xs
xsm
sm
md
lg

“พรเพชร” จัดหนัก มะกันผิดระเบียบการทูตประจำ มองแค่เลือกตั้งไม่สนบริบทอื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประธาน สนช.สุดฉุนสหรัฐฯ ไม่แปลกใจส่ง ผช.รมต.กต.ผิดระเบียบการทูต ฉะทำเป็นประจำเหตุถือว่าเป็นมหาอำนาจ ย้อนมองแต่เลือกตั้งไม่สนบริบทอื่น ไม่คำนึงชาติอื่นแตกแยก ชี้ คสช.เห็นความวุ่นวายตลอด จึงเข้ามาปัดกวาดปูพื้นสู่ ปชต.ยั่งยืน ย้ำถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” ตาม กม. สวนมะกันก็เคยทำกับ 2 อดีต ปธน.ลั่นไม่มีไล่ล่า เมินทำหนังสือแสดงจุดยืน เล็งใช้เวทีไอพียูชี้แจง

วันนี้ (29 ม.ค.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ระบุพาดพิงกรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกการเมืองแทรกแซง และมีผลกระทบต่อความปรองดองว่า ตนไม่รู้สึกแปลกใจที่นายแดเนียล มาพบปะในเชิงที่ไม่ถูกต้องในระเบียบทางการทูต ซึ่งลักษณะแบบนี้กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาทำเป็นประจำ แต่ก็ยังดีกว่าการที่ส่งสปายสายลับซีไอเอที่ส่งไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆ ซึ่งเราก็เห็นว่าการกระทำของนายแดเนียลใช้นโยบายดังกล่าวนี้เพราะถือว่าตัวเองเป็นประเทศมหาอำนาจ

ทั้งนี้ สนช.ถูกตั้งขึ้นมาภายหลังรัฐประหาร เพื่อให้ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบนิติรัฐที่ยึดกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เปลี่ยนถ่ายอำนาจเป็นระบบนิติรัฐเพื่อเปลี่ยนถ่ายไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนของประเทศไทย ดังนั้นการเดินหน้าประชาธิปไตยของประเทศไทยอาจมีมิติมุมมองที่ไม่เหมือนกันในบางเรื่อง เช่น อเมริกาเข้าไปในหลายประเทศ ทั้งในตะวันออกกลาง เอเชีย โดยอเมริกามองเพียงอย่างเดียวว่าการเลือกตั้ง คือประชาธิปไตย หากมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็พอใจแล้วโดยไม่สนใจบริบทอย่างอื่น ไม่สนใจว่าประเทศชาติจะแบ่งเป็นกี่ฝ่าย เป็นเวียดนามเหนือ เป็นเวียดนามใต้ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ หรือจลาจลเกิดขึ้นในบ้านเมือง อเมริกาไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนั้น

ประธาน สนช.กล่าวต่อว่า แต่ในมุมมองของ คสช.นั้น ได้เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองของเราตลอดมา โดยเฉพาะ 6 เดือนก่อนรัฐประหาร ผู้คนไม่พูดจากัน แบ่งเป็นฝักฝ่าย ถึงขนาดมีการใช้อาวุธสงคราม มีคนออกมาประท้วงกันเต็มถนน คสช.จึงมุ่งหน้าเข้ามาปัดกวาดบ้านเมือง และปูพื้นฐานไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน โดยมีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม สะท้อนให้เห็นเสียงของประชาชน และประชาธิปไตยที่ยั่งยืนนั้นก็ต้องเข้ากับขนบธรรมเนียม ประเพณี และสิ่งที่ยึดเหนี่ยวประชาชน คือมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“สิ่งมุ่งหมายที่ผมเข้ามาทำงานกับ คสช.ก็เป็นไปตามอุดมการณ์เดียวกัน คือ มองประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมายคือมีการเลือกตั้งเพื่อประชาชนโดยสะท้อนความต้องการของประชาชนที่แท้จริง” ประธาน สนช.กล่าว

ส่วนกรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนขอยืนยันว่า สนช.ได้ดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากจะพูดว่าเป็นเรื่องการเมืองก็คงใช่ แต่เป็นไปตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ. ป.ป.ช. และกระบวนการถอดถอนก็เป็นไปตามหลักนิติธรรม และหลักนิติรัฐ และยืนยันว่ากระบวนการถอดถอนเป็นกระบวนการตามระบบรัฐสภา และไม่นานมานี้สหรัฐอเมริกาก็เคยใช้ถึง 2 กรณีถอดถอนนักการเมือง กรณีแรกคือ ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน โดยใช้อำนาจส่งเจ้าหน้าที่ไปสอดแนมพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เรื่องเท่านั้น แต่เป็นเรื่องใหญ่ของเขา และอีกกรณีประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่มีความสัมพันธ์กับเลขาฯ ส่วนตัว แต่ได้ถอดถอนในเรื่องขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและให้การเท็จ และสหรัฐอเมริกาก็ดำเนินการถอดถอนในระบบรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญของเขา

“ผมขอสรุปว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกายืนอยู่ในความร่วมมือทุกมิติ ทั้งการเมือง การทหาร การสังคม และเศรษฐกิจ นายแดเนียลเข้ามาก็มาพูดถึงเรื่องดังกล่าว และประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่กลับมาสรุปถึงเรื่องถอดถอน และกฎอัยการศึกมาปนกัน ขอยืนยันว่าหากนำไปเปรียบเทียบกับอเมริกาก็มีความแตกต่างกันแน่นอนโดยเฉพาะเรื่องกฎอัยการศึก”

เมื่อถามถึงว่า นายแดเนียลระบุว่าการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้เป็นการไล่ล่า นายพรเพชรกล่าวว่า ขอยืนยันว่าการไล่ล่าไม่ได้อยู่ในบริบทคำพูดของตน แต่เมื่อถามเช่นนี้ก็เชื่อว่าเป็นคำพูดของสื่อมวลชนที่ถามนำ ทั้งนี้ยืนยันว่า สนช.ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ไล่ล่าใคร นอกจากนี้ รัฐสภาไทยก็ไม่ต้องทำหนังสือแสดงจุดยืนไปยังสหรัฐฯ ในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้ก้าวล่วงอะไรกัน แต่เราจะใช้เวทีไอพียู เวทีรัฐสภาโลกชี้แจงซึ่งเราก็ทำอยู่เป็นประจำ



กำลังโหลดความคิดเห็น