นายกฯ มอบนโยบายทูตไทยในยุโรป ขอบคุณร่วมเดินหน้าประเทศ ลั่นสู้ต่อ ไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง รับชีวิตอันตราย ครอบครัวไม่มีความสุข ทะเลาะกับเมียขู่พาดพิงมากๆ ก็อดไม่ได้ ชี้ที่ผ่านมาติดกับดักประชาธิปไตย ย้ำไม่ต้องการนั่งเก้าอี้จนเกินเวลา ระบุต้องรัฐประหารเพราะสถานการณ์สุกงอม รัฐบาลทำงานไม่ได้ ยันเคยเตือน “ยิ่งลักษณ์” แล้ว หวังใช้อาเซมสะท้อนแนวคิดรวมกลุ่มประเทศ รับข้าวจำนำข้าวขายไม่ได้ เหตุขาดทุน 3-7 แสนล้าน ปล่อย 3 ปีล้มละลายแน่
วานนี้ (15 ต.ค.) ที่โรงแรมสตาร์ โฮเต็ล โรซา แกรนด์ นครมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นายสุรพิทย์ กีรติบุตร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ อาทิ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ คณะเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศในทวีปยุโรป ทีมประเทศไทยในสาธารณรัฐอิตาลี และนักธุรกิจไทยที่มาร่วมประชุมสภาธุรกิจเอเชีย-ยุโรปเข้าร่วม
โดยนายกฯ ได้มอบนโยบายกับผู้เข้าร่วมว่า ขอบคุณหลายภาคส่วนที่ร่วมทำงานเดินหน้าประเทศไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องทำหน้าที่ชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจสถานการณ์ในประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ซึ่งจะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน และขอให้ทุกคนร่วมกันทำงาน ใช้ความเป็นคนไทย แสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ
“เมื่อเดินมาถึงวันนี้แล้วต้องสู้เดินหน้าต่อไป เพราะถ้าไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ชีวิตผมก็อันตรายเหมือนกัน ครอบครัวก็ไม่มีความสุข วันนี้ถามว่าลูกเมียไปไหนได้บ้าง ไม่ได้กลัวแต่ก็ต้องระวัง ตั้งแต่เข้ามาผมไม่เคยกล่าวโทษให้ร้ายใคร แต่ถ้ามาพาดพิงมากก็อดไม่ได้ เพราะรักเกียรติยศศักดิ์ศรี ผมอาจพูดจาไม่ไพเราะมากนัก ก็เป็นธรรมดาที่มีคนรักและไม่รัก แต่ผมเชื่อว่าคนในประเทศไทยเข้าใจ การเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนประเทศที่หยุดชะงักให้เดินหน้า จากการปลดล็อก ถ้าไม่ทำอะไรประเทศถอยหลัง ติดขัด จากการก้าวเข้ามาเป็น คสช. ช่วงแรกก็หนักใจ แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำงาน ใครก็อยากทำอะไรให้ประเทศทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาติดกับดักคำว่าประชาธิปไตย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่างๆ ขณะนี้ ว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะเพื่อเข้าไปศึกษาและต้องมีผลงานให้เห็น ที่สำคัญต้องลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โดยเฉพาะเรื่องที่ดินทำกิน และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาได้เร่งแก้ปัญหาเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศเข้าใจ และยังคงเข้ามาสานต่อด้านการค้าการลงทุน ทำให้ตนสบายใจ ดังนั้นจึงต้องไปส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ และส่งเสริมการค้าการลงทุน ซึ่งคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.) ต้องร่วมมือกัน เอสเอ็มอีขนาดเล็กกลางใหญ่ต้องเกิดขึ้น และเชื่อมโยงกัน และต้องส่งเสริมการจ้างงานไทย ใช้ของไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน ขณะเดียวกัน ต้องเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ พร้อมวางยุทธศาสตร์การทำงานให้ครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งรัฐบาลก็จะเตรียมงบประมาณรองรับการดำเนินการ โดยรัฐบาลเดินหน้าด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และจะไม่ปล่อยให้มีการทุจริตคอรรัปชั่นเกิดขึ้น ขณะเดียวกันจะให้โอกาสทุกฝ่ายในการต่อสู้คดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาด้านความมั่นคงจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษควบคุมสถานการณ์ ลดความขัดแย้ง และเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศ ให้สัมฤทธิผลใน 1 ปี หากไม่จบรัฐบาลใหม่ต้องรับไปดำเนินการ ย้ำว่าไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกินกว่ากรอบเวลาที่วางไว้
“ใครจะรักใครผมไม่ว่า จะเกลียดผม แต่อย่าเกลียดประเทศตัวเอง อย่าเกลียดคนไทย ที่ผมต้องทำเพราะสถานการณ์สุกงอม ไม่ได้ยึดอำนาจรัฐบาล แต่รัฐบาลชั่วคราว ทำงานไม่ได้แล้ว ก็จำเป็นไม่มีอะไรแก้ได้ ทหารมีหน้าที่ดูแลแผ่นดินรักษาสถาบันชาติพระมหากษัตริย์ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกละเมิด ทหารก็อยู่เฉยๆ รัฐบาลที่แล้วผมพูดกับนายกฯ ไม่รู้กี่ครั้งทุกเรื่องเตือนหมดทุกเรื่องแต่ด้วยวิถีทางการเมือง ก็ช่วยไม่ได้ สิ่งที่ทำวันนี้ทำเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิวัติอีกในอนาคต ต้องเอาประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้ ผมพร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน แต่เห็นประชาชนเดือดร้อนทนไม่ได้ และไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ทุกวันนี้ผมสู้รบทุกวัน ในบ้านกลับมาก็ทะเลาะกับเมีย เมียถามว่าทำไมอันนี้ไม่ทำ ผมบอกทำแล้ว บางเรื่องทำไม่ไหวก็หงุดหงิด สรุปว่าผมไม่มีความสุข ทุกคนไม่มีความสุข ผมจึงต้อง คืนความสุขให้ประชาชน และได้รับความทุกข์ไง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรียังระบุว่า จะใช้เวทีการประชุมอาเซมสะท้อนแนวคิดการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนให้ตลาดยุโรปเห็นคุณค่า เพราะสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ประชาคมโลกจะมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตหรือไม่ จึงต้องเตรียมแหล่งอาหารโลกให้เพียงพอซึ่งประเทศอาเซียนจะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ ขณะที่ต้องเตรียมขายสินค้า เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมันให้ได้มาก โดยเริ่มต้นด้วยการรวมตัวในกลุ่มประเทศอาเซียนก่อน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่นช่วยกันวิจัยข้าว เพิ่มมูลค่า ขายของให้มีราคา เช่นขายข้าวสำหรับคนเป็นเบาหวาน และข้าวที่รับประทานแล้วทำให้อ่อนวัย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวไม่สามารถขายได้ เนื่องจากจะขาดทุน เพราะถ้าขายในราคา 20 ล้านตัน จะขาดทุน 400,000-700,000 ล้านบาท หากปล่อยไปอีก 3 ปี อาจทำให้ประเทศล้มละลายได้ แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถเลิกโครงการนี้จึงต้องช่วยเหลือต่อไป