xs
xsm
sm
md
lg

ชะตากรรมประเทศในเรือแป๊ะ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

“วันนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เหมือนคำโบราณที่ว่า ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้นจะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ ก็ต้องตามใจแป๊ะ คือเข้าใจในสิ่งที่เขาอยากให้เข้าใจ” นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างบรรยายพิเศษเรื่อง “บทบาทของ สนช.กับการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน” ในโครงการสัมมนา สนช.ประจำปี 2557

เรือของแป๊ะนั้นมีคำอธิบายไว้ว่า ในสมัยก่อนคนจีนเมื่อต้องการเดินทางออกนอกประเทศก็ลงเรือสำเภาของแป๊ะซึ่งมีความหมายว่าผู้สูงอายุ เมื่อขึ้นเรือมาแล้วจะเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่ไหนก็ตามแต่แป๊ะเจ้าของเรือจะพาไป

คำเปรียบเปรยของนายวิษณุนั้นชวนให้ตั้งคำถามนะครับว่า ตอนนี้สังคมไทยกำลังอยู่ในเรือของแป๊ะอย่างที่นายวิษณุว่าจริงหรือไม่ เราเปรียบประเทศในขณะนี้ว่า ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะได้จริงๆ หรือ เราไม่มีสิทธิมีความเห็นใดๆ ต้องยอมจำนนต่อแป๊ะทุกอย่างจริงๆ หรือ

ในวันนั้นนายวิษณุพยายามพูดให้ สนช.เข้าใจว่า แม่น้ำ 5 สายนั้นจะต้องเดินไปตามโรดแมปพิมพ์เขียวที่ คสช.ตั้งใจอย่างเคร่งครัดอย่าแตกแถว ทำในสิ่งที่ คสช.อยากให้ทำ ในความหมายของแม่น้ำ 5 สายที่ทำให้สังคมเข้าใจก็คือ คสช. ครม. สนช. สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

แต่ถ้าเราไปดูกลไกอำนาจที่ คสช.ตั้งขึ้น เราจะเปรียบเป็นแม่น้ำ 5 สายก็คงจะไม่ได้เสียทีเดียว เพราะว่ากันจริงๆ แล้ว คสช.เป็นเพียงสายเดียวที่มีฐานะเป็นแม่น้ำ ส่วน ครม. สนช. สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นว่าแล้วก็เป็นเพียงลำห้วยลำคลองที่แยกไปจากแม่น้ำเท่านั้น

ยิ่งนายวิษณุมาพูดย้ำเรื่องลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้นจะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือแล้ว ก็ยิ่งจะตอกย้ำว่า อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่แป๊ะคนเดียว คนบนเรือนั้นเข้าใจได้ในสิ่งที่แป๊ะอยากให้เข้าใจเท่านั้น เราก็ยิ่งไม่สามารถเปรียบเทียบ 5องค์กรว่าเป็นแม่น้ำ 5 สายได้เลย เพราะทั้ง 5 องค์กรไม่ได้มีสถานะที่เท่าเทียมกัน นอกเหนือจาก คสช.แล้ว องค์กรอื่นที่เหลือต้องเดินไปตามทางที่ คสช.อยากให้เดินเท่านั้น

เมื่อทุกกลไกต้องเดินไปตามกรอบที่ คสช.วางไว้และอยากจะให้เป็น แป๊ะในความหมายของนายวิษณุก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารที่เข้ามายึดอำนาจและตั้งตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ซึ่งแปลว่าผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน

ไม่เพียงแต่ถืออำนาจสูงสุดในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังถืออำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 ด้วย

มาตรา 44 ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระทําการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่งหรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว

พูดง่ายๆ ต่อให้ศาลมีคำพิพากษาออกมาถึงที่สุดแล้ว หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็มีอำนาจเปลี่ยนแปลงได้ สามารถยับยั้งกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติได้ สามารถสั่งการใดๆ ที่เหนืออำนาจที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้

ถ้าเข้าใจกันตามนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความหมายเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนอาแป๊ะเจ้าของเรือจริงที่จะนำพาเราไปสู่หนทางไหนก็ได้

แต่สังคมไทยในฐานะประเทศ ในฐานะที่เราเป็นพลเมืองของประเทศ เรากลายเป็นคนอับจนหนทางไร้ปากเสียงเหมือนคนขึ้นเรือแป๊ะจริงๆ หรือ แล้วศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เล่า และมาตรา 3 และมาตรา 4 ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่ที่ไหน

มาตรา 3 อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา 4 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้

จริงอยู่เมื่อเราอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เรามีเสรีภาพที่ถูกจำกัดในหลายเรื่อง แต่ทิศทางและชะตากรรมของประเทศนั้น เราควรปล่อยให้ล่องลอยไปในเรือของแป๊ะอย่างไร้ชะตากรรมตามแต่แป๊ะจะพาไปอย่างที่นายวิษณุพยายามจะอธิบายจริงๆ หรือ หรือประชาชนควรจะมีปากเสียงในการกำหนดชะตากรรมของประเทศที่ตัวเองอยู่อาศัย

เราปล่อยให้กระบวนการทางนิติบัญญัติ อย่าง สนช. สปช. และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ กลายเป็นเพียงพิธีกรรมอำพรางเพราะมีพิมพ์เขียวและโรดแมปที่ คสช.เขียนไว้ให้แล้ว อย่างที่นายวิษณุว่าไว้ เราไม่มีสิทธิเข้าใจในเรื่องที่แป๊ะไม่อยากให้เข้าใจ และเข้าใจในสิ่งที่แป๊ะอยากให้เข้าใจเท่านั้นหรือ

ผมคิดว่า ต่อภาพลักษณ์ที่จะให้ปรากฏต่อภายนอก คสช.ก็คงจะไม่อยากให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จเผด็จการเช่นนั้น แม้จะได้อำนาจมาจากปากกระบอกปืนก็ตาม ผมคิดว่า คสช.อยากให้ช่วงเปลี่ยนผ่านการปกครองที่ตนถืออำนาจอยู่นี้ มีภาพของความละมุนละม่อมและให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้ตามสมควร อย่างน้อยผมยังเชื่อว่า คสช.จะยอมให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องผ่านประชามติจากประชาชนเสียก่อน แต่การพูดของนายวิษณุนั้นพยายามอธิบายว่า อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่เจ้าของเรือเพียงคนเดียว

แล้วใครจะเชื่อล่ะครับว่า อำนาจเบ็ดเสร็จเผด็จการอย่างที่นายวิษณุว่ามานั้น มันจะเขียนรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าเพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ความมั่นคงในอนาคตได้

ผมไม่คิดว่า ประเทศนี้หรือประเทศไหนจะเขียนรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงประชาชนโดยให้ความไว้วางใจแป๊ะเพียงคนเดียวได้หรอกครับ และผมไม่คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์อยากแบกประเทศนี้ไว้ใต้อำนาจของตัวเองเพียงคนเดียว

แต่ถ้านายวิษณุอยากบอกว่าจะลงเรือแป๊ะแล้วต้องทำตามใจแป๊ะ ห้ามเข้าใจในสิ่งที่แป๊ะไม่อยากให้เข้าใจ ก็อย่าทำพิธีกรรมอำพรางขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญอย่างที่ตั้งกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเลยครับ แป๊ะจะเอาอย่างไรก็ว่ามาเลยให้รู้แล้วรู้รอด แล้วมาดูว่าอำนาจของแป๊ะจะยั่งยืนไหม

แล้วดูว่ารัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาโดยไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนเลย มันจะยืนยงอยู่นานไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น