xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ยันจำเป็นคงแจกใบเหลือง-แดง “สมชัย” ดักคอฝ่ายการเมืองชอบ “ศาลเลือกตั้ง” ไว้เลี่ยงกฎหมาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง (ภาพจากแฟ้ม)
ที่ปรึกษากฎหมาย กกต.ยันจำเป็นต้องมีอำนาจแจกใบเหลือง-แดงก่อนประกาศรับรองผล แต่ยากที่จะให้เบ็ดเสร็จทั้งก่อนและหลังประกาศผล เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 ระบุแนวโน้มของใหม่มีศาลเลือกตั้ง ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วย ปธ.กกต.ขอมีอำนาจประกาศเลื่อนวันเลือกตั้ง ระบุควรให้องค์กรศาลชี้ขาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการยอมรับ และตกเป็นจำเลย ด้าน “สมชัย” เหน็บฝ่ายการเมืองย่อมชอบศาลเลือกตั้ง เหตุมององค์ประกอบกฎหมายอย่างเดียว ผิดจาก กกต.ที่ดูเจตนาเป็นหลัก ยัน กกต.ไม่ใช่องค์กรรวม 3 อำนาจ

วันนี้ (26 พ.ย.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานการประชุมระหว่างคณะทำงานจัดทำข้อเสนอประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นของสำนักงาน กกต. กับ กกต.และคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อพิจารณาข้อเสนอของ กกต.ก่อนที่จะส่งข้อเสนอไปยัง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานอนุกรรมาธิการประสานเพื่อรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และองค์กรอื่นๆ ใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 28 พ.ย.นี้ โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการ กกต. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ข้อเสนอที่คณะทำงานของสำนักงานจัดทำขึ้นมีประมาณ 40 ประเด็น แต่ที่ประชุมเห็นว่าข้อเสนอที่เกี่ยวกับการออกแบบสถาบันการเมือง เป็นเรื่องที่ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องไปพิจารณาเอง กกต.จึงดูเฉพาะในส่วนของขอบเขตอำนาจของ กกต.เท่านั้น

โดยคณะที่ปรึกษากฎหมายมองว่า ต้องคงอำนาจหน้าที่ของ กกต.ในการให้ใบเหลือง-ใบแดง ก่อนที่จะประกาศผลการเลือกตั้งไว้ เพราะ กกต.มีหน้าที่กลั่นกรองคนดีเข้ามาบริหารประเทศ จำเป็นต้องมีอำนาจพิจารณาว่าใครทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพื่อเอื้อประโยชน์ในการได้มาซึ่งอำนาจหรือไม่ แต่ระยะเวลาที่ให้ กกต.สอบสวนและแจกใบเหลืองใบแดงภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง หากไม่แล้วเสร็จต้องประกาศรับรองผลไปก่อนนั้นเป็นข้อจำกัดในการทำงาน จึงได้ขอขยายระยะเวลาออกไปเป็น 60 วันก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง และหรือหากไม่แล้วเสร็จให้สามารถขยายได้ 1 ครั้ง คือ 30 วัน และแก้ไขการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ในครั้งแรก ที่จากเดิมต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ให้เป็นร้อยละ 90 ก็สามารถเปิดประชุมสภาได้ ซึ่งที่ประชุมกกต.ก็มีความเห็น 4 ใน 5 โดยนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เดินทางไปต่างประเทศ ว่าจะส่งข้อเสนอดังกล่าวไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างฯ

ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่า กกต.เป็นองค์กรที่รวมอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการไว้ด้วยกันนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะกกต.ไม่มีอำนาจในฝ่ายนิติบัญญัติที่จะไปออกกฎหมาย เพราะอำนาจในการออกกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของสภา แต่ กกต.มีอำนาจหน้าที่เพียงออกคำสั่งหรือประกาศ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎมายที่มีอยู่เท่านั้น ส่วนอำนาจฝ่ายบริหารนั้นก็เป็นอำนาจที่กกตจะต้องมี เพราะ กกต.ต้องบริหารจัดการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงแค่จัดการเลือกตั้งแล้วหมดหน้าที่ แต่ต้องบริหารจัดการการเลือกตั้งให้ได้คนดีเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนอำนาจตุลาการนั้น มองว่าเรามีอำนาจในการให้ใบเหลืองใบแดง กกต.ควรมีอำนาจตั้งแต่หลังวันที่รัฐบาลประกาศยุบสภาหรืออยู่ก่อนครบวาระ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน เพื่อที่ กกต.จะได้มีอำนาจในการคัดคนดี และตัดสิทธิ์คนที่ทำผิดกฎหมายได้ทันที ถือเป็นอำนาจในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“แน่นอนว่าฝ่ายการเมืองจะยินดีให้มีศาลเลือกตั้ง พิจารณาการให้ใบเหลืองใบแดง เพราะส่วนใหญ่ศาลจะมององค์ประกอบเกี่ยวกับข้อกฎหมายเท่านั้น หากกฎหมายบอกว่าผิดก็คือผิด ไม่ผิดก็ไม่ผิด กระบวนการดังกล่าวอาจไม่ทันความคิดของฝ่ายการเมือง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการพิจารณาของ กกต.ที่จะดูเจตนา ว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาเอื้อประโยชน์เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองหรือไม่ ยกตัวอย่าง เช่น การเลือกตั้งท้องถิ่น ที่กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่อยู่ครบวาระ ต้องไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งย้อนหลัง 60 วันนับตั้งแต่วันที่ครบวาระ แต่ผู้บริหารท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะลาออกก่อนครบวาระเพียง 1-2 วัน เพื่อที่จะเลี่ยงข้อกฎหมายไม่ให้เอาผิดย้อนหลังได้ หาก กกต.พิจารณาก็จะไม่รีรอที่จะให้ใบเหลืองใบแดงทันที เพราะพบว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาล ศาลก็จะยกคำร้องเพราะในกฎหมายไม่ได้ระบุความผิด จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่จะยกร่างกฎหมายคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก ไม่อยากให้มองว่าปัจจุบัน กกต.ไม่มีประสิทธิภาพในการให้ใบเหลืองใบแดงก็จะให้อำนาจองค์กรอื่นเป็นผู้พิจารณาแทน” นายสมชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมที่ปรึกษากฎหมาย กกต.ได้เสนอว่า เพื่อให้ได้คนดีเข้าสภาควรให้ กกต.มีอำนาจให้ใบเหลืองใบแดงเบ็ดเสร็จทั้งก่อนและหลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เหมือนครั้งรัฐธรรมนูญปี 40 แต่คณะที่ปรึกษาฯเห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้ยาก เพราะมีแนวโน้มที่กรรมาธิการยกร่างฯจะให้มีศาลเลือกตั้ง แต่ในช่วงเลือกตั้งและก่อนการประกาศรับรองผลคณะที่ปรึกษาก็เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้กกต.มีอำนาจในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองมีหลักฐานเชื่อได้ว่ากระทำการให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม เพราะหากตัดอำนาจในส่วนนี้ของ กกต.ให้เหลือเป็นเพียงองค์กรจัดการเลือกตั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องมีองค์กร กกต.ก็ได้ การที่ กกต.จะขอขยายเวลาสืบสวนสอบสวนจาก 30 วันเป็น 60 หรือ 90 วันนั้น กกต.ต้องชี้ให้เห็นถึงปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้กกต.ต้องขอขยาย ขณะเดียวกัน เห็นว่า กกต.จำเป็นต้องมีการปรับระบบการสืบสวนสอบสวนใหม่ โดยจะต้องมีแผนการทำงานในแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้การแจกเหลืองใบแดงก่อนการประกาศรับรองผลทำได้จริงและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนที่ กกต.เสนอว่าควรมีการแยก พ.ร.ฎ.ยุบสภา และการกำหนดวันเลือกตั้ง ออกจากกัน ที่ปรึกษากฎหมายเห็นว่า การยุบสภาเป็นเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบของฝ่ายการเมือง ที่เมื่อยุบสภาแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน จึงไม่ควรที่จะให้มีการแยกเป็น 2 ส่วน แต่หากกระบวนการจัดการเลือกตั้งในระยะเวลาต่อมาเกิดปัญหา ก็เห็นว่าควรให้องค์กรศาลเป็นผู้วินิจฉัยสั่งให้มีการเลื่อนวันเลือกตั้ง เพราะหากให้เป็นอำนาจของประธาน กกต.โดยความเห็นชอบของ กกต.นั้น อาจเกิดปัญหาการยอมรับว่าเหตุผลที่มีการสั่งเลื่อนนั้นเพียงพอหรือไม่ และที่สุดอาจทำให้ กกต.ต้องตกเป็นจำเลย


กำลังโหลดความคิดเห็น