xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ดึงอำนาจแจกเหลือง-แดง ปธ.ประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (25 พ.ย.) คณะทำงานจัดทำข้อเสนอประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่มี นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เป็นประธาน ได้มีการประชุมพิจารณาประเด็นปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ แล้วเสร็จ และเตรียมที่จะเสนอเข้าที่ประชุมร่วมระหว่าง กกต. กับคณะที่ปรึกษากฎหมาย ที่ประกอบไปด้วยอาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายมหาชน ในวันนี้ (26พ.ย.) เวลา 10.00 น. ก่อนที่จะเสนอไปยัง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 28 พ.ย. ตามที่ พล.อ.เลิศรัตน์ ได้ขอให้กกต. ส่งข้อเสนอภายในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ข้อสรุปที่กกต.ได้จากการศึกษาเห็นว่า ควรคงอำนาจใบเหลือง ใบแดง ไว้ที่กกต. เพื่อไว้จัดการกับการทุจริตเลือกตั้ง โดยกกต. เห็นว่า เดิมที่กฎหมายกำหนดให้กกต. ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง เพื่อให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกได้นั้น กกต.ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดได้ ส่วนใหญ่ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน ดังนั้นจึงเสนอให้มีการแก้ไข โดยหลังลงคะแนนเลือกตั้งแล้วให้ กกต. มีเวลา 60 วัน ก่อนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ในการสืบสวนสอบสวนเพื่อพิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือหากไม่แล้วเสร็จ ให้สามารถขยายได้ 1 ครั้ง คือ 30 วัน รวมระยะเวลา 90 วัน แต่ถ้าไม่สามารถสอบสวนได้แล้วเสร็จ ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนแล้ว ทั้งนี้จะสอดรับกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 58 ให้ กกต.ประกาศผลเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ภายใน 60 วัน นับแต่เลือกตั้ง
นอกจากนี้ เสนอให้ประธานกกต.โดยความเห็นชอบของกกต. มีอำนาจในการออกประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งได้ และให้แยกระหว่างพ.ร.ฎ.ยุบสภา และการกำหนดวันเลือกตั้งออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เช่น การยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 และกำหนดวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา ขณะที่สถาบันการเมือง กำหนดให้มี ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง และจากระบบบัญชีรายชื่อ ในสัดส่วนเท่าๆ กัน โดยส.ส.เขตนั้นให้ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง หรือใช้เขตใหญ่เรียงเบอร์
ส่วน ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อนั้น กำหนดให้มีที่มาหลากหลาย และมีความเป็นตัวแทนของภูมิภาคจริง ส่วนวุฒิสภา หรือ ส.ว. ให้มาจากการสรรหาทั้งหมด แต่ต้องมีการปรับรูปแบบองค์ประกอบ และวิธีการสรรหาใหม่ ขณะที่พรรคการเมือง ก็ให้มีการจัดตั้งได้ยาก โดยจะต้องมีการจัดหาสมาชิกให้ได้ใน 4 ภาค จำนวน 5 พันคน ก่อนจึงจะถือว่ามีสภาพความเป็นพรรคการเมือง และมีการแก้ไขในเรื่องการยุบพรรค เนื่องจากกรรมการบริหารพรรค กระทำทุจริตซื้อเสียง โดยให้เหลือเป็นเพียงความผิดเฉพาะตัวการ กับผู้สนับสนุนเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของนโยบายประชานิยม เสนอให้มีการบัญญัติกฎหมาย โดยมีคณะกรรมการเฉพาะขึ้นชุดหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น จากป.ป.ช. สภาพัฒน์ กระทรวงคลัง สำนักงบประมาณ เพื่อตรวจสอบความเป็นได้ของนโยบายฯ ขณะที่ใช้หาเสียง และติดตามการปฏิบัติตามนโยบาย เมื่อนโยบายดังกล่าวรัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่า สามารถทำได้จริงเพียงใด และก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น