้างต้องดูทิศทางลมก่อน หวังทำ พ.ร.บ.ประกอบ รธน.11 ฉบับให้เสร็จด้วย คาดประชามติชัดก่อน 6 สิงหา ชี้ กก.แต่งตั้ง ขรก.โดยระบบคุณธรรม แก้ฝ่ายการเมืองจุ้นโยกย้าย
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุการยกร่างรัฐธรรมนูญอาจจะเสร็จเร็วกว่ากำหนดว่า ตนไม่รู้สึกกดดัน อาจมีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอนชัดเจนได้ว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งได้ช่วงใด เพราะต้องดูทิศทางหลังจากร่างรัฐธรรมนูญแรกเสร็จสิ้นก่อนที่จะเสนอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 17 เม.ย.นี้
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะต้องมีการจัดทำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นทั้ง 11 ฉบับทุกฉบับก่อนจะมีการบังคับใช้ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับไม่ออกมาพร้อมกับรัฐธรรมนูญ ขณะที่การทำประชามติก็จะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายที่มีการปรับแก้ไขร่างฯ เนื่องจากการกำหนด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องระบุไว้ในส่วนของบทเฉพาะกาล อีกทั้งหากจะมีการทำประชามติ ก็จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้สามารถดำเนินการได้
นายบวรศักดิ์ยังกล่าวถึงการให้มีคณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการโดยระบบคุณธรรม จำนวน 7 คน ประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคูณวุฒิในข้าราชการพลเรือน 2 คน ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า 3 คน และประธานกรรมการจริยธรรมของทุกกระทรวง ซึ่งเลือกกันเองจำนวน 2 คน มองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่มีการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายจากฝ่ายการเมือง เหมือนกับระบบของประเทศอังกฤษ ข้าราชการจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง และจะทำตามนโยบายของฝ่ายบริหาร แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะทักท้วงนโยบายที่เห็นว่าอาจขัดต่อกฎหมายต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสร้างรัฐข้าราชการ
ส่วนคณะกรรมาธิการยกร่างในวันนี้ได้มีการพิจารณาในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหารายมาตรา สมาชิกได้มีการถกเถียงถึงชื่อว่าจะใช้คำว่าการกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่นเหมือนเดิม เพราะมีความหมายที่กว้างและสะท้อนถึงการปกครองตนเอง ขณะที่สมาชิกบางส่วนแย้งว่าการเปลี่ยนชื่อเป็นการเปลี่ยนมิติการปกครองของรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป ที่ให้นักปกครองต้องเป็นนักบริหาร ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐ ภูมิภาคและท้องถิ่น
จากนั้นได้เข้าสู่เนื้อหามาตราแรกจากทั้งหมด 6 มาตรา โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ รัฐต้องเป็นอิสระในการปกครองท้องถิ่น มีการกระจายอำนาจอย่างหลากหลายโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างทั่วถึง และพัฒนาศักยภาพในการจัดทำบริการสาธารณะเพื่อให้บริการแก่ประชาชน โดยขณะนี้สมาชิกยังอยู่ในระหว่างการอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาเสร็จภายใน 1-2 วันนี้