xs
xsm
sm
md
lg

แบ่งงาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว “บวรศักดิ์” แหยงสื่อฟังประชุม กลัวถูกโยงอดีต-คิดลบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (ภาพจากแฟ้ม)
ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเผยแบ่งงาน กมธ.ด้านต่างๆ “หมอกระแส” อาวุโสสุดเป็นรอง กมธ.คนที่ 1 “คำนูณ” นั่งที่ปรึกษาควบ ปธ.คณะอนุ กมธ.บันทึกเจตนารมณ์และจัดทำจดหมายเหตุ เตรียมให้ที่ประชุมเห็นชอบพรุ่งนี้ ส่วนการเปิดให้สื่อเข้าฟังเผยไม่สนใจ ถ่ายทอดสดก็ยังได้ แต่หวั่นสื่อเอาสีเสื้ออดีตไปโยง เลยขอเลือกเนื้อหา อ้างหลายสำนักเริ่มมีทัศนคติไม่เป็นบวกกับคณะกรรมาธิการ

วันนี้ (5 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงภายการประชุม กมธ.ยกร่างฯ อย่างไม่เป็นทางการว่า ที่ประชุมมีฉันทมติใน 2 เรื่อง ดังนี้ 1. มีการแบ่งงานในคณะ กมธ.ด้านต่างๆ โดยจะมีรองประธาน กมธ.จำนวน 6 คน โดยจะเรียงลำดับอาวุโส คือ นายกระแส ชนะวงศ์ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่ 1 นายมานิจ สุขสมจิตร เป็นรองประธาน กมธ.คนที่ 2 นายสุจิต บุญบงการ เป็นรองประธานคนที่ 3 นางนรีวรรณ จินตกานนท์ เป็นรองประธานคนที่ 4 นายปรีชา วัชราภัย เป็นรองประธานคนที่ 5 และนายชูชัย ศุภวงศ์ เป็นรองประธานคนที่ 3 ขณะที่ตำแหน่งที่ปรึกษา กมธ.ประกอบด้วย นายประสพสุข บุญเดช เป็นประธานที่ปรึกษา กมธ. นายจรูญ อินทจาร เป็นรองประธานที่ปรึกษา กมธ. และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เป็นที่ปรึกษา ส่วนตำแหน่งเลขานุการ กมธ.มี 2 คน คือ นายดิสทัต โหตระกิตย์ กับ นางกาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ ส่วนโฆษกคณะ กมธ.6 คน คือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช, นายคำนูณ สิทธิสมาน, น.ส.สุภัทรา นาคะผิว, นายวุฒิสาร ตันไชย พล.ท.นาวิน ดำริกาญจน์ และ นายปกรณ์ ปรียากร

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดแนวทางการทำงาน โดยแยกอนุ กมธ.ออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. อนุ กมธ.ว่าด้วยกระบวนการทำงาน โดยจะมีการแยกออก 3 คณะ ดังนี้ 1.คณะอนุ กมธ. บันทึกเจตนารมณ์และจัดทำจดหมายเหตุ โดยมีนายคำนูณ เป็นประธาน 2. อนุ กมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นชองประชาชน มีนางถวิลวดี บุรีกุล เป็นประธาน และ 3.อนุ กมธ.ประสานเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก สปช. และองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 กำหนด โดยจะต้องไม่ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับ สปช. กับ 2. อนุ กมธ.ว่าด้วยเนื้อหาของการทำงาน อย่างไรก็ตาม จะนำรายชื่อและข้อเสนอทั้งหมดเข้าสู่การประชุมของคณะ กมธ. ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) เพื่อให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอย่างเป็นทางการต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพูดคุยกันเรื่องกรอบเวลาในการประชุม และการให้สื่อเข้ารับฟัง รวมถึงการพิจารณาว่าจะดึงคู่ขัดแย้งเข้าร่วมหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดยังไม่ได้ข้อยุติ

นายบวรศักดิ์กล่าวด้วยว่า หากนับจากวันนี้ สปช.ยังเหลือเวลาในการจัดการความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะ กมธ.ยกร่างฯ อีก 44 วัน โดยที่จะสิ้นสุดวันสุดท้ายในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลา 60 วันตามรัฐธรรมนูญ นับจากวันที่ สปช.ได้ทำการประชุมครั้งแรกในวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นคณะ กมธ.ก็จะเริ่มยกร่างรัฐธรรมนูญกันทันที แต่ในระหว่างนี้คณะ กมธ.ก็จะเริ่มกระบวรการรับฟังความคิดเห็นคู่ขนานไปกับ สปช.ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเปิดให้สื่อมวลชนได้เข้ารับฟังการประชุมเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของคณะ กมธ.ยกร่างฯ หรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่สนใจที่จะให้สื่อนั่งฟังตลอดเวลา เพราะไม่มีอะไรจะปิดบัง ถ้าจะให้ถ่ายทอดสดยังได้ แต่ตั้งแต่ปี 2548 ถึง 2557 มีความขัดแย้งมายาวนาน 9 ปี มีสี มีจุดยืน ถ้าเราจะทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นแบบตาบอดสีเหมือนที่อาจารย์วิษณุ เครืองามว่าไว้ ก็แปลว่าบางทีต้องจับเข่าคุยให้ทิ้งจุดยืนเดิม แล้วดูอนาคต ตาบอดสี คือ ไม่เห็นสีเหลือง สีแดง สีธงชาติ หรือสีอะไรทั้งนั้น ถ้าสื่ออยู่หรือถ่ายทอด บทบาทที่ยึดโยงกับอดีตมันก็จะทำให้เขาต้องถูกดึงไปสู่อดีต เราอยากจะอยู่กับอดีตหรืออนาคต ถ้าเราอยากผูกกับอดีต คนที่เสื้อเหลืองแล้วต้องมาแสดงจุดยืนก็ถ่ายทอด แต่ถ้าเราอยากดูอนาคตกันก็อย่าไปผูกกับเสื้อสีในอดีต

“สื่อก็ต้องยอมรับว่ามันพูดไม่ได้ในการถ่ายทอด ขอร้องสื่อทั้งหมดถ้าจะเมตตาและเข้าใจอะไรที่เปิดเผยได้เราจะเปิด ไม่ต้องห่วง แต่อะไรที่เปิดไม่ได้ต้องคุยกันให้รู้ดำรู้แดง ก็ต้องพูดคุยกันในห้อง ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของประธาน ไม่รู้กรรมาธิการจะเห็นด้วยหรือไม่ ให้รู้ไว้ด้วยว่าผมและกรรมาธิการทราบว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ง่ายที่จะทำ เพราะว่า สื่อหลายสื่อเริ่มจากการมีทัศนคติไม่เป็นบวกกับคณะกรรมาธิการ เราสำนึกและตระหนักดี อะไรก็ตามที่จะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นอยากทำทั้งสิ้น แต่ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้นอย่างเดียว แต่เนื้อหาไม่ได้เรื่องเลย ผมก็เลือกเนื้อหา” นายบวรศักดิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น