แกนนำ กปปส. ขอบคุณ สนช. ลงมติรับเรื่องถอดถอน “สมศักดิ์ - นิคม” ชี้รัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจ ยันไม่ขอก้าวล่วง ยันจ้อสื่อไม่ได้กดดันปลุกระดม รู้ดีว่ายังมีอัยการศึก ด้าน “อรรถวิชช์ ปชป.” หนาวเสียงโหวต 87 เสียงห่างไกล 3 ใน 5 ไม่อยากจะคิดเสียงโหวตถอดถอน “ปู” ซัดถ้า สนช. ไม่กล้าแล้วใครจะกล้า
วันนี้ (6 พ.ย.) นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติรับเรื่องถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ในกรณีที่แก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ ว่า ขอขอบคุณสมาชิก สนช. ทั้งที่ลงมติรับเรื่องนี้ ถือเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ผลที่ออกมาถือเป็นการตีความกฎหมายมหาชน เพื่อเป็นแนวทางในการเปิดโอกาสให้สมาชิก สนช. รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ และถือเป็นข้อพึงสังวรของนักการเมืองในอนาคตให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง ว่าการกระทำใดๆ โดยใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดก็จะถูกตรวจสอบ ตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่มีการปล่อยผ่านละเลยไป
สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินการต่อจากนี้ ทั้งกลุ่ม 39 ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อ หรือ 308 ส.ว. และ ส.ส. ต้องรอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลออกมาก่อน แต่สิ่งที่ตนเคยพูดไว้ คือ รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ในมาตรา 5 และ 6 ระบุอำนาจหน้าที่ของ สนช. ในเรื่องการถอดถอน ถือว่าเป็นความเห็นสอดคล้องกับ สนช. เสียงข้างมาก และหลังจากนี้ที่ประชุม สนช. จะมีมติถอดถอนหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณ ตนไม่ขอก้าวล่วง ยืนยันว่าการแสดงความเห็นของตนไม่ใช่การกดดันและไม่ใช่การแทรกแซง หรือข่มขู่อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ว่าตนจะระดมมวลชนมากดดัน ขอให้ทราบว่าตนยังมีสติสัมปชัญญะ รู้เหตุผลว่ายังมีกฎอัยการศึกและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บังคับอยู่ ตนก็จะเลือกแนวทางการต่อสู้โดยสงบ สันติ อหิงสา ต่อไป
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผลการลงมติที่เห็นด้วย 87 เสียง ยังห่างไกลกับจำนวนเสียง 3 ใน 5 คือ 132 เสียง และตนไม่กล้าคิดถึงเสียงโหวตถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรณีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจำนำข้าวที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 12 พ.ย. นี้ ซึ่งถ้า สนช. มาจากการแต่งตั้งล้วนๆ ยังไม่กล้าแล้ว ใครจะกล้าดำเนินการเรื่องนี้