xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” วอนคนไทยทบทวนตัวเอง ย้ำประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่เลือกตั้ง-เสียงข้างมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ยกปรัชญา “พระมหาชนก” ให้คนไทยทบทวนตัวเอง เน้นเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน วอนทุกฝ่ายสามัคคีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อปฏิรูป ปลื้มอันดับคอร์รัปชันไทยขยับดีขึ้น ย้ำปราบโกงเป็นวาระแห่งชาติ ยกโครงการเมล์เอ็นจีวี - รถไฟฟ้า รฟม. นำร่องใช้ “สัญญาคุณธรรม” คุมความโปร่งใส ยันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่ได้ข้อยุติ ให้เป็นหน้าที่ กมธ. ยกร่างฯ เปิดช่องทุกคนคอมเมนต์เต็มที่ ระบุประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เสียงข้างมากต้องฟังเสียงข้างน้อยด้วย เบรกม็อบยางเริ่มก่อหวอด ชี้ไร้ประโยชน์ สะกิดดูภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็มีปัญหา

วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ในเดือน ธ.ค. นี้ ประชาชนชาวไทยทุกคน ต่างร่วมใจทำความดีถวายในหลวง รวมทั้งพร้อมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและร่วมถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างพร้อมเพรียงกันครับ เป็นที่น่ายินดี และเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนก็ได้มีโอกาสชมการแสดงละครเพลงเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอน ไลฟ์ โชว์” ณ บริเวณลานกลางน้ำอเนกประสงค์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งคุณธรรม ความเพียร ความวิริยะอุตสาหะ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปรัชญาของบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกด้วยว่า มีทั้งในเรื่องความเพียรในการว่ายน้ำกลางทะเลตลอด 7 วัน 7 คืน โดยไม่ย่อท้อ แม้จะมองไม่เห็นฝั่ง แต่ต้องมีสติรู้ตัว มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังให้ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีฉากการเพาะปลูกมะม่วงไว้กินเอง วิธีการถึง 9 ประการด้วยกัน อาทิ การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ การถนอมรากไม้เพื่อรักษาต้นพ่อพันธุ์ และการปักชำ เป็นต้น เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องแย่งมะม่วงกัน แสดงให้เห็นว่าถ้าเราจะทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ไม่ใช่การหาแต่ประโยชน์ใส่ตนและขัดขวางความสุขของผู้อื่น ต้องมีการเผื่อแผ่แบ่งปันนะครับ

“ปัจจุบันประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการหยุดทบทวนตัวเอง สำหรับการปฏิรูปประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ผมก็ขอความร่วมมือพี่น้องชาวไทย ทุกภาคส่วน ร่วมกันใช้ความอดทนและเพียรพยายาม ฟังความเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ สามัคคีร่วมใจทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อลูกหลานในอนาคต โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในช่องทางที่เหมาะสม ละทิ้งประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง สำหรับรัฐบาลเองก็จะสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยอย่างเต็มที่ ด้วยการสร้างการเรียนรู้ในทุกระดับ ในขณะที่ คสช. ก็จะรักษาไว้ซึ่งบรรยากาศความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินและการปรองดอง เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าประเทศไทยของเรา เป็นไปด้วยดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯยังได้กล่าวถึงภารกิจการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษด้วยว่า ตนได้มีโอกาสพบปะกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ผู้นำอาเซียน และภาคเอกชนของสาธารณรัฐเกาหลี โดยได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภูมิภาคต่างๆ รวมถึงบทบาทของไทยในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน ซึ่งการไปเยือนในครั้งนี้ได้มีการกล่าวเพื่อส่งเสริมผลักดันความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยงในภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม

ในส่วนการปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน และการฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่น่ายินดีของประเทศไทยเรา ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) เผยผลการจัดอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index : CPI) ของปี พ.ศ. 2557 ระบุว่า ประเทศไทยของเราได้คะแนนดีขึ้น มาเป็นลำดับที่ 85 จากทั้งหมด 175 ประเทศ ดีขึ้นจากปีที่แล้ว 17 อันดับ เป็นอันดับที่ 12 จาก 28 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยแม้ว่าอันดับของประเทศไทยจะดีขึ้นในสายตาองค์กรระหว่างประเทศนั้น ประเทศไทยยังต้องมีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป ซึ่งตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันนั้น ถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนแห่งชาติ เนื่องจากการทุจริตเป็นต้นตอของปัญหาด้านต่างๆ ของประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ ช่วยกันแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง

“ผมในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร หัวหน้ารัฐบาล ได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและจริงใจ ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมาภิบาล และจะไม่เพิกเฉยต่อการกระทำความผิดกฎหมาย และจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกเรื่อง ก็เป็นเรื่องของการพิจารณาต่อไปตามขั้นตอนต่างๆ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทุกภาคส่วน ในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวง เอาผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นส่วนตัวหรือเอื้อประโยชน์ ซึ่งข้าราชการทุกระดับชั้น และจากบุคคลรอบข้างใกล้ชิดก็ต้องระมัดระวังด้วยนะครับ อย่างปล่อยปละละเลยให้คนเหล่านั้นไปเรียกร้องผลประโยชน์ ในส่วนของรัฐบาล ผมเอง และคณะรัฐบาลนั้นก็ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง ผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ก็ขอให้ช่วยกันดูแลด้วย” นายกฯระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยด้วยว่า ตนผมในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เพื่อบูรณาการการกำกับดูแลทั้งในเรื่องการป้องปรามและการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของภาครัฐทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่การบริหารจัดการค่อนข้างกระจัดกระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน จะไม่มีเจ้าภาพหลักที่ดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการ อีกทั้งกระบวนการทุจริตมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ เราก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาในส่วนของกระบวนการตรวจสอบให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาตินี้ไม่ได้ไปทำงานซ้ำซ้อนกับใคร จะเป็นกลไกหลักในการในการดำเนินการป้องกัน ก็จะเน้นในเชิงการป้องกัน และขจัดทุจริตคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลได้สั่งการให้นำมีระบบการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจ โดยนำระบบการลงทุนการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency : CoST) มาใช้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะในการเปิดเผยข้อมูลการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วย ตั้งแต่การออก TOR การประกวดราคา การก่อสร้าง จนถึงการตรวจรับงาน ต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบในทุกมิติ

“รัฐบาลยังได้มีการนำสัญญาคุณธรรม หรือ Integrity Pact มาใช้ โดยให้หน่วยงานรัฐผู้จัดซื้อจัดจ้างและเอกชนทุกคนที่เข้ามาเสนอราคาต้องลงนามในสัญญาว่าจะไม่มีการรับหรือให้สินบน และยอมรับกระบวนการเปิดเผยข้อมูลในทุกขั้นตอน โดยยอมให้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพหรือภาคประชาสังคมเข้ามาเป็นคณะตรวจสอบอิสระ ซึ่งโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีของ ขสมก. และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเป็นโครงการนำร่องการปฏิบัติตามสัญญาคุณธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนขอร่วมแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกท่านในการเฉลิมฉลองการมีรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินมากว่า 80 ปี นับถึงปัจจุบันเราได้มีรัฐธรรมนูญมาเกือบ 20 ฉบับ เราอาจจะต้องมาดูความพร้อมไม่พร้อม ในด้านความรู้ความเข้าใจในระบอบการปกครองนี้อย่างถ่องแท้ ทำอย่างไรให้การเมืองของเรา นักการเมือง ประชาชน เรียนรู้ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน ทำอย่างไรให้การบริหารราชการของรัฐบาลที่จะเข้ามานั้นมีธรรมาภิบาล ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้ทันสมัย ขจัดปัญหาในอดีต และมีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยของเรา

“ผมก็ยังไม่มีข้อยุติว่าจะเป็นแบบไหน อย่างไร ก็เป็นเรื่องของการปฏิรูป เรื่องของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็เสนอเรื่องขึ้นมาแล้วกัน เราก็จะไปพิจารณาร่วมกันอีกครั้งในตอนช่วงท้าย วันนี้ก็แสดงความคิดเห็นกันไปได้ ผมไม่ได้จำกัดอะไรทั้งสิ้น แล้วจะมาถามข้อสรุปของผม ยังสรุปไม่ได้ในเวลานี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯยังได้เน้นย้ำถึงหัวใจในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยด้วยว่า สิ่งที่เราไม่อาจจะละเลยได้ คือ (1) ประเทศประชาธิปไตย ไม่เพียงแต่จัดให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น ต้องมีหลักประกันในการใช้สิทธิด้วยว่า สามารถได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ได้อย่างเสรีเต็มที่ และมีโอกาสเลือกสรรตัวบุคคลที่ต้องการจริงๆ ปราศจากแรงจูงใจที่ทุจริต เช่น การซื้อสิทธิขายเสียง และ (2) ในระบอบประชาธิปไตย มิได้หมายความเพียงการยึดหลักเสียงข้างมากอย่างเดียว จนบางครั้งก็หลงลืมเสียงข้างน้อย จึงจำเป็นต้องมีหลักประกันให้เสียงข้างน้อยให้เขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และต้องได้รับการเคารพจากเสียงส่วนใหญ่ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นความพยายามร่วมกันของคณะรัฐมนตรี (ครม.), คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐธรรมนูญใหม่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง แล้วค่อยย้อนขึ้นมาว่าจะมีขบวนการเข้าสู่อำนาจอย่างไร แล้วไปหากระบวนการตรวจสอบ ความโปร่งใส ถึงจะเกิดความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และยั่งยืน

“รัฐธรรมนูญที่ว่า เขียนมาตั้งเกือบ 20 ฉบับแล้วเขียนดี อย่างไรก็ตาม ถ้าขาดจิตสำนึกที่ดี ขาดคุณสมบัติของนักการเมืองที่ดี ขาดการเป็นประชาชนที่มีการเรียนรู้แล้ว มันก็ไปไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคยรับสั่งไว้แล้วว่า ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความสุจริตใจในหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นหน้าที่พลเมืองมีความสำคัญ หน้าที่นักการเมือง หน้าที่พลเมือง หน้าที่ข้าราชการ หน้าที่ประชาชน ต่างคนต่างมีบทบาทของตัวเอง ต้องวางตัวให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นประเทศไทยเราก็เหมือนเดิม ไม่หลุดพ้นกับดักประชาธิปไตย หรือคำว่ามีเสรีภาพ มีสิทธิ เป็นของประชาชน อะไรทำนองนี้ มันไร้ขอบเขต กว้างขวางไร้ขีดจำกัดไม่ได้ ต้องเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่นด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ ซึ่งตนก็ให้นโยบายไปอย่างต่อเนื่อง และติดตามผลทุกวัน วันนี้ก็พยายามที่จะขับเคลื่อนงบประมาณต่างๆ ให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วก็ไม่เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ก็ต้องขอความร่วมมือจากพวกเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรภาคต่างๆ การที่จะเรียกร้อง หรือเดินขบวน บางครั้งมันไม่เกิดประโยชน์ วันนี้เศรษฐกิจของโลกก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาคมโลกอื่นๆ ประเทศที่มีความสามารถสูง วันนี้ก็ GDP ก็ลดลงหลายๆ ประเทศด้วยกัน ก็มีผลกระทบมาถึงในประเทศเรา อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องราคาน้ำมัน ก็ผูกติดไปกับหลายๆอย่าง ราคาพืชผลทางการเกษตร น้ำมันไปเกี่ยวข้องกับยางด้วย

“มาตรการเรื่องยางนั้น 11 เรื่อง และอีก 3 มาตรการ เรื่องการใช้จ่ายเงิน ปัญหาอยู่ที่ว่าไม่สามารถออกได้พร้อมกัน กำลังเร่งไปแล้ว ผมก็ได้สั่งการลงไปแล้วทางรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ลงไปดูแล วันนี้ก็มีความคืบหน้ามาตามลำดับ ต้องมองหลายส่วนด้วยกัน” นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เรามองเศรษฐกิจประเทศไทยต้องมองภาพใหญ่ ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจระดับล่างดีขึ้น ก็ต้องขอความร่วมมือช่วยกัน เพราะเราเป็นภาคเอกชนดำเนินการมาโดยตลอด วันนี้รัฐบาลเจอปัญหามากมาย ต้องแก้ปัญหาในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของกฎหมาย ในเรื่องกติกา พันธสัญญา ติดไปหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ต้องร่วมมือกัน ประชาชนก็ร่วมมือกับรัฐ เจ้าหน้าที่คนไหนหากไม่ขยันขันแข็ง ไม่ทำงานให้เกิดประโยชน์ ไม่ดูแลพี่น้องก็บอกมา เราก็จะเร่งรัดไปทุกเรื่อง

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า “วันนี้ขอขอบคุณอีกครับ เดือนนี้เป็นเดือนแห่งมิ่งมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคน ทั้งภาครัฐ ทั้งประชาชน เอกชน ภาคธุรกิจ ก็คงจะต้องช่วยกันร่วมกัน ถวายพระพรชัยมงคล ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยท้งประเทศตลอดไป”

คำต่อคำ : รายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" วันที่ 12 ธันวาคม 2557

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักทุกคน ในเดือนธันวาคมนี้ ประชาชนชาวไทยทุกคนต่างก็ร่วมใจกันทำความดีถวายในหลวง รวมทั้งพร้อมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และร่วมถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นที่น่ายินดี และเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น ผมก็ได้มีโอกาสชมการแสดงละครเพลงเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง "พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอน ไลฟ์โชว์" ณ บริเวณลานกลางน้ำอเนกประสงค์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ.2539 อันทรงคุณค่า ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งคุณธรรม ความเพียร ความวิริยะอุตสาหะ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

ต้องขอแสดงความชื่นชม และขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ผลิต ผู้ประพันธ์บทเพลงประกอบการแสดง ไพเราะมาก นักแสดงและทีมงานกว่า 1,000 ชีวิต และวงออร์เคสตร้า เครื่องดนตรีกว่า 60 ชิ้น ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานบทพระราชนิพนธ์สู่สายตาประชาชนชาวไทย และชาวต่างประเทศด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เป็นการคืนความสุข พร้อมเพิ่มพูนปัญญาให้กับประชาชนอย่างแท้จริงครับ

นอกจากความเพียรพยายามของพระมหาชนกแล้ว ในการว่ายน้ำกลางทะเลตลอด 7 วัน 7 คืน อย่างไม่ย่อท้อ แม้จะมองไม่เห็นฝั่ง แต่ต้องมีสติรู้ตัวตลอดเวลา มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น เมื่อเห็นว่าจะเกิดพายุก็มีการเตรียมสะสมเสบียงอาหารรับประทานให้อิ่ม และชุดร่างกายด้วยน้ำมันให้ชุ่ม เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้าย อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่สอนมา สอนให้เรารู้จักคิด รู้จักเตรียมตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ และประทับใจในปรัชญาที่แฝงอยู่ในบทพระราชนิพนธ์นี้ก็คือ การสร้างความเจริญงอกงามทางสติปัญญาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีฉากการเพาะปลูกมะม่วงไว้กินเอง มีวิธีการถึง 9 ประการด้วยกัน ได้แก่ การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ การถนอมรากไม้เพื่อรักษาต้นพ่อพันธุ์ การปักชำ การเสียบกิ่ง การต่อยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง การรมควันต้นที่ไม่เคยให้ผล และการเพาะเนื้อเยื่อ แล้วเลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ไปขยายพันธุ์ ซึ่งการเพาะปลูกได้เองนั้น ทำให้ไม่ต้องแก่งแย่งกันนะครับ จะเห็นได้ว่าถ้าแย่งกันมะม่วงก็ตาย ทุกคนก็ไม่ได้กินอีกต่อไป

ดังนั้นแสดงให้เห็นถึงว่า ถ้าหากเราจะทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ก็ไม่ใช่แต่เพียงการหาแต่ประโยชน์ใส่ตน และขัดขวางความสุขของผู้อื่น ต้องมีการเผื่อแผ่แบ่งปัน ที่สำคัญคือการสร้างปูทะเลย์มหาวิชชาลัย นะครับ นับเป็นแหล่งวิชาการเรียนรู้ซึ่งสอดแทรกอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ ที่ให้ข้อคิดว่า การศึกษาที่ขาดความเข้าใจนั้น จะไม่เกิดประโยชน์ และหากว่าคนเรามีความรู้ความเข้าใจแต่ไม่มีคุณธรรม ก็ไม่อาจจะแยกดีเลวได้นะครับ อย่างที่บอกแล้วว่าคนเราต้องมีคุณธรรม ก็เปรียบเหมือนคนที่ไร้ปัญญา คิดอะไรก็ไม่เป็น

ปัจจุบันประเทศไทยเรานั้นอยู่ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในการทบทวนตัวเองสำหรับการปฏิรูปประเทศไปสู่พัฒนาที่ยั่งยืน ก็อยากจะขอความร่วมมือพี่น้องชาวไทยทุกคนทุกภาคส่วนนะครับ ร่วมกันใช้ความอดทน และเพียรพยายามและร่วมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ และมีความสามัคคีร่วมใจกันทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต โดยเราอาจจะทำได้หลายอย่างด้วยกัน การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันรับฟังกัน ในช่องทางที่เหมาะสม แล้วก็ละทิ้งประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง รัฐบาลเองก็จะสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยอย่างเต็มที่ ด้วยการสร้างการเรียนรู้ในทุกระดับ ในขณะที่ คสช.ก็จะรักษาไว้ซึ่งบรรยากาศความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และความปรองดอง เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าประเทศไทยของเรานั้นเป็นไปได้ด้วยดี

ในสัปดาห์นี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ ที่นครปูซาน และได้มีโอกาสพบปะกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ผู้นำอาเซียน และภาคเอกชนของสาธารณรัฐเกาหลี โดยได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งบทบาทของไทยในการจะขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน

การไปเยือนครั้งนี้ ผมได้มีการกล่าวถึงเรื่องที่จะส่งเสริม ผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนระหว่างกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และความเชื่อมโยงในภูมิภาค ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์อาเซียน และสาธารณรัฐเกาหลี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ตลอดจนความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม

สำหรับในเรื่องของการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันและการฉ้อราษฎร์บังหลวง วันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ที่ประเทศเรานั้น ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมระดับโลกที่ไม่มุ่งหวังผลกำไร มีเครือข่าย 120 ประเทศทั่วโลก ก่อตั้งในประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2536 ยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมาแล้ว และไทยได้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในปี พ.ศ.2543 สิบสี่ปีที่ผ่านมา ก็เผยผลการจัดอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย ซีพีไอ ของปี พ.ศ.2557 ระบุว่า ประเทศไทยของเราได้คะแนนดีขึ้นมาเป็นอันดับที่ 85 รวม 9 ประเทศ จากทั้งหมด 175 ประเทศ ดีขึ้นจากปีที่แล้ว 17 อันดับ เดิมเราได้ลำดับที่ 102 เป็นอันดับที่ 12 จาก 28 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์อันดับ 7 และมาเลเซีย อันดับ 50 ถึงแม้ว่าอันดับของประเทศไทยจะดีขึ้นในสายตาองค์กรระหว่างประเทศนั้น แต่ผมคิดว่าประเทศไทยยังคงมีการให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกนะครับ

ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2557 เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของชาติ เนื่องจากว่าการทุจริตนั้นจะเป็นต้นตอของปัญหาต่างๆ ของประเทศ

อีกทั้งทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม เกิดอุปสรรคต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งสะท้อนวิกฤตการณ์ด้านคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคม ทุกภาคส่วนนั้นต้องให้ความร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจังนะครับ ทั้งรัฐบาล เอกชน ประชาชน ข้าราชการ องค์กรต่างๆ ช่วยกันดูแลในเรื่องนี้ทั้งผู้ให้ ผู้รับ มีความผิดทั้งคู่

เพราะฉะนั้นผมในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร หัวหน้ารัฐบาล ได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน และจริงใจในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมาภิบาล และจะไม่เพิกเฉยต่อการกระทำความผิดกฎหมาย ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกเรื่อง เป็นเรื่องของการพิจารณาต่อไปตามขั้นตอนต่างๆ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทุกภาคส่วน

ในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น ส่วนใหญ่มักจะเอาผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นส่วนตัว หรือเอื้อประโยชน์ ซึ่งข้าราชการทุกระดับชั้นนั้น ทั้งบุคคลรอบข้าง หรือใกล้ชิดต่างๆ ต้องระมัดระวังด้วย อย่าปล่อยปละละเลยให้คนเหล่านั้นไปเรียกร้องผลประโยชน์ ในส่วนของรัฐบาล ผมเองและคณะรัฐบาลก็ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ช่วยกันดูแลด้วย

ทั้งนี้เรามีความตั้งใจในการที่จะป้องกัน และปราบปรามปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และผมในฐานะหัวหน้า คสช.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เพื่อจะบูรณาการกำกับดูแลทั้งในเรื่องการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของภาครัฐทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมานั้นอาจจะมีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่การบริหารจัดการค่อนข้างกระจัดกระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน จะไม่มีเจ้าภาพหลักที่ดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการ จะได้ให้รวดเร็วขึ้นให้ได้รับการยอมรับจากทุกพวกทุกฝ่ายในเรื่องของการดูแลเรื่องคอร์รัปชันให้จริงจังขึ้น มีการประสานงาน มีการดำเนินการต่างๆ ให้มันรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมายนะครับ ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ ให้มันชัดเจนขึ้น มันอาจจะดูล่าช้าไป เพราะบางอย่างนั้นมันยากในการที่จะหาพยาน หาวัตถุพยาน เพราะเรื่องเหล่านี้กระบวนการทุจริตเหล่านี้ มันมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ เราจำเป็นต้องมีการพัฒนาในส่วนของกระบวนการตรวจสอบให้ทันต่อสถานการณ์

เพราะฉะนั้นคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาตินี้ อย่าเกรงว่าจะไปซ้ำซ้อนกับใคร จะเป็นกลไกหลักในการดำเนินการป้องกันจะเน้นในเชิงการป้องกัน และขจัดทุจริต ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นเอง

คณะกรรมการชุดนี้นอกจากจะมีกรรมการจาก คสช.แล้ว ก็จะมีผู้ทรงคุณวุฒิผู้แทนจากหน่วยงานทุกภาค
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย เมื่อได้รับข้อมูลต่างๆครบถ้วนแล้ว หากมีหลักฐานชัดเจน เป็นการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน ก็คงต้องมาช่วยกันว่าจะช่วยกันทำอย่างไร ทำให้การป้องปรามและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้มีผลอย่างจริงจัง มีประสิทธิผล และจะช่วยส่งเสริมในการประสานงานให้กับการทำงาน

การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล ของทุกหน่วยงานให้เป็นไปได้อย่างดียิ่งขึ้น ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลก็ได้สั่งการให้มีการนำระบบการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจ ได้นำระบบการลงทุนการก่อสร้างภาครัฐ หรือ COST มาใช้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในการลงทุนของรับวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเผยข้อมูลการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่เช่นนั้นก็กล่าวกันไปกันมาบางทีก็มีข้อเท็จจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ปัญหาของเราก็คือว่า การดำเนินคดีต่างๆนั้นมันต้องว่าไปตามหลักฐานจริงๆตามกฎหมาย บางครั้งความเข้าใจก็คนละอย่างหนึ่ง บางทีก็ทำให้การบริหารราชการ การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ในส่วนของโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ก็จะเป็นโครงการนำร่อง ที่จะใช้ระบบ COST เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการ ก่อนจะขยายไปสู่โครงการรัฐวิสาหกิจอื่นๆ นะครับ

ในการนำระบบ COST มาใช้นี้นั้น จะช่วยลดช่องทางหาประโยชน์ของผู้มีอำนาจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล และการตรวจสอบของภาคประชาชน ตั้งแต่การออกทัวร์ การประกวดราคา การก่อสร้าง จนถึงการตรวจรับงาน ก็ได้ย้ำไปหลายครั้งแล้ว ว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น จะต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกมิติ

นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้มีการนำสัญญาคุณธรรม หรือ Integrity Pact มาใช้ โดยหน่วยงานรัฐ และผู้จัดซื้อจัดจ้าง และเอกชนทุกคน ที่จะเข้ามาเสนอราคาต้องลงนามในสัญญาที่ว่านั้น ว่าจะไม่มีการรับ หรือให้สินบนและยอมรับกระบวนการเปิดเผยข้อมูลในทุกขั้นตอน และยอมให้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพ หรือภาคประชาสังคม เข้ามาเป็นคณะตรวจสอบอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ของ ขสมก. โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็จะเป็นโครงการนำร่องการปฏิบัติตามสัญญาคุณธรรม เพื่อเปิดโอกาสในการเรียนรู้ปัญหา และความเสี่ยงในทางการปฏิบัติ ก่อนที่จะมีการพัฒนาต่อยอดเป็นร่างกฎหมาย หรือมาตรการที่ครอบคลุม เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการดำเนินการของโครงการต่างๆ ต่อไป

ขณะเดียวกัน ได้เร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการเร่งด่วนที่สำคัญ ที่จะเร่งดำเนินการก่อน เพื่อวางรากฐานการพัฒนาที่ให้ปราศจากการทุจริต อาทิเช่น การนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคล ส่งเสริมคนดีมีความรู้ความสามารถให้มีโอกาสทำงาน การออกกฎหมายเพื่ออุดช่องว่าง การกระทำความผิด เช่น การออกกฎหมายอำนวยความสะดวก ให้การบริการภาครัฐ การเพิ่มช่องทางการเข้าถึง และการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการแบบวันสต๊อปเซอร์วิสต่างๆ อย่างทั่วถึง วันนี้ก็มีการจัดตั้งกองทุนยุติธรรมด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ดูแล ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ในกรณีที่มีคดีความต่างๆ อันนี้เป็นโครงการของกระทรวงยุติธรรม เมื่อวานก็ได้มีการเปิดไปเรียบร้อยแล้ว

อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการปรับปรุงและเสริมสร้างมาตรการ เครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา และเด็ดขาด ตามหลักนิติธรรม จะต้องไม่ถูกแทรกแซงจากอำนาจหรือปัจจัยภายนอก อันนี้ก็คงต้องดูแลด้วย ดูแลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย มันอาจจะถูกกดดันจากหลายๆ ทางด้วยกัน ในเรื่องของความปลอดภัย ของตัวเอง ของครอบครัว ผมให้แนวทางไปแล้วว่าต้องดูแลเขาด้วย จะได้สามารถตัดสินใจในเรื่องของการใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

ในเรื่องของการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นต่างๆ เช่น โครงการองค์กรใสสะอาดจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดกิจกรรมให้องค์กรภาครัฐ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตื่นตัว ตระหนัก และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล การบริหารจัดการน้ำดื่มที่ดี มีความโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ ทั้งนี้ได้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 267 แห่ง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้นำร่องโครงการ และที่สำคัญคือการส่งเสริมความเข้มแข็งของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่สำคัญเพื่อให้สามารถดำเนินการตามภารกิจได้อย่างเต็มขีดความสามารถ

ปัญหาก็คือคดีมีเยอะนะครับ เจ้าหน้าที่ก็มีอัตรากำลังน้อย ได้อนุมัติอัตรากำลังพลเพิ่มเติมมากกว่า 700 อัตรา เพื่อให้ ป.ป.ช.สามารถสะสางคดีที่มีค้างอยู่เดิม ก่อนที่ คสช.จะเข้ามาดำเนินการเป็นจำนวนมากถึงเกือบ 2,000 คดี ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ก็ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องในกิจกรรมต่างๆ เรื่องของการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน เหน็ดเหนื่อยนะครับ และก็เครียด ขอยกตัวอย่างอันหนึ่งก็คือโครงการโรงเรียนสีขาว หลักสูตรโตไปไม่โกง ที่ได้ดำเนินการภายใต้หลักความดี 5 ประการ ที่จะช่วยสร้างชาติ และต่อต้านการทุจริต ก็คือ ความซื่อสัตย์ สุจริต ก็ได้แต่การยึดมั่นในความสัตย์จริง และสิ่งที่ถูกต้องดีงาม รู้จักแยกแยะถูกผิด ดีไม่ดี ปฏิบัติต่อตัวเองและผู้อื่นโดยชอบ ไม่คดโกง

ต่อไปก็คือเรื่องการเป็นจิตสาธารณะ คือการมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ตระหนักรู้ คำนึงถึงสังคมส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ในการกระทำทุกอย่าง ที่จะไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวม และพร้อมที่จะเสียสละส่วนตน และรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย มันเป็นทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ทุกคนต้องดูแลกัน ในเรื่องความเป็นธรรมของสังคมก็เช่นเดียวกัน คือการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมอย่างมีเหตุผล ไม่เลือกปฏิบัติต่อประเทศ เชื้อชาติ ชนชั้น และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม

การกระทำใดๆก็ตามนั้น ทุกคนต้องกระทำอย่างรับผิดชอบ และมีจิตสำนึกในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เคารพเกณฑ์กติกา พร้อมให้ตรวจสอบการกระทำได้เสมอ หากมีการกระทำความผิดก็พร้อมที่จะยอมรับและแก้ไข

สุดท้ายคือเรื่องความเป็นอยู่อย่างพอเพียง คือการดำเนินชีวิต โดยยึดหลักความพอประมาณ ซื่อตรง ไม่ละโมบ โลภมาก รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนตัวเอง และผู้อื่น ซึ่งได้รับว่าเป็นการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทรงเน้นความพอดี พอสมควรแก่ฐานะ ความมีเหตุมีผล การมีภูมิคุ้มกันมาเป็นแนวคิดแนวปฏิบัติ หลักสูตรนี้ถือว่าเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้กับเยาวชน ลูกหลาน ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงมัธยมปลาย ในการต่อสู้กับกระแสวัตถุนิยม ทุนนิยม ด้วยปัญญา ก็อย่างที่พระมหาชนกที่ไปดูกันมา ก็จะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วย ต้องต่อสู้ หรือว่าต้องมีความเพียรพยายาม ใช้สติปัญญาในการเอาชนะทุกอย่างที่เป็นอันตราย เพราะฉะนั้น ถ้าเราใช้ปัญญาแล้ว เราก็จะป้องกันและปราบปรามทุจริต ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญต่อชาติบ้านเมืองเรา เพราะฉะนั้นเราก็อยู่ในหัวข้อในการปฏิรูปของ สปช.ทุกด้านเลย ทั้ง 11 ด้าน จะต้องเอาหัวข้อการปฏิรูปในทุกกิจกรรมใส่เข้าไปด้วย

รัฐบาลเองก็ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการขับเคลื่อน บริหารประเทศ ในเวลานี้ ก็ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั้งสิ้นเป็นหลักการ

ในการประชุมสัปดาห์นี้ ได้มีการรายงานจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และกระทรวงคมนาคม ว่า รัฐบาลมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการก่อสร้างทางแยกและถนนของกระทรวงคมนาคมในหลายโครงการนั้น มีการประมูลด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคากลางกว่า 200 ล้านบาท หรือประหยัดงบประมาณไปได้กว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ก็อยากให้มากขึ้นกว่านี้อีก ที่ผ่านมาก็หลายโครงการ ที่ คสช.และรัฐบาลนี้ทำมา บางโครงการก็ 10 เปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ 30 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หลายโครงการด้วยกันที่ คตร.ไปตรวจสอบมา เราก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้อยู่แล้ว

ก็ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทำยังไงมันจะลดราคาไปได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ในทุกโครงการต่อไป

เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น ผมขอร่วมแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่านในการเฉลิมฉลองการมีรัฐธรรมนูญ การปกครองแผ่นดินมากว่า 80 ปี นับตั้งแต่ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย มาถึงปัจจุบันเราได้มีรัฐธรรมนูญ และธรรมนูญการปกครองมาเกือบ 20 ฉบับ เราอาจจะต้องมาดูความพร้อม ไม่พร้อม ในด้านความรู้ ความเข้าใจ ในระบอบการปกครองนี้อย่างถ่องแท้ แล้วก็การศึกษาของเรานั้น จะต้องยกระดับการศึกษาของเราให้ได้ ทำอย่างไรให้การเมืองของเรา นักการเมือง ประชาชน เรียนรู้ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะว่าเป็นคนใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้ง แล้วก็ในเรื่องของการจะทำยังไงให้การบริหารราชการของรัฐบาลที่เลือกเข้ามานั้น มีธรรมาภิบาล เรื่องเหล่านี้ทุกคนต้องเรียนรู้ อย่าถือว่าเป็นหน้าที่ของใครเลย ประชาชนต้องรู้ ถ้ารู้แล้วเราก็จะเลือกคนได้ถูกต้อง มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ

เพราะฉะนั้น ประเทศของเรานั้นเหมือนกับอยู่บนเรือ ฝ่าคลื่นลมการทุจริตมาโดยตลอด การหาผลประโยชน์ใส่ตัวของผู้มีอำนาจ มีผลประโยชน์ตลอดมา ดังนั้นจำเป็นต้องมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้ทันสมัย เพื่อขจัดปัญหาในอดีต และมีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยเรา ผมยังไม่มีข้อยุติว่าจะเป็นแบบไหน อะไร อย่างไร ในเรื่องของการปฏิรูป ในเรื่องของคณะกรรมาธิการยกร่างนะครับ รัฐธรรมนูญก็เสนอเรื่องขึ้นมาแล้วกัน เราจะไปพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ในตอนช่วงท้าย วันนี้แสดงความคิดเห็นกันไปได้ ผมไม่ได้จำกัดใดๆทั้งสิ้น แล้วจะมาถามข้อสรุปของผมยังสรุปไม่ได้ในเวลานี้นะครับ

สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่อาจจะละเลยได้เลยคือ ประชาธิปไตยนั้นไม่เพียงแต่จัดให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น คือเพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถเสนอตัวเข้ารับใช้ส่วนรวมโดยการสมัครรับเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้พลเมืองใช้สิทธิในการที่จะเลือกบุคคลที่ตนต้องการให้เป็นผู้ปกครอง หรือเป็นผู้ใช้สิทธิเป็นปากเสียงแทนตนในสภาฯ เท่านั้น หากแต่การใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ต้องมีหลักประกันในการใช้สิทธิด้วยว่า สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างเสรีเต็มที่ไหม มีโอกาสเลือกสรรตัวบุคคลที่ต้องการจริงๆ ปราศจากแรงจูงใจที่จะให้เกิดการทุจริต เช่น การซื้อสิทธิขายเสียง วันนี้การซื้อสิทธิขายเสียงอาจจะมีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่พื้นที่ไป แต่วันนี้ทุกนักการเมืองมีฐานเสียงของตนเองทั้งสิ้น มีประชาชน เหมือนกับว่าเป็นคะแนนเสียงของตัวเอง ไปไหนก็ไปด้วยตลอด ผมว่าก็อันตรายเหมือนกัน ต้องดูในเรื่องของหลักการในเรื่องของนโยบายให้ชัดเจนขึ้น เพราะว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น คงไม่ได้หมายความเพียงว่า ยึดหลักเสียงข้างมากอย่างเดียว ก็พยายามที่จะทำอย่างไรให้มีเสียงมากขึ้น จนกระทั่งหลงลืม บางครั้งก็หลงลืมเสียงข้างน้อย

เพราะฉะนั้นจะเป็นต้องมีหลักประกันให้เสียงข้างน้อยด้วย ให้เขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และต้องได้รับการเคารพจากเสียงส่วนใหญ่ด้วย เสียงข้างมากก็ไม่ไปละเมิด หรือก้าวก่ายสิทธิของเสียงข้างน้อย เสียงข้างน้อยก็ไม่ต้องไปเกะกะระรานกับเสียงข้างมากอะไรทำนองนี้ เพราะก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นวันนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเป็นความพยายามร่วมกันของ ครม. คสช. สนช. สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับนี้ จะมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผมบอกแล้วว่า ต้องคิดถึงประชาชนก่อน แล้วย้อนขึ้นมาว่าจะไปสู่กระบวนการเข้าสู่อำนาจอย่างไร แล้วไปหากระบวนการตรวจสอบ ความโปร่งใสกันว่ากันมา ถ้าไปเริ่มต้นจากข้างบนลงไปก่อน ไปถึงข้างล่างมันก็ไปไม่ถึงข้างล่าง เริ่มจากข้างล่างอย่างเดียว มันก็ไปไม่ถึงข้างต้น

เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มจากข้างล่าง ประชาชนเป็นศูนย์กลางก่อน ข้างบนก็เป็นฝ่ายบริหาร ตรงกลางก็หาช่องทาง หาวิธีการดำเนินการให้มันเกิดความโปร่งใสมีประสิทธิภาพก็แล้วกัน มันถึงจะเกิดความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง และยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่ว่า หรือรัฐธรรมนูญที่ว่าก็เขียนมาตั้งเกือบ 20 ฉบับแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเขียนดีอย่างไรก็ตาม ถ้ามันขาดจิตสำนึกที่ดี ขาดคุณสมบัติของนักการเมืองที่ดี ขาดการเป็นประชาชนที่มีการเรียนรู้แล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ไปไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้นแต่ละคน แต่ละพวก แต่ละฝ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงเคยรับสั่งไว้แล้วว่า ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความสุจริตใจในหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด บ้านเมืองเป็นที่แน่นอนว่า จะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความสุขอย่างยั่งยืน ทรงรับสั่งไว้แล้ว

เพราะฉะนั้นหน้าที่พลเมืองนี่สำคัญ หน้าที่นักการเมือง หน้าที่พลเมือง หน้าทีข้าราชการ หน้าที่ประชาชนคนละอย่างกัน ต่างคนต่างมีบทบาทของตัวเอง ต้องวางตัวให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราก็เหมือนเดิม ไม่หลุดพ้นกับดักประชาธิปไตย หรือคำว่ามีเสรีภาพ มีสิทธิ เป็นของประชาชนอะไรทำนองนี้ มันไร้ขอบเขต กว้างขวางไร้ขีดจำกัดไม่ได้ มันต้องเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่นด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ก็คือ ราคาพืชผลทางการเกษตร กราบเรียนว่า พวกเราไม่เคยนิ่งนอนใจนะครับ รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเอง ก็ให้นโยบายให้แนวทางไปอย่างต่อเนื่อง ก็ติดตามทุกวัน ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ปัญหาของเราก็คือ เราต้องดูแลคนหลายกลุ่ม หลายพวก เดือดร้อนมาก เดือดร้อนปานกลาง เดือนร้อนน้อยก็ต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น วันนี้ก็พยายามที่จะขับเคลื่อนงบประมาณต่างๆ นั้นให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นปัญหาต่อไปในอนาคตก็ต้องขอความร่วมมือจากพวกเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรภาคต่างๆ วันนี้ก็ทราบดี การที่จะเรียกร้องหรือเดินขบวน หรืออะไรต่างๆ ผมว่าบางทีมันก็ไม่เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาในเวลานี้ เพราะว่าวันนี้อยากจะกราบเรียนว่า เศรษฐกิจของโลกยังไม่ดีขึ้นมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาคมโลกอื่นๆ ประเทศที่มีความสามารถสูง วันนี้จีดีพีลดลงหลายๆ ประเทศด้วยกัน มันก็มีผลกระทบมาถึงในประเทศด้วย

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องราคาน้ำมัน มันก็ผูกติดไปกับหลายๆอย่าง ราคาพืชผลทางการเกษตร น้ำมันไปเกี่ยวข้องกับยางด้วยซึ่งวันนี้เราพยายามจะขับเคลื่อนทุกอย่าง มาตรการเรื่องยางนั้น 11 เรื่อง และอีก 3 มาตรการ เรื่องการใช้จ่ายเงินลงไป ตอนนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า มันไม่สามารถจะออกได้พร้อมกันในเวลานี้ กำลังเร่งไปแล้วนะครับ ผมได้สั่งการลงไปแล้ว ทางรัฐมนตรีกระทรงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปดูแล วันนี้มีความคืบหน้ามาตามลำดับนะครับ ต้องมองหลายส่วนด้วยกัน ทั้งการค้าขายในประเทศอันนี้ต้องขอความร่วมมือพวกพ่อค้าต่างๆ ภาคเอกชนต่างๆ ต้องร่วมมือช่วยกันหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งไปหาประโยชน์มากนัก มีกำไรจนมากเกินไป ต้องคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเดือดร้อนหรือเปล่า มันอาจจะกำไรน้อยลงหน่อยก็น่าจะยอมกันซักหน่อย ช่วยรัฐบาลบ้าง เพราะว่าถ้าหากว่าเราใช้งบประมาณมากเกินไปมันจะมีปัญหา และวันหน้าเราจะไม่มีงบประมาณที่จะดูแลภาคอื่นๆ ด้วย มันอาจจะมีความเดือดร้อน การใช้งบกลาง เรื่องภัยพิบัติ น้ำแล้ง น้ำท่วม มันมีปัญหาอีกเยอะแยะที่จะต้องใช้งบประมาณเพื่อดูประชาชนทุกคน เพราะประชาชนทุกคนนั้นมีส่วนร่วมในงบประมาณ มีส่วนร่วมในปัญหาของชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น

ถ้าทุกคนยอมรับในหลักการตัวนี้ เราก็มีกำลังใจ และจะหาวิธีการมาแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว ไม่ใช่ว่าเรา นิ่งนอนใจ ไม่ใช่นะ ก็ร้อนอกร้อนใจทุกวัน ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น

เรื่องอื่นๆ นั้น เรื่องการตรวจสอบการทุจริต การโปร่งใส อะไรต่างๆ ทุกอย่างก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ คดีต่างๆ ก็มีความก้าวหน้ามาตามลำดับ ก็ติดตามแล้วกัน อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์ จนกระทั่งฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายกระบวนการยุติธรรมเขาทำงานลำบาก

แล้วในส่วนของเรื่องของการที่จะเดินหน้าประเทศไทย วันนี้มีการประชุม ผมก็ไปประชุมเกาหลีเดือนนี้ ก็จะมีการประชุม GMS อนุภูมิภาคแม่น้ำโขง จะมีหลายประเทศมาประชุมในประเทศไทย ในสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้ แล้วก็จะมีการประชุมอีกหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ผมคิดว่าวันนี้เรามองเศรษฐกิจของประเทศไทย ต้องมองภาพใหญ่ด้วย

ทีนี้เราจะทำยังไงให้เศรษฐกิจระดับล่างมันดีขึ้น มันก็ต้องขอความร่วมมือ ช่วยกัน เพราะเราส่วนใหญ่แล้วเป็นภาคเอกชนดำเนินการมาโดยตลอด วันนี้รัฐบาลได้ลงมาแล้ว ก็เจอปัญหามากมาย ต้องแก้ปัญหาในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของกฎหมาย เรื่องของกติกา พันธสัญญา ติดไปหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ต้องร่วมมือกัน ประชาชนก็ร่วมมือกับรัฐ เจ้าหน้าที่คนไหนถ้าไม่ขยันขันแข็ง ไม่ทำงานให้เกิดประโยชน์ ไม่ดูแลพี่น้อง ก็บอกมา เราก็จะได้เร่งรัดในทุกเรื่อง

วันนี้ขอขอบคุณอีกครั้ง เดือนนี้เป็นเดือนแห่งมิ่งมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคน ทั้งภาครัฐ ทั้งประชาชน เอกชน ภาคธุรกิจ หรืออะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ คงจะต้องร่วมกัน ช่วยกัน ร่วมกันถวายพระพรชัยมงคล ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของประชาชนคนไทยทั้งประเทศตลอดไป ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น