xs
xsm
sm
md
lg

“ประสาร” ดักคอ สนช.ไม่ถอดถอน 3 นักการเมืองใหญ่เป็นจำเลยสังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสาร มฤคพิทักษณ์ (แฟ้มภาพ)
สมาชิก สนช. เรียกร้อง สนช.ทำหน้าที่ถอดถอน “ปู-สมศักดิ์-นิคม” อย่ากลัวคำขู่ชีวิตจะไม่ปลอดภัย เตือนหากยังยึกยักเป็นการทำลายหลักจริยธรรมของประเทศ สนช.จะเป็นจำเลยสังคม รัฐประหาร 22 พ.ค.เสียของ เหน็บเอาเรื่องปรองดองเพื่อให้พ้นผิด เป็นพวกเบาปัญญา เปรียบใบอนุญาตให้ทุจริตได้

นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และแกนนำอดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงการแถลงเปิดคดีถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุม สนช. เมื่อ 8-9 ม.ค.2558 ว่า นายนิคม นั้นแทนที่จะน้อมใจแสดงเหตุและผลอย่างเป็นผู้ใหญ่ กลับออกอาการฟาดงวงฟาดงา แถมข่มขู่ว่า ใครไปถอดถอนเขา “ชีวิตอนาคตจะไม่ปลอดภัย” นี่เป็นท่าที อหังการที่เรียกแขกได้อีกหลายคะแนน ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ยังคงเส้นคงวาในการแสดงออก กล่าวคือ อ่านโพยหน้าจอที่เตรียมมาตามลีลา “ถามม้า ตอบปู” แบบคนละเรื่องเดียวกัน เรายังต้องรอดูการซักถามในปลายสัปดาห์หน้า และการแถลงปิดคดีปลายเดือน ม.ค.จึงจะพอประเมินเสียงได้

นายประสาร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สนช.กำลังทำหน้าที่ดำรงหลักความถูกต้องชอบธรรมในมิติทางการเมืองอยู่ ตนมีข้อคิดว่า ขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเอาการถอดถอนมาเป็นเหตุที่จะส่งผลถึงการปรองดอง และการปฏิรูป กล่าวคือ พยายามที่จะให้เหตุผลว่า “ถ้าจะปฏิรูปต้องอย่าถอดถอน ถ้าจะปรองดองต้องให้พวกเขาพ้นผิด” ซึ่งเป็นตรรกะที่เบาปัญญา ถ้า สนช.ตกหลุมพรางนี้จะกลายเป็นใบอนุญาตให้ความฉ้อฉลสามารถกระทำได้อย่างเปิดเผย และคนทำไม่ต้องรับผิด อย่าลืมว่า ไม่เพียงคณะกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้นที่ชี้มูลความผิด ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ไว้แล้วว่า อดีตผู้นำรัฐสภาทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ส่วนกรณีจำนำข้าวที่เสียหายไปหลายแสนล้านนั้น ทั้ง สตง. อนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว สถาบันทีดีอาร์ไอ และสื่อมวลชนได้เตือนแล้วเตือนอีก ผนวกกับการฆ่าตัวตายของชาวนา 19 คน เป็นพยานเชิงประจักษ์ที่แจ่มชัดยิ่ง หากผู้ถูกกล่าวหาลอยนวลพ้นผิดไปได้ กลับจะกลายเป็นความร้าวฉานครั้งยิ่งใหญ่ เป็นตราบาปที่ทำให้ สนช.ตกเป็นจำเลยของสังคมไทยไปยาวนาน

“ผมไม่เรียกร้องให้ สนช..มาเข้าข้างฝ่ายที่ต้องการถอดถอน เพียงแต่ขอให้ สนช.ยืนหลักให้มั่นในความถูกต้องชอบธรรม มีวิจารณญาณที่มองไกลไปถึงความยุติธรรมทั่วทั้งกระบวน ไปให้พ้นจากความกลัวล่วงหน้าว่าจะถูกเช็กบิลภายหลัง ไม่ติดอยู่กับความเกรงใจใคร ไม่ถูกจองจำไว้ด้วยสัมพันธ์ส่วนตัวโดยเกรงว่า “บัวจะช้ำ น้ำจะขุ่น” คนที่งดออกเสียง โปรดเอามือที่ซุกหีบไว้ออกมาแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมของตนด้วย หลวงเขาจ้างมาให้ท่านตัดสินใจ ไม่ใช่จ้างมาให้ท่านสองจิตสองใจการชี้ชะตาบุคคลทั้ง 3 ในครั้งนี้ จะวัดใจกันว่า การรัฐประหาร 22 พ.ค.57 เสียของหรือไม่ เป็นสัญญาณประวัติศาสตร์ว่าระบบคุณธรรมจริยธรรมของสังคมไทยยังเป็นที่พึ่งที่หวังอยู่ได้หรือไม่”


กำลังโหลดความคิดเห็น