xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ปรี๊ดถูกถามขายที่ในบริติชเวอร์จิน โอดเลิกคุ้ยสักที - โบ้ยตั้ง “บวรศักดิ์” อ้างตามมติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ แถลงประชุมร่วม คสช.-ครม. ไปประชุมเอเปกที่จีนสัปดาห์หน้า ตั้งคณะทำงานให้พวก สปช.อกหักมีส่วนร่วม โบ้ยเลือก “บวรศักดิ์” นั่งประธาน กมธ.ยกร่างฯ บอกสื่อเขียนเอง ตั้งตามมติที่ประชุม อีกด้านร้องสื่ออย่าเขียนว่าร่างทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ปรี๊ดถูกถามขายที่ดินพ่อ 500 ล้านให้บริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน บอกมีปัญหาอะไร ท้าสอบที่มาบริษัท โอดเลิกคุ้ยทีเถอะ


วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วม ครม.-คสช.มีการติดตามความก้าวหน้าในส่วนของ คสช.ที่มีข้อเสนอแนะในมุมมองของ คสช. ซึ่งรัฐบาลเองมีการแถลงถึงการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา และงานในอนาคตที่เป็นไปตามแนวทางและเจตนารมณ์ของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนเป็นทั้งหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำทั้งสองอย่างมาขับเคลื่อนอยู่แล้วไม่มีปัญหาอะไร นอกนั้นเป็นการประชุมปกติของ ครม. ซึ่งวันนี้ใช้เวลานานพอสมควร มีหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขออนุมัติหลักการให้ความเห็นชอบในเรื่องที่จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่ต่างประเทศในสัปดาห์หน้า ในการประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป (เอเปก) ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย. ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้ง 25 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ย. ที่กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วม ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เป็นเรื่องแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของอาเซียนซึ่งมีสหรัฐอเมริกาและรัสเซียเข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ ที่ประชุมร่วม ครม.และ คสช.ยังได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่มีการดำเนินการไปแล้วว่ามีกี่ฉบับ เพราะส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายที่ต้องใช้เวลาพอสมควร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในเรื่องของการปฏิรูปที่ประชุม ครม.ได้มีการอนุมัติให้มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อให้คนที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 7,000 กว่าคนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่เดิม เพราะ สปช.มีสิทธิตั้งคณะทำงานอยู่แล้วคณะละ 5 คนตามกฎหมาย โดยตกลงกันว่าจะตั้งใครก็แล้วแต่ก็ให้มาตั้งจากที่หลุดใน สปช.250 คนเข้ามาดีกว่า เป็นการประหยัดงบประมาณและให้โอกาสคนที่อยากทำงานเข้ามา

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ที่ประชุม ครม.-คสช.พิจารณาคือการคัดเลือกและขอความเห็นชอบคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของ คสช.และ ครม.ทั้ง 11 คน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันและเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทางกฎหมาย แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องฟังข้อคิดเห็นจาก สปช.ด้วย ต้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด และต้องฟังเสียงจากภาคประชาชนว่าจะมีอะไรที่จะทำให้ลดข้อขัดแย้งในอนาคตได้ และสร้างธรรมาภิบาลในระบบบริหารราชการแผ่นดินให้ได้ ฝากขอร้องสื่อมวลชนอย่าไปเขียนอะไรให้เสียหายว่าจะไปทำลายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องกฎหมายหลักของประเทศ และคงไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งอีก ก็จะมุ่งเน้นเรื่อการให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะที่ผ่านมาการเขียนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายจะเขียนเพื่ออำนาจบริหาร การควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่รัฐ บางทีก็หนักไป พอหนักไปประชาชนก็ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมตรงไหน มันก็ขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้ จึงต้องเขียนทั้งสองส่วนทั้งการบริหารราชการแผ่นดินการกำกับดูแล การจัดสรรงบประมาณ ให้ภาคเอกชนได้เข้ามาร่วม อะไรที่เป็นผลดีกับประชาชนบ้าง ก็เป็นแนวทางจัดสรรมาจากหลายส่วน

ผู้สื่อข่าว ถามถึงเหตุผลที่เลือกนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช.คนที่ 1 เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เขาไม่เด่นตรงไหน คุณก็ตั้งขึ้นมาเอง สื่อก็ตั้งมาเอง ผมก็เห็นจากสื่อ เห็นสื่อเขียนมาเองอยู่แล้ว ผมตั้งตามมติของที่ประชุม ซึ่งเขามีการคัดเลือกคัดสรรกันภายในมาแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่า ใครจะเก่งไม่เก่งทุกคนเก่งกันหมด เป็นได้หมดทุกคน ผมถามว่าประธานคนเดียวชี้ได้หมดทุกอย่างหรืออย่างไร ผมอยากจะรู้ตรงนี้ เขาก็มีคณะกรรมาธิการคณะย่อยศึกษารายละเอียด เวลามีการประชุมอะไรประธานก็สั่งไม่ได้หรอก มันต้องเป็นเรื่องของมติความเห็นชอบทั้ง 35 คน ผมถามว่าคน 35 คนสั่งได้ทุกคนหรือ เพราะทุกคนมีความรู้ความสามารถอาวุโสทั้งนั้น ผมว่าสั่งกันไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะสั่งท่านได้อย่างไร จะไปสั่งตรงไหนทุกคนเก่งหมด ลองให้เวลาท่านทำงาน และถกแถลงกันแล้วเอาข้อยุติมาดู ว่าเมื่อเสนอมาแล้วยังมีปัญหาตรงโน้นตรงนี้ก็ไปแก้ไขในกรรมาธิการ และมีการออกกฎหมายลูกอีกเยอะแยะไปหมดต้องใช้เวลานานพอสมควร 60 วันบวก 120 วัน”

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการขายที่ดินราคา 500 กว่าล้านบาทที่เป็นของมรดกของบิดานายกฯ ตามที่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ให้กับบริษัทในเกาะบริติชเวอร์จิน ว่า “มีปัญหาอะไร แล้วบริษัทที่มาซื้อเป็นบริษัทของใคร เขาคงไม่มาซื้ออะไรโง่ๆ ซื้อแล้วไปลงทุนไม่ได้ ซื้อไปทำไม มันเป็นของผมตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะผมอยู่กับพ่อ แล้วมันมีปัญหาอะไร ผมอยากจะรู้ กฎหมายว่าอย่างไร ไปว่ามา ผมไม่ตอบ ขี้เกียจ”

เมื่อถามว่า มีการสงสัยถึงที่มาของบริษัทที่รับซื้อที่ดินดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ไปสอบเขามาสิ เกี่ยวอะไรกับผม” เมื่อถามอีกว่า นายกฯ รู้สึกหนักใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่หนักใจ แต่ก็ควรเลิกสักทีเถอะ โอเคนะ” จากนั้นก็รีบเดินเลี่ยงจากโพเดียมทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างตอบคำถามผู้สื่อข่าว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในท่าทีที่ปกติไม่ได้อาการโกรธแต่อย่างใด แต่บางช่วงได้เร่งให้ผู้สื่อข่าวถามจนต้องเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัว ถามมาๆ” พร้อมกับทำท่าตบเท้าและย้ำเท้าขวากับที่จนเกิดเสียง แต่จังหวะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องขายที่ดินมรดก พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับออกอาการยกมือขวาเคาะกับโพเดียมแหวนกระทบเกิดเสียงดังเป็นจังหวะ


กำลังโหลดความคิดเห็น