“ทนายความยิ่งลักษณ์” ยื่นหนังสือ ประธาน สนช.คัดค้านการพิจารณาถอดถอน “ปู” 12 พ.ย. อ้าง รธน.ชั่วคราวปี 57 ไม่ให้อำนาจถอดถอน ด้าน “เด็จพี่” อ้างเพื่อความปรองดอง พร้อมเรียกร้อง “พรเพชร” กำชับสมาชิกหยุดให้ความเห็นชี้นำ
ที่รัฐสภา วันนี้ (5 พ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายเอนก คำชุ่ม และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอคัดค้านการพิจารณาสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการประชุม สนช.นัดพิเศษ ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ซึ่งมีนางวรารัตน์ อติแพทย์ รองเลขาธิการวุฒิสภา เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว
นายเอนกกล่าวว่า ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยขอคัดค้านคำสั่งประธาน สนช.ที่สั่งให้รับสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้พิจารณา ด้วยการนำข้อบังคับการประชุม สนช.พ.ศ. 2557 หมวดที่ 10 ว่าด้วยการถอดถอน มาบังคับใช้ในการประชุมดังกล่าว เนื่องด้วยเหตุผล 7 ข้อ ตามที่ได้เคยแถลงไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ไม่ได้มีส่วนใดที่ให้อำนาจ สนช.ในการถอดถอน ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยเห็นว่า การร่างข้อบังคับ สนช.โดยเฉพาะหมวดถอดถอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากให้ สนช.รับฟังความความเห็นต่าง และความเห็นแย้งทางข้อกฎหมาย ของฝ่ายเราไว้พิจารณาบ้าง เพื่อให้การดำเนินการมีความยุติธรรม เพราะตามสำนวนชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. โดยอ้าง พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.ก็ยังมีส่วนที่คาบเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่ยกเลิกไปแล้ว
ทั้งนี้ ยังขอให้ สนช.พิจารณาเลื่อนการประชุมนัดพิเศษในวันที่ 12 พ.ย.ออกไปก่อน เนื่องจากตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว หากจะดำเนินการถอดถอน สนช.จะต้องแจ้งเอกสารสำนวนถอดถอนให้สมาชิก สนช., ป.ป.ช. และผู้ถูกชี้มูลรับทราบด้วย แต่จนถึงขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และทีมทนายยังไม่ได้รับหนังสือเอกสารดังกล่าว ทีมทนายจึงต้องการเอกสารการชี้มูลดังกล่าวพร้อมตรวจสอบในรายละเอียดของสำนวนก่อนว่า ทาง ป.ป.ช.เองมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในสำนวนหรือไม่ เพื่อที่ทีมทนายจะได้ทำหนังสือคัดค้านสำนวนถอดถอนดังกล่าวได้อย่างรอบคอบรัดกุมอีกด้วย
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องถูกพิจารณาถอดถอน เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวจะนำไปสู่การจำกัดสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกชี้มูลความผิดก็ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี พร้อมกันนี้ก็ขอยืนยันด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เคยคิดที่จะประวิงเวลา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมกฎหมายดำเนินการต่างๆ ไปตามกรอบระยะเวลาทางกฎหมาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ปฏิบัติหน้าที่เมื่อตอนเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างครบถ้วน ไม่ได้ขาดตกบกพร่องตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด”
ด้านนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ สมาชิก สนช.พิจารณาสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยยึดหลักความปรองดองสมานฉันท์ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางโร้ดแมปเอาไว้ เพื่อสร้างความเป็นธรรม และความโปร่งใสในทางกฎหมาย ให้สังคมได้รับรู้ด้วย และในฐานะอดีตนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ก็รู้สึกห่วงกังวลการทำหน้าที่ของสมาชิก สนช. ที่บางคนมักออกมาให้ความเห็นชี้นำสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดถึงสำนวนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา จึงอยากให้ประธาน สนช. กำชับการแสดงความเห็นและการวิพาษ์วิจารณ์ของสมาชิก สนช.ด้วย
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีต ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวตำหนินายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ทำหน้าที่สอบสวนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่านายวิชารู้จักพูดแต่เรื่องข้าวเป็นอยู่เรื่องเดียวหรืออย่างไร แล้วเรื่องโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในขณะนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง นายวิชารู้เรื่องนี้บ้างหรือไม่ ถ้านายวิชามารู้เรื่องนี้ ตนขอแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็นนายอวิชา มหาลำเอียง
“ท่านอายไม่เป็นหรืออย่างไร ถึงได้ทำตัวยิ่งกว่านักการเมือง และถ้าท่านจะอายตัวเองไม่เป็น ก็ขอให้คิดถึงสถาบันที่ตัวเองเรียนจบมาว่าจะเสียชื่อเสียงบ้าง”