xs
xsm
sm
md
lg

“สภาปฏิรูปฯ” นับหนึ่งส่อเค้าวุ่น สปช.งัดข้อ “เทียนฉาย-บวรศักดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ผ่าประเด็นร้อน

เริ่มเห็นรอยปริร้าวขึ้นแล้วในหมู่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กับเสียงฟึดฟัด ของ สปช.หลายคน ทั้งสปช. จังหวัด และ สปช. จากกรอบสรรหา 11 คณะ ที่ออกมาดาหน้าค้านมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือวิป สปช. ชั่วคราว ซึ่งมีมติว่า ให้ สปช. เปิดโควตากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฯ จากที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 32 บัญญัติว่าให้มีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญคณะหนึ่งจำนวน 36 คน โดย มาตรา 32 (2) เขียนว่า “ผู้ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ จำนวนยี่สิบคน” จึงไม่ได้หมายถึงว่าต้องเป็น สปช. ก็ได้ วิป สปช. จึงเห็นควรให้โควตากับคนนอกที่ไม่ได้เป็น สปช. 5 ที่นั่ง แล้วก็ให้เป็นคนใน คือ พวก สปช. ด้วยกันเอง 15 คน

เหตุผลหลักที่ สปช. พากันออกมาต้านเรื่องนี้ ทั้ง สปช. ที่ไม่เป็นวิป และ สปช. ที่เป็นวิป สปช. เองด้วย แต่แพ้โหวตในที่ประชุมวิปชั่วคราว เมื่อ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ไปด้วยจำนวนเสียง 11 ต่อ 8 เสียง

สรุปการไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของวิป สปช. ได้ว่า เป็นเพราะเวลานี้ก็มี สปช. จำนวนมาก โดยเฉพาะ สปช. ที่มาจากด้านการเมือง - กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม พากันเสนอตัวขอเป็นกรรมาธิการยกร่าง รธน. กันจำนวนมาก เบื้องต้นประเมินแล้วรวมทั้งหมดทุกสายน่าจะร่วมๆ เกือบ 30 กว่าคนขึ้นไป เรียกว่าล้นทะลักแล้ว ต้องตัดชื่อออกจำนวนมาก แล้วทำไมต้องไปเปิดพื้นที่ให้คนนอกที่ไม่ได้เป็น สปช. อีก ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน สปช. ด้วยกันเอง

เหตุผลหลักข้อที่สอง คือ บอกว่าเป็น รธน. ฉบับชั่วคราวให้โควต้ากับรัฐบาล และ คสช. รวมถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้ว ซึ่งทั้งสามส่วนนั้น ก็อาจตั้งคนนอกเป็นกรรมาธิการก็ได้โดยเฉพาะ “คสช.- รัฐบาล” ที่ชัดเจนว่าจะเอาคนนอกหมด เพราะคงไม่มีรัฐมนตรีคนไหนยอมลาออกจากรัฐมนตรีมาเป็น กมธ. ยกร่าง รธน. แน่นอน ขณะที่บอร์ด คสช. 15 คน ก็ล้วนเป็นแต่พวกทหาร แค่งานในกองทัพอย่างเดียวก็ไม่ไหวแล้ว จะมานั่งเป็น กมธ. ยกร่าง รธน. ไม่มีใครเอาแน่นอน

ดังนั้น คสช.- ครม. คงไปเอาคนนอกมาเป็น กมธ. ยกร่าง รธน. ทั้งหมด 10 คน แน่นอน จึงไม่ควรที่ สปช. จะไปให้โควตาคนนอกอีก ยิ่งเหตุผลที่ สปช. ซึ่งสนับสนุนแนวทางดังกล่าวอ้างว่า ต้องการเปิดพื้นที่ให้คนภายนอก ที่อาจไม่ใช่นักกฎหมายก็ได้แต่เป็นคนที่อยู่ในฝ่ายคู่ขัดแย้งทางการเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยนั้น จึงมีการแย้งว่า องค์ประกอบของ สปช. มีความหลากหลายอยู่แล้วใน สปช. เอง มีคู่ขัดแย้งที่เป็นคนซึ่งก็เคยอยู่หรือตอนนี้ก็ยังอยู่กับพวกพรรคเพื่อไทยมาก่อน และยังมีคนที่เคยขึ้นเวที กปปส. ก็มี หากต้องการให้คนเหล่านี้มาเป็น กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็ให้สปช. เหล่านี้ซึ่ง สปช. ด้วยกันเองก็รู้ว่าใครเป็นใคร ก็ให้มาเป็น กมธ. ยกร่าง รธน. ในสัดส่วน สปช. ไปเลย ไม่จำเป็นต้องไปเปิดโควต้าเอาคนนอกมาเป็นอีก

และเหตุผลหลักข้อที่สาม คือ อ้างว่า หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้สภาปฏิรูปฯ นอกจากทำหน้าที่วางกรอบปฏิรูปประเทศแล้วยังต้องเป็นผู้ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่าง รธน. ฉบับถาวร ที่ กมธ. ยกร่างขึ้นมา จึงมีการให้โควตา กมธ. ยกร่าง รธน. กับสภาปฏิรูปฯมากสุดถึง 20 คน จึงเห็นได้ว่า รธน. ให้ความสำคัญกับสภาปฏิรูปฯมากที่สุด จึงต้องมี สปช. ไปเป็น กมธ. ยกร่าง ให้มาก เพื่อให้การประสานงานต่างๆ ระหว่าง สปช. กับ กมธ. ราบรื่น เช่น สปช. ที่เป็น กมธ. ยกร่าง รธน. ก็จะนำสิ่งที่ สปช. ส่วนใหญ่คิดและต้องการเห็นในร่าง รธน. นำไปผลักดันให้อยู่ในร่างรธน. ฉบับถาวร ซึ่งหากการประสานงานเป็นไปได้ด้วยดี ก็จะทำให้การเห็นชอบร่าง รธน. ของ สปช. ผ่านไปได้ด้วยดี

เหล่านี้คือสามเหตุผลหลักๆ ที่สมาชิกสภาปฏิรูปฯ ที่ค้านการเปิดโควตาให้คนนอกยกมาขวางมติของวิป สปช.

ส่วนเหตุผลที่มีข่าวว่าสมาชิก สปช. พูดกันภายในแบบไม่ผ่านสื่อ ก็เช่น มีการคุยกันว่า หากมีการเปิดพื้นที่ให้คนนอก มันก็อาจเปิดช่องให้ สปช. บางคนที่ใกล้ชิดกับฝ่าย คสช. ไปเอาคนซึ่ง คสช. ทาบทาม หรือเล็งไว้ให้มาเป็นกมธ. ยกร่าง รธน. แล้วปรากฏว่า โควตาของ คสช. กับรัฐบาล มันล้นออกมา คือ เกินกว่า 10 คน ไม่นับรวมประธานกรรมาธิการยกร่าง รธน. ที่ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ แต่งตัวรอไปแล้ว พอคนที่ คสช. เล็ง หรือไปทาบทามเอาไว้มันเกิน ก็เลยอาจจะมาขอเบียดโควต้าของ สปช.

แต่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องคุยกันภายใน เพราะยังไม่มีใครรู้ได้ว่ามันเรื่องจริงหรือเปล่ากับกระแสข่าวดังกล่าว ที่ว่า คสช. จะมาขอเบียดโควตา สปช. อีก 5 คน แต่ก็มีกระแสข่าวทำนองนี้ออกมา จนเป็นหนึ่งในที่มาของการไม่เห็นด้วยกับการให้โควตาคนนอก เพราะมองว่าอาจทำให้สุดท้าย คสช. จะไปครอบงำการทำงานของ กมธ. ยกร่าง รธน. จนชี้นำการยกร่าง รธน. ฉบับใหม่ในมาตราสำคัญๆ ได้ เลยทำให้ข้อเสนอของวิป สปช. กับสูตรคนนอก 5 คน มี สปช. หลายส่วนคัดค้านอย่างมาก

ดังนั้น ก็ต้องดูกันแล้วว่าในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ วันจันทร์ที่ 27 ต.ค. 57 ที่มีระเบียบวาระการประชุมออกมาแล้วว่า จะมีการพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว นั่นก็คือ รายงานความคืบหน้าการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ชั่วคราว) “พิจารณาแนวทางการสรรหากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จากผู้ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ จำนวน 20 คน” สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมจะว่าอย่างไร จะเอาด้วยกับข้อเสนอของวิป สปช. หรือไม่ ?

นัยสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือ หากไปดูรายชื่อคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือวิป สปช. ชั่วคราว

จะพบว่า เป็นวิปที่มีประธานและรองประธาน ก็คือว่าที่ประธาน - รองประธาน สปช. ทั้งหมด เรียงตามลำดับ “เทียนฉาย กีระนันทน์ - บวรศักดิ์ อุวรรณโณ - ทัศนา บุญทอง”

โดยวันประชุมวิป สปช. ดังกล่าว เมื่อ 22 ต.ค. “เทียนฉาย - บวรศักดิ์” ก็นั่งหัวโต๊ะคุมการประชุมจนมีมติดังกล่าวออกมา ดังนั้น หากที่ประชุมใหญ่สภาปฏิรูปฯ วันจันทร์นี้ เสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับข้อเสนอของวิป สปช. ชั่วคราว นั่นก็หมายถึง การผลักดันเรื่องนี้ของ เทียนฉาย และ บวรศักดิ์ ถูกสมาชิก ตีตก ไปนั่นเอง

ซึ่งหากออกมาแบบนี้จริง แม้ไม่ใช่เรื่องการเอาชนะคะคานทางการเมือง ไม่ใช่การฉีกหน้า ผู้นำ สปช. โดยเฉพาะ บวรศักดิ์ ที่มีกระแสข่าวว่า ก็หนุนแนวทางนี้ แต่ในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับว่า วิป สปช. ที่เป็นเสียงข้างมาก ผลักดันเรื่องนี้ โดนเสียงส่วนใหญ่ใน สปช. งัดข้อ เข้าให้อย่างจัง จะบอกว่าหน้าแหก อาจแรงเกินไป แต่ก็หน้าแตก พอสมควร

แม้เทียนฉายจะอ้างว่า แนวคิดนี้เป็นแค่ ตุ๊กตาชงมาให้ สปช. ว่าเอาด้วยหรือไม่ ไม่ใช่ของจริง จะเอาด้วยหรือไม่ ก็ให้มาอภิปราย - โหวตกัน อาจไม่เอาก็ได้ แต่เมื่อมันออกมาเป็นมติวิป สปช. ที่ ว่าที่ประธาน สปช. นั่งเป็นประธานแล้วปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย มันก็ปฏิเสธความจริงไปไม่ได้ว่า หน้าแหก นั่นเอง

แต่หากสุดท้าย เสียงส่วนใหญ่ เอาด้วยกับข้อเสนอของวิป สปช. ก็ต้องถือว่า ทีมประสาน - มือล็อบบีของวิปสปช. เสียงข้างมาก ทำงานดีมาก และได้ผล หากทำให้เสียงส่วนใหญ่มาเอาด้วยกับแนวทางนี้ แต่ดูแล้วโอกาสจะออกมาว่าเอาด้วยกับวิป สปช. เสียงข้างมาก แม้ยังเป็นไปได้ แต่ยากมากที่จะเกิดขึ้น
เทียนฉาย กีระนันทน์
กำลังโหลดความคิดเห็น