xs
xsm
sm
md
lg

ทูตเยอรมนีแจงระบบเลือกตั้งซับซ้อนแต่อิงประชาธิปไตย ไม่สอบนโยบายหาเสียง-ไม่เลือกตั้งซ่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
เอกอัครราชทูตเยอรมนีบรรยายต่อ กกต. แจงระบบเลือกตั้งเยอรมนีสร้างสมดุลพรรคเล็ก - ใหญ่ ทำพรรคการเมืองหันหน้าประนีประนอมทำงานร่วมกันได้ แต่ไม่กล้าการันตีเหมาะสมกับไทยหรือไม่ รับแม้ซับซ้อน แต่อิงประชาธิปไตยชาติหนึ่งในโลก เผยใช้ระบบเลือกพรรคที่ชนะ ไม่มีคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ชี้ไม่มีตรวจสอบนโยบายหาเสียง ขณะที่ ส.ส. ตาย - ลาออก ใช้วิธีเลื่อนลำดับแทน ไม่มีเลือกตั้งซ่อม

วันนี้ (15 ม.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เชิญ นายรอล์ฟ เพเทอร์ กอทท์ฟรีด ซุลเซ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย มาบรรยายพิเศษเพื่อให้ความรู้กับบุคลากรของสำนักงาน กกต. เรื่อง “ระบบการเลือกตั้งของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี” โดยมี นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. พร้อมด้วย นายประวิตร รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ให้การต้อนรับ โดย นายศุภชัย กล่าวว่า เหตุที่ต้องเชิญมาบรรยายเรื่องระบบเลือกตั้งเยอรมนี เพราะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้วางรูปแบบว่าการเลือกตั้งต่อจากนี้จะใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีเป็นแบบอย่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย จึงอยากให้บุคลากร รวมทั้งประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ เพราะรูปแบบดังกล่าวค่อนข้างมีความซับซ้อนมาก โดยหลังจากนี้ กกต. ก็จะได้ดำเนินการศึกษาในเรื่องนี้ต่อไป

ด้าน นายรอล์ฟ กล่าวว่า ระบบเลือกแบบเยอรมนีมีความซับซ้อนมาก แต่เชื่อว่าเป็นระบบเลือกตั้งที่ยุติธรรม อิงประชาธิปไตยชาติหนึ่งในโลก โดยรากฐานระบบการเลือกตั้งจะวางอยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญเยอรมนี ที่ระบุว่าข้าราชการต้องได้รับเลือกมาจากประชาชน โดยเฉพาะสมาชิกสภาที่จะต้องได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และบุคคลเหล่านี้เป็นตัวแทนของคนทั้งหมด แต่ละคนมีอิสระตัดสินใจ ออกเสียง ตามสติสัมปชัญญะของตัวเอง ส่วนหน่วยงานจัดการเลือกตั้งคล้ายกับ กกต. ของไทย ตั้งมาจากกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นหน่วยงานที่จะประกอบขึ้น ก่อนที่จะมีการจัดเลือกตั้งใหญ่

ทั้งนี้ ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีเป็นผลลัพธ์จากประวัติศาสตร์และประสบการณ์ที่ได้ผ่านมา หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เราใช้ระบบการเลือกตั้ง 2 ระบบ คือ 1. ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับเลือกเข้าไปนั่งในสภา และ 2. ระบบสัดส่วน ที่จะมีการออกเสียงให้กับ ส.ส. บัญชีรายชื่อ เท่ากับว่าคนเยอรมนีจะมีสิทธิออกเสียง 2 เสียง คือ เลือก ส.ส. เขต และเลือกพรรค แต่ละพรรคจะมีรายชื่อ ส.ส. เจาะจงแต่ละรัฐ โดยพรรคที่จะได้ตั้งรัฐบาล คือ พรรคที่ได้รับเสียงโหวตมากสุด ทั้งนี้ การเลือกตั้งแบบนี้ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของเยอรมันมีความอิสระที่จะเลือกคนที่ชอบ และพรรคที่ชอบ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะมีการแยกเสียงระหว่างการเลือกคนและเลือกพรรค

นายรอล์ฟ กล่าวอีกว่า ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีจะมีการคำนวณจำนวน ส.ส. ที่ซับซ้อน โดย ส.ส. เขตที่ได้รับเลือกในตอนแรกจะได้เข้าไปนั่งในสภาอัตโนมัติ และจำนวนที่นั่งที่เหลือจะมีการคำนวณจากยอดการใช้สิทธิทั้งประเทศ จำนวนที่นั่ง และจำนวนคะแนนที่แต่ละพรรคได้ ทำให้พรรคการเมืองเล็กสามารถมีโอกาสเข้ามานั่งในสภา ไม่ใช่มีพรรคการเมืองไม่กี่พรรคที่เข้มแข็งเหมือนในอดีต เป็นการสร้างสมดุลระหว่างพรรคเล็กและพรรคใหญ่ แต่อย่าลืมว่าเยอรมันและไทยมีความแตกต่างกัน เพราะโหวตเลือกพรรคของเยอรมันเป็นการเลือกพรรคที่ชนะ แต่ของไทยมีการนำไปคำนวณจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ทั้งนี้สมมติว่าในการเลือกตั้งปี 2554 ของไทยใช้ระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่ง 242 แทนที่จะเป็น 265 ที่นั่ง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะได้ 176 แทนที่จะได้ 159 ที่นั่ง

นายรอล์ฟ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า หากไทยนำระบบการเลือกตั้งเยอรมันมาใช้จะแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งของไทยได้หรือไม่ เพียงแต่ยืนยันว่า คนเยอรมนีเชื่อมั่นในในระบบการเลือกตั้งของเยอรมนี ทำให้รัฐบาลที่ได้มามีเสถียรภาพมากขึ้น และระบบดังกล่าวถือว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแต่ละประเทศก็ต้องดูตัวเองว่า ระบบนี้จะเหมาะกับ สังคม ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ หรือไม่ บางประเทศจะเอาไปใช้เป็นพิมพ์เขียว หรือใช้เป็นองค์ประกอบก็ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและประชาชนของเขาจะเลือกใช้อย่างไร

เมื่อถามว่า หน่วยงานจัดการเลือกตั้งของเยอรมันมีอำนาจเลื่อนวันเลือกตั้งหรือไม่หากเกิดเหตุการณ์วิกฤติ นายรอล์ฟ กล่าวว่า การเลื่อนวันเลือกตั้งเป็นอำนาจฝ่ายบริหาร กกต.เยอรมนี ไม่มีอำนาจแต่ มีหน้าที่เพียงบริหารจัดการเลือกตั้ง ตรวจสอบพรรค ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และการนับคะแนนเท่านั้น รูปแบบการหาเสียงก็จะมีกฎระเบียบกำหนดไว้ ส่วนนโยบายในการหาเสียงไม่มีข้อจำกัด และภายหลังเลือกตั้งก็ไม่มีการตรวจสอบว่ามีการดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าเมื่อครบวาระแล้วมีการเลือกตั้งจะพิจารณาเลือกผู้สมัครหรือพรรคนั้นอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงจัดการเลือกตั้งผู้สมัคร พรรคการเมืองสามารถแถลงต่อสาธารณะผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ ได้ โดยได้รับการสนับสุนนงบประมาณจากรัฐ ในช่วงเวลาที่มีการจัดการเลือกตั้งก็สามารถแถลงต่อสาธารณะผ่านช่องทางสื่อสารมวลชนต่างๆ ได้โดยมีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ และหลังเลือกตั้งแล้วหากมี ส.ส. ลาออก หรือเสียชีวิต จนเป็นเหตุให้ตำแหน่งว่างลงจะไม่มีการเลือกตั้งซ่อม แต่ผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งในลำดับถัดไปทั้งในระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขตเลือกตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งแทนโดยอัตโนมัติจนครบวาระจึงจะเข้าสู่เลือกตั้งอีกครั้ง

นายรอล์ฟ ได้ให้ความเห็นในตอนท้ายในฐานะของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ว่า ข้อดีของระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็กได้มีโอกาสเข้ามามีที่นั่งในรัฐสภาทำให้พรรคเล็กเจริญเติบโตได้ และนโยบายของพรรคเล็กมีโอกาสกลายเป็นวาระแห่งชาติได้ง่ายขึ้น รวมทั้งระบบการเลือกตั้งเยอรมันยังจะทำให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคหันหน้าเข้ามาทำงานร่วมกันได้อย่างประนีประนอม


กำลังโหลดความคิดเห็น