แหล่งข่าวใน สนช. ชี้เสียงมติรับเรื่องพิจารณา อาจพลิกกลับไม่ถอดถอน เป็นไปได้ยากที่ 75 เสียงจะลงมติถอนถอน อีกทั้งต้องใช้ 132 เสียง ด้าน “ประสาร” ชมกล้าหาญทางจริยธรรม หวังภาคประชาชนต่อสู้ไม่สูญเปล่า
วันนี้ (6 พ.ย.) แหล่งข่าวในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แสดงความเห็นหลังที่ประชุม สนช. มีมติ 87 ต่อ 75 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง รับเรื่องการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ว่า การรับเรื่องไว้พิจารณากับการถอดถอนเป็นคนละประเด็นกัน และไม่ได้หมายความว่า เมื่อถึงเวลาลงมติถอนถอน 87 เสียงที่ลงมติรับเรื่องจะลงมติถอดถอน ซึ่งสมาชิกบางคนที่ลงมติรับเรื่องท้ายที่สุดก็อาจจะลงมติไม่ถอดถอน
“ผลการลงมติในวันนี้ยังก็สามารถมองไปถึงการลงมติถอดถอนในอนาคตได้เช่นกัน เพราะคงเป็นไปได้ยากที่ 75 เสียงที่ลงมติไม่รับเรื่องในวันนี้จะลงมติถอนถอน ในเมื่อเขาเห็นว่าไม่รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว จะถอดถอนทำไม การจะมีมติถอดถอนได้เราต้องใช้เสียง 3 ใน 5 นั่นหมายถึง 132 เสียง ดังนั้น เมื่อนำ 75 เสียงไปบวกกับสมาชิกบางคนที่ตั้งใจให้รับไปก่อนแล้วค่อยถอดถอนที่หลังอีก และอย่าลืมเสียงที่งดออกเสียง 15 เสียง ที่อาจจะตัดสินใจลงลงมติไม่ถอดถอน โอกาสที่จะเห็นการถอดถอนบุคคลทั้งสองคงเป็นไปได้ยาก” แหล่งข่าว กล่าว
ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า มติของ สนช. บ่ายวันนี้ เป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม และเป็นกำลังใจอย่างยิ่งต่อการเมืองภาคประชาชน ทำให้ยังหวังได้ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า เปิดทางให้แก่กระบวนการของกรรมสนองกรรมได้ทำหน้าที่ ตนหวังว่าคดีจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้า สนช. สัปดาห์หน้า รวมทั้งคดี 36 ส.ว. และ 309 ส.ส. กรณีผ่านร่างรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ก็จะเข้าสู่การพิจารณาถอดถอนของ สนช. เช่นเดียวกัน
“ความจริง คุณนิคม คุณสมศักดิ์ และพรรคเพื่อไทย ควรจะต้อนรับและดีใจที่ผู้ถูกล่าวโทษจะได้มีโอกาสแก้ต่างให้แก่ตนเองใน สนช. อย่างเต็มที่ สังคมจะได้ช่วยกันเป็นประจักษ์พยานด้วย” นายประสาร กล่าว