xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” แปลกใจ คสช.ไม่อนุญาตประชุมพรรค เตรียมแจง กมธ.ยกร่าง รธน.นามส่วนตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความแปลกใจ คสช. ไม่อนุญาตประชุมพรรค ทั้งที่ขอตามที่บอก ทำเข้าต้องเลื่อนให้ข้อเสนอต่อ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุ พูดแทนพรรคไม่ได้ แต่พร้อมไปในนามส่วนตัว 27 พ.ย. นี้ ชี้ไม่เปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นแล้วจะปฏิรูปอย่างไร ยันประชามติสำคัญกว่าประชาพิจารณ์

วันนี้ (25 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่เข้าให้ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า จากที่โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า พรรคการเมืองไหนอยากจะประชุม ก็ทำเรื่องขออนุญาตไป ดังนั้น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้ทำหนังสือขออนุญาต แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ทาง คสช. โดยมีตัวแทนจากกองทัพ โทรศัพท์ไปที่พรรค แจ้งว่า ตามที่ได้ขออนุญาตมานี้ ยังไม่ให้จัดการประชุม เมื่อยังไม่ให้จัดการประชุม ตนจึงโทรศัพท์ถึงประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แจ้งให้ทราบว่า ตามที่เดิมนัดหมายกันไว้คงจะไปลำบากแล้ว เพราะ คสช. ยังไม่อนุญาตให้มีการประชุมพรรค หากตนไปก็เป็นการถือวิสาสะพูดแทนพรรคคงไม่ได้ จึงทำหนังสือส่งถึงประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ว่า เกิดเหตุอย่างนี้ ซึ่งได้รับการประสานว่าอาจจะประสงค์ให้ตนไปให้ข้อเสนอแนะในวันที่ 27 พ.ย. ในนามส่วนตัว และให้นำบุคคลอีก 5 คน เข้าร่วมให้ความเห็นด้วยได้ แต่ตนจะเดินทางไปคนเดียว ถ้าคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ถามก็จะบอกว่า เป็นการเชิญส่วนตัว จะมาทั้งหมดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การเข้าพบคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ครั้งนี้ ตนจะไม่มีการนำเอกสารใดๆ เข้าให้ความเห็นจะเป็นเพียงการไปหารือตามคำเชิญเท่านั้น

“การที่ คสช. ไม่อนุญาตให้ประชุมพรรค ผมก็แปลกใจจริงๆ เพราะความตั้งใจของผมกับพรรค คือ ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญของการปฏิรูป ทั้งๆ ที่ คสช. เองเป็นคนแนะนำให้เราขออนุญาตไป แต่กลับไม่ได้รับอนุญาต ถามว่าทำไมผมไม่ชู 3 นิ้ว ผมก็บอกว่าผมแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แต่ผมยังไม่คิดที่จะไปร่วมกระบวนการอะไรที่ในที่สุดอาจจะไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ผมต้องยืนยันว่าผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย แต่ถ้าเป็นการไปเคลื่อนไหวแล้วทำให้เกิดความตึงเครียดในสังคมมากขึ้น จนทำให้การทำงานในปัจจุบันน่าจะทำให้เกิดปัญหาในการจะกลับคืนสู่ภาวะปกตินี้ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ ทั้งนี้ คิดว่าคนที่เขาแสดงออก เขาก็มีจุดยืนของเขา ผมก็เห็นหัวหน้า คสช. บอกว่าเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าจริงๆ แล้วเขาก็แสดงออกได้ ทั้งนี้ คสช. ต้องยอมรับความจริงว่ามีคนในสังคมจำนวนมากที่เขาไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ในเมื่อ คสช. บอกเองว่าสิ่งที่ตัวเองเข้ามาทำก็เป็นเรื่องชั่วคราว ก็จะต้องมีคนที่อยากจะยืนยันความคิดว่าเขาไม่ชอบ เขาไม่ต้องการการรัฐประหาร เขาต้องการประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า คสช. และรัฐบาลต้องเริ่มแยกแยะเหมือนกันในการปฏิรูป วันนี้มีการพูดถึงว่าอยากจะทำประชาพิจารณ์ แต่องค์กรที่เขามีเป็นหลัก ขออนุญาตประชุมมีระเบียบวาระ หัวข้อชัดเจน แต่ไม่เปิดพื้นที่ให้เลย แล้วจะประชาพิจารณ์กันอย่างไร จะรับฟังความคิดเห็นกันอย่างไร ตนขอย้ำว่า ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะคิดปฏิรูปประเทศอย่างไร ตนว่าท่านก็ไม่กล้าปฏิเสธว่า ที่สุดแล้วบ้านเมืองต้องกลับไปเป็นประชาธิปไตย การจะกลับไปเป็นประชาธิปไตยแล้วไปบอกว่าจนถึงวันนั้นไม่เปิดพื้นที่อะไรเลย แล้วไปปล่อยตอนนั้นมันใช่หรือเปล่า ในการเตรียมความพร้อมของสังคมที่เป็นสังคมประชาธิปไตย ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยใครทำอะไรกระทบความมั่นคง มีเจตนาให้มันเกิดความวุ่นวาย ไม่ควรยอม แต่การแสดงความคิดเห็นที่แสดงออกที่แตกต่างหลากหลาย ถ้าไม่ให้มี ก็ไม่เห็นว่าการปฏิรูปจะเดินได้อย่างไร

ส่วนเรื่องการทำประชามตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในขณะนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ฟังความเห็นกรอบจาก สปช. แล้วไปขอความเห็นคนนั้นคนนี้ เขียนเสร็จเรียบร้อย ขอความเห็นอีกรอบ จะปรับปรุงหรือไม่สุดแล้วแต่ ส่งกลับมาให้ สปช. เห็นชอบ ท่านจะทำดีหรือไม่ดี ออกมาเรียกว่าวิเศษสุด ออกมางั้นๆ หรือออกมาไม่ดีก็ตาม คำถามก็คือ ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นมานี้มีความชอบธรรม เพราะถ้าไม่ดี เชื่อว่าต้องมีคนไม่เห็นด้วย ถ้าทำออกมาดี ก็อาจจะมีคนที่เสียผลประโยชน์ไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยนี้นอกจากเถียงกันเรื่องเนื้อหา สาระแล้ว สุดท้ายเขาก็จะถามว่าแล้วทำไมเขาถึงต้องยอมรับกติกาที่เขียนโดยคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ต่อไปวันข้างหน้าเมื่อใช้กติกานี้มีการเลือกตั้ง คนที่มาจากการเลือกตั้งก็จะบอกว่าผมมีความชอบธรรมที่จะมาเปลี่ยน มาแก้ มารื้อ ดังนั้น การที่จะให้รัฐธรรมนูญมีกลไกคุ้มครองตัวเอง ก็ต้องให้ประชาชนยอมรับ วิธีเดียวที่จะทำได้คือประชามติ ฉะนั้น จะบอกว่าไม่เป็นไร ทำประชาพิจารณ์เอานั้นไม่ได้ เพราะประชาพิจารณ์ ต่างจากประชามติ และการประชามติ ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่อาจจะต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว


กำลังโหลดความคิดเห็น