xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันสภาปฏิรูปมาจากทุกภาคส่วน เตือนอย่าหลงเชื่อพวกวิ่งเต้นตำแหน่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” แจงสภาปฏิรูปคัดสรรมาจากทุกภาคส่วน คสช.ไม่ได้เป็นคนเลือกเอง ย้ำตั้งเป้า 1 ปีปฏิรูป หากไม่เสร็จอาจต้องลงสัตยาบันให้รัฐบาลต่อไปทำต่อ เตือนอย่าหลงเชื่อพวกหลอกลวงวิ่งเต้นขอตำแหน่ง เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เผยจัดงบปี 58 ขาดดุล 2.5 แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมปัดทำประชานิยมแค่ทำตามเสียงประชาชนเท่านั้น


วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 20.19 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่าที่ผ่านมา คสช.ได้เน้นย้ำการดำเนินงานทุกเรื่องของรัฐต้องรับฟังเสียงของประชาชน ต้องสามารถตอบทุกๆ คำถามที่เคลือบแคลงใจได้ อย่างโครงการสำคัญๆ จะต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม เช่น การทำประชาพิจารณ์ ทุกโครงการนั้นจะต้องไม่เร่งรีบ หรือกีดกันการรับรู้ของประชาชน โดยดูแลทุกคนในชาติทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

ส่วนการลดช่องว่างในเรื่องรายได้ของคนในสังคม จะต้องสร้างค่านิยมการพึ่งพาตัวเอง ความมีวินัย รู้จักหน้าที่ด้วยการทำงานหนัก และไม่หวังพึ่งรัฐแต่เพียงอย่างเดียว จะต้องช่วยกันสร้างสังคมที่เอื้ออาทรมีการแบ่งปัน ให้โอกาสกับผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้จะใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องความมั่นคง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นหลายฝ่ายมีความกังวลในเรื่องปัญหาแรงงานต่างด้าวนอกระบบผิดกฎหมาย มีการเสนอข่าวการไล่จับกุมแรงงานต่างด้าว และมีการใช้อาวุธต่อแรงงานต่างด้าว ส่งผลให้แรงงานเหล่านั้นเกิดความตื่นตระหนก และเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการต่างๆ

ปัญหาแรงงานสะสมมาอย่างยาวนานและเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย การลักลอบพาแรงงานที่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศทำให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก และปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ดังนั้น คสช.จำเป็นต้องเร่งดำเนินการจัดระเบียบเหล่านั้น เพื่อจะได้ดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของแรงงานเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ ตลอดจนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้แรงงานเยี่ยงทาส หรือแม้กระทั่งใช้แรงงานเด็ก คสช.จะดำเนินการจัดระเบียบแรงงานเร่งด่วน ปัจจุบันคือระยะที่ 1 เราจะมุ่งเน้นกำจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบนำพาแรงงานที่ผิดกฎหมาย รีดไถ เรียกเก็บค่าคุ้มครอง เรียกเก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งจากข้อมูลด้านการข่าว การนำพาแรงงานเข้าประเทศนั้นอาจถึงรายละ 20,000 บาท ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน และเข้าสู่ขบวนการลักลอบนำพาแรงงานเข้ามาพื้นที่ตอนใน เมื่อเข้ามาพื้นที่ตอนในแล้วต้องจ่ายให้กับผู้มีอิทธิพลในประเทศเพิ่มเติมประมาณ หัวละ 8,000-10,000 บาท นอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายตามกฎหมายในการขึ้นทะเบียนอีกจำหนวนหนึ่ง

แรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ถือเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย แรงงานเหล่านั้นไม่ได้รับการดูแลในเรื่องของสวัสดิการ ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ จนส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย อาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในเรื่องสิทธิมนุษยชน และถึงแม้แรงงานผิดกฎหมายหนีกลับประเทศ ก็จะมีกระบวนการลักลอบนำแรงงานเข้ามาทดแทนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มอิทธิพล ยิ่งกวดขันมากขึ้นก็ยิ่งทำให้มีการลักลอบเพิ่มและจะมีการเรียกร้องผลประโยชน์จากแรงงานมากขึ้น

ปัญหาการลักลอบนำแรงงานเข้ามาโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนจำนวนมาก ทำให้รัฐไม่สามารถบริหารจัดการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ขึ้น เช่น ปัญหาอาชญากรรม โรคระบาด การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก และเป็นปัญหาที่องค์กรระหว่างประเทศจับตามองอยู่ ล่าสุดจากการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจพิจารณาสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทย ปรับลดจาก Tier 2 Watch List เป็น Tier 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนต่างๆ ของประเทศ ดังนั้น คสช.มีความจำเป็นต้องเร่งรีบในการกำจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ และมีการจัดระเบียบแรงงานโดยเร็วที่สุด รวมทั้งจัดระเบียบการทำงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการนำพาความน่าเชื่อถือในเรื่องของการดูแลสิทธิมนุษยชนให้เป็นที่ยอมรับในสากล

หัวหน้า คสช.กล่าวชี้แจงการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวว่า ระยะที่ 1 เป็นการผ่อนผันให้แรงงานทั้งในและนอกระบบได้ทำงานไปพลางก่อน เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มผู้มีอิทธิพล และนายทุนแสวงประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน แต่ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะนำพาแรงงานเหล่านั้นเข้าสู่ระบบตามกฎหมายต่อไป

ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนในขณะนี้ คือจะดำเนินการจัดระเบียบ ควบคุมแรงงานทั้งระบบให้ถูกต้อง จะต้องจัดเตรียมโซนนิ่งเพื่อให้แรงงานได้มีพื้นที่พักอาศัยที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการกำกับดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติร่วมกับมิตรประเทศหรือประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหาที่มาของกลุ่มบุคคลลักลอบเข้ามาที่มีสัญชาติไม่ชัดเจน และจัดตั้งศูนย์รับส่งคนงานที่ถูกกฎหมาย ในการจะนำเข้าและส่งกลับประเทศต้นทาง

“ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในเรื่องของการไล่จับกุมแรงงานที่เป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้มีแรงงานเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลทางด้านการข่าวระบุว่า เป็นการปฏิบัติการของกลุ่มผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ร่วมในขบวนการทุจริตได้ปล่อยข่าว ทำให้แรงงานเกิดความหวาดกลัว วัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นการให้ร้าย คสช. และมุ่งหวังให้แรงงานจำนวนมากเหล่านั้น ได้เดินทางกลับไปยังประเทศของตน และเปิดหนทางให้มีการนำแรงงานเหล่านั้นกลับเข้ามาใหม่ มีการเตรียมการเรียกเก็บผลประโยชน์จากแรงงานเหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่ง คสช.จะเร่งดำเนินการปราบปรามขบวนการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า คสช.ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับนานาประเทศ เพื่อปกป้องสิทธิของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และไม่ให้กระทบบรรยากาศการค้าการลงทุน สำหรับการดำเนินการในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงโดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงและภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน สมาคมผู้ประกอบการค้าขายทั้งไทยและต่างชาติ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ และให้ความร่วมมือเอื้อประโยชน์กับทั้งไทยและต่างชาติอย่างเท่าเทียม วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คสช.ได้ร่วมพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ในประเทศไทย เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น และมีแนวโน้มทุกประเทศมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในไทยและการทำงานของ คสช.มากขึ้น

ในเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ คสช.ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างที่สุด ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการบูรณาการ ในเรื่องของแผนงานดำเนินการ งบประมาณ และในส่วนของการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมีเอกภาพ และประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ใช่มุ่งเน้นแต่การใช้กำลังอย่างเดียว แต่ต้องใช้การปฏิบัติการทางทหารควบคู่ไปกับการพัฒนาในทุกมิติร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นขอให้มั่นใจ ถึงแม้ คสช.จะมีภารกิจเร่งด่วนหลายประการ แต่ยังคงเร่งดำเนินแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้เพื่อนำพาความสงบสุขมาสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว

งานทางด้านเศรษฐกิจ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2558 ได้มีการจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2,575,000 ล้านบาท และรายรับไว้ที่ 2,325,000 ล้านบาท เป็นการวางแผนงบประมาณในลักษณะการขาดดุลที่ 250,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมา ทั้งนี้จะยึดถือระเบียบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด มุ่งเน้นประโยชน์ไปที่ประชาชนทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึง การวางแผนงบประมาณขาดดุลนั้น เนื่องจากมีความจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันและมีความจำเป็นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนที่มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การวางแผนงานการเพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของภาครัฐ จะเป็นมาตรการที่สำคัญ เพื่อจะให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับ การบริโภค การจ้างงาน เพื่อจะนำเม็ดเงินลงสู่ประชาชน คสช.จะติดตามผลของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจมีการพิจารณางบประมาณภาครัฐเพิ่มเติมในระหว่างปีให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาพรวมของเศรฐกิจไทยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา มีแนวโน้มดีขึ้น โดยตัวเลขจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 85.1 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา

เรื่องปัญหาของเกษตรกร คสช.จะพิจารณาแนวทางที่มีความยั่งยืน โดยไม่บิดเบือนกลไกตลาด อาทิการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมเทคโนโลยี ส่งเสริมการตลาด ส่วนการให้เงินอุดหนุนเฉพาะเรื่องจะมีการพิจารณาอีกครั้งให้มีความเหมาะสม เพราะการอุดหนุนสินค้าการเกษตรต่างๆ ทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด อาจนำมาซึ่งความเสียหายในระยะยาว

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินงานในการสร้างความสมานฉันท์เพื่อไปสู่การปฏิรูปนั้น ปัจจุบันนั้นยังอยู่ในระยะที่ 1 ซึ่ง คสช.เป็นแต่เพียงผู้อำนวยความสะดวก สร้างบรรยากาศให้เกิดการพูดคุยกัน คสช.จะไม่สรุปหรือชี้นำใด ๆ ที่ผ่านมานั้นคณะทำงานเตรียมการปฏิรูประยะที่ 1 ได้กำหนดกรอบในการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. เป็นต้นมา จะรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล จากข้าราชการทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ ค้นหา ทบทวนเอกสาร และผลการวิจัยต่างๆ ซึ่งข้อมูลในการเสวนาในอดีตของกลุ่มที่เกี่ยวข้องต่างๆ มีมากกว่า 200 ผลงาน ทั้งที่ได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อจะนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการดำเนินการต่อไป

ในระยะที่ 2 ได้เปิดช่องทางการรับข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ ไปรษณีย์ เว็บไซต์ ผ่านมามีเรื่องและประเด็นที่เกี่ยวข้องได้รับการนำเสนอสำคัญหลัก ๆ 11 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ อาทิ การทุจริตคอร์รัปชัน การเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ การรวมอำนาจ การกระจายอำนาจ การควบคุมอำนาจ ระบบพลังงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสื่อสารมวลชน การศึกษา การเรียนรู้และภูมิปัญญา คุณธรรม จริยธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดสรรทรัพยากร เช่น น้ำและป่าไม้ ทั้งหมดนั้นจะรวบรวมเข้าไปสู่ในขั้นตอนการปฏิรูปในขั้นที่ 2 ซึ่งจะมีการจัดตั้งสภาปฏิรูปโดยการคัดสรรมา ไม่ใช่ คสช.เป็นคนคัดสรร ก็เป็นตัวแทนของแต่ละพวกแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็ได้รับการคัดสรรมาในจำนวนที่ได้เตรียมการไว้ ในระยะเวลาอันใกล้นี้

นอกนั้นได้มีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้แทนพรรคการเมือง คู่ขัดแย้งต่างๆ ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกฝ่าย โดยมีระดับหัวหน้าพรรค หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ได้เดินทางมาให้สัมภาษณ์และเสนอข้อคิดเห็นด้วยตัวเอง ขณะนี้ทางสภาปฏิรูปได้ดำเนินการสัมภาษณ์ไปแล้ว 25 ท่าน และจะสัมภาษณ์ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง รวมทั้งสิ้นประมาณมากกว่า 50 ท่าน และจะมีการจัดการประชุมกลุ่มย่อย หรือ Focus Group หลังจากได้นำข้อมูลหลักๆ 11 ประเด็น ผนวกเข้ากับข้อมูลผู้เชี่ยวชาญจากประชุมกลุ่มย่อย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 12 ครั้ง เพื่อถกแถลงและสร้างกรอบความเห็นร่วม เพื่อจะยืนยันประเด็นและสาระสำคัญที่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีความต้องการที่จะปฏิรูปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จะไม่มีการสรุปในระยะนี้ ไม่มีข้อยุติ หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง โดยทั้งหมดนั้นจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2557 แล้วก็เตรียมข้อมูลไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2 เมื่อมีสภาปฏิรูปแล้ว

สำหรับการปฏิบัติระยะที่ 2 อะไรที่เร่งด่วน ที่เป็นปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดจะต้องแก้ให้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า ให้ได้โดยเร็ว อะไรที่ไม่สำเร็จก็ต้องให้เป็นระยะยาว อาจจะมีการลงสัตยาบันว่ารัฐบาลต่อไปจะต้องดำเนินการต่อเรื่องการปฏิรูป

ทั้งหนดนี้เป็นเรื่องของการเตรียมการ หรือการทำงานของ คสช. อยากจะบอกให้ทุกคนสบายใจว่า ทุกอย่างมีความก้าวหน้าไปตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งอยู่บ้าง มีการต่อต้านอยู่บ้างก็เข้าใจนะครับ ผมก็เห็นใจในทุกภาคส่วน ในเมื่อประชาธิปไตยของเรามันเดินหน้าไปไม่ได้ ก็ขอเวลานะครับ เราจะต้องใช้ความมีสติ มีเหตุมีผลในการที่จะนำพาชาติบ้านเมืองให้ปลอดภัยต่อไปในอนาคต

“วันนี้มีการไปปล่อยข่าวว่ามีการเรียกร้องผลประโยชน์จาก คสช. หรือมีคนอ้างว่าสามารถที่จะจัดเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรือแม้กระทั่งเป็นรัฐมนตรีเป็นรัฐบาล ผมยืนยันว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อ อย่าไปให้เขาหลอก อย่าไปเสียผลประโยชน์ให้กับเขาเป็นการล่วงหน้า ผมยืนยันว่า ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลยในเรื่องเหล่านี้ยังไม่ใช่เวลา วันนี้เป็นเวลาแห่งการคืนความสุข แก้ปัญหาเร่งด่วนให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

ขอบคุณในคำทั้งคำติและชม ขอให้มั่นใจว่าถึงแม้ว่าเราจะเป็นทหาร แต่เราเป็นทหารที่มีความตั้งใจ มีหัวใจที่จะนำพาประเทศชาติไปด้วยความจริงใจ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ ตนยืนยันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม วันนี้เราจะต้องขจัดขบวนการทุจริตเหล่านั้นให้พ้นจากผืนแผ่นดินไทยไปให้ได้ ฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีข่าวลือมากมาย ขอเวลาสักระยะหนึ่ง คสช.แก้ปัญหาทั้งหมดไม่ได้ภายใน 10 วัน แต่พยายามทำอย่างเร็วที่สุด มีหลายคนบอกว่าเป็นประชานิยมหรือเปล่า ขอยืนยันว่าไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นเรื่องที่เราฟังเสียงจากประชาชนและแก้ให้ตรงจุด แก้คำตอบให้ตรงกับคำถามเท่านั้นเอง

คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” 20 มิถุนายน 2557

“สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง ประชาชนที่รักทุกท่าน วันนี้มาพบกันอีกครั้งนะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมกันกับประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย และนำพาความสุขคืนสู่ประชาชน โดยการแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของชาติ อาทิ ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ ปัญหาการกวาดล้าง จับกุมอาวุธสงคราม กลุ่มผู้มีอิทธิพล การพนัน อาชญากรรม การกระทำผิดกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดก็คือการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติซึ่งมีมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ คสช.ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในการช่วยกันดำเนินการให้เกิดบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์ โดยผ่านกิจกรรมคืนความสุขสู่ประชาชนของ คสช.ในรูปแบบต่างๆ ในทุกพื้นที่ เพื่อจะนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูประชาธิปไตยที่ยั่งยืนต่อไป

สำหรับในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คสช.ได้เน้นย้ำมาตรการต่างๆ ในการดำเนินงานในทุกเรื่องของรัฐ จะต้องมีการสื่อสารกับประชาชนให้มีประสิทธิภาพและทั่วถึง ต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน โดยการรับฟังเสียงของประชาชน ต้องสามารถตอบคำถามทุกๆ คำถามที่เป็นข้อสงสัยเคลือบแคลงใจ และร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันกับประชาชน ประชาชนต้องรับรู้ถึงแนวทางในการดำเนินงาน การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว อาจจะเป็น 5 ปี 10 ปี ในวันข้างหน้า เพื่อให้เกิดการรับรู้ความเข้าใจ และมีความคาดหวังหวังที่ตรงกัน จะทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการดำเนินโครงการพัฒนาต่างๆ ในทุกมิติ โครงการสำคัญนั้นจะต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน อาทิเช่น การทำประชาพิจารณ์ ทุกโครงการนั้นจะต้องไม่เร่งรีบ หรือกีดกันการรับรู้ของประชาชน โดยดูแลประชาชนทุกคนในชาติทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

ในส่วนของการดำเนินการอื่นๆ นั้น ได้แก่ การลดช่องว่างในเรื่องรายได้ของคนในสังคม สร้างค่านิยมในเรื่องของการพึ่งพาตัวเอง ความมีวินัย รู้จักหน้าที่ด้วยการทำงานหนัก และการไม่หวังพึ่งรัฐแต่เพียงอย่างเดียว จะต้องช่วยกันสร้างสังคมที่เอื้ออาทรมีการแบ่งปันการให้โอกาสกับผู้มีรายได้น้อย คนที่มีรายได้มากนั้น จำเป็นต้องดูแลคนมีรายได้น้อย คนไทยนั้นเราไม่เคยทอดทิ้งกันอยู่แล้วนะครับ

ทั้งนี้ โดยใช้หลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ประกอบไปด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข คือความรู้ และคุณธรรมที่ผมเคยได้กล่าวไปแล้วนั้น ในส่วนของความมั่นคงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น หลายฝ่ายมีความกังวลในเรื่องปัญหาแรงงาน ต่างด้าวนอกระบบผิดกฎหมาย มีการเสนอข่าวถึงการไล่จับกุมแรงงานต่างด้าว และมีการใช้อาวุธต่อแรงงานต่างด้าว ส่งผลให้แรงงานเหล่านั้นเกิดความตื่นตระหนก และเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการต่างๆ ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย รวมทั้งผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ แรงงานไทย แรงงานต่างด้าว โดยข้อเท็จจริงนั้น ผู้ประกอบการเล็กไม่สามารถจะจ้างแรงงานในประเทศได้ เนื่องจากมีต้นทุนที่สูง จากค่าแรงวันละ 300 บาทต่อคนต่อวัน ประกอบกับแรงงานไทยไม่ค่อยนิยมในการทำงานที่ใช้แรงงานมากนัก ดังนั้นผู้ประกอบการจึงไปจ้างแรงงานต่างด้าว แรงงานนอกระบบ แรงงานผิดกฎหมาย ที่มีอัตราจ้างที่ถูกกว่า จนทำให้เกิดกระบวนการลักลอบนำพาแรงงานที่ผิดกฎหมายเข้ามาค้าแรงงานในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก และปัญหาอาชญากรรมต่างๆ

ดังนั้น คสช.ต้องจำเป็นเร่งดำเนินการจัดระเบียบเหล่านั้น เพื่อจะได้ดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่เกิดขึ้นกับแรงงานเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ ตลอดจนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมีการใช้แรงงานเยี่ยงทาส หรือแม้กระทั่งใช้แรงงานเด็ก คสช.จะดำเนินการจัดระเบียบแรงงานเร่งด่วน ปัจจุบันคือระยะที่ 1 เราจะมุ่งเน้นกำจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบนำพาแรงงานที่ผิดกฎหมาย รีดไถ เรียกเก็บค่าคุ้มครอง เรียกเก็บค่าใช้จ่ายซึ่ง จากข้อมูลด้านการข่าว การนำพาแรงงานเข้าประเทศนั้น อาจจะถึงรายละ 20,000 บาท ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน และเข้าสู่ขบวนการลักลอบนำพาแรงงานเข้ามาพื้นที่ตอนใน เมื่อเข้ามาพื้นที่ตอนในแล้วต้องจ่ายให้กับผู้มีอิทธิพลในประเทศเพิ่มเติมประมาณ หัวละ 8,000-10,000 บาท

นอกจากนั้น ยังมีค่าใช้จ่ายตามกฎหมายในการขึ้นทะเบียนอีกจำหนวนหนึ่ง แรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและทำงานอยู่นั้น ถือว่าเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแรงงานบนบก แรงงานในทะเล ทำให้แรงงานเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลในเรื่องของสวัสดิการ ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ แรงงานทาส แรงงานเด็ก ทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีต่างประเทศ ทำให้ไทยอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในเรื่องสิทธิมนุษยชน แรงงานผิดกฎหมายที่ถูกกดขี่และหนีกลับประเทศ ก็จะมีกระบวนการลักลอบนำแรงงานเหล่านั้นเข้ามาทดแทนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มอิทธิพล ยิ่งมีการกวดขันมากขึ้นโดยการบังคับใช้กฎหมาย โดยการใช้มาตรการอื่นๆ สนับสนุนเข้าไปจะทำให้การลักลอบนำพาเข้ามามากขึ้น และจะมีการเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนมากขึ้น

ปัญหาการลักลอบนำแรงงานเข้ามาโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนจำนวนมาก ทำให้รัฐไม่สามารถบริหารจัดการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ขึ้น อาทิ อาชญากรรม โรคระบาด การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็กที่กล่าวไปข้างต้น ปัญหาเหล่านี้สะสมมาเป็นเวลานานในหลายสมัย หลายยุค หลายรัฐบาล ซึ่งมีความพยายามแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นโดยชัดเจน ยังคงเป็นปัญหาที่ต่างชาติ องค์กรระหว่างประเทศจับตามองอยู่

ล่าสุด จากการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจพิจารณาสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทย อาจถูกปรับลดจาก Tier 2 Watch List เป็น Tier 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบในสิทธิในการค้าการลงทุนต่างๆ ของประเทศ ดังนั้น คสช.มีความจำเป็นต้องเร่งรีบในการกำจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ และมีการจัดระเบียบแรงงานโดยเร็วที่สุด รวมทั้งจัดระเบียบการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ มีการบูรณาการทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ประกอบไปด้วย ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าของธุรกิจประกอบการต่างๆ ที่จะกำหนดมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อจะนำพาความน่าเชื่อถือในเรื่องของการดูแลสิทธิมนุษยชนของคนไทย ของแรงงานไทย ให้เป็นที่ยอมรับในสากล

การบริหารจัดการระยะที่ 1 ของ คสช.นั้น เป็นการผ่อนผันให้แรงงานทั้งในและนอกระบบได้ทำงานไปพลางก่อน เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มผู้มีอิทธิพล และนายทุน แสวงประโยชน์ต่างๆ จากผู้ใช้แรงงาน โดย คสช.ตระหนักดีว่า แรงงานเหล่านี้มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเข้าใจถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการต่างๆ จึงได้ผ่อนผันให้มีการใช้แรงงานเหล่านั้น สามารถดำเนินการต่อไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการควบคุม กำกับดูแล พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะนำพาแรงงานเหล่านั้นเข้าสู่ระบบตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้จะต้องไม่ดำเนินการใดๆ ให้เกิดข้อบกพร่องเหมือนกับที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งจะทำให้เปิดโอกาสให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุน เอารัดเอาเปรียบ บังคับขู่เข็ญ ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับแรงงานผิดกฎหมายเหล่านั้น

ระยะที่ 2 ซึ่งเราอยู่ในขั้นดำเนินการขณะนี้ คณะกรรมการ คตร. ซึ่งมีท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน จะดำเนินการจัดระเบียบ ควบคุมแรงงานทั้งระบบให้ถูกต้อง ทั้งแรงงานประเภทเช้าไป-เย็นกลับ ตามแนวชายแดน แรงงานตามฤดูกาล ในภาคการเกษตร เช่น ตัดอ้อย ขุดมัน เก็บเกี่ยว เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร และแรงงานประจำปี ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนแรงงานอยู่ในปัจจุบันนั้น จะต้องจัดเตรียมพื้นที่ หรือโซนนิ่ง เพื่อให้แรงงานได้มีพื้นที่พักอาศัยที่เป็นระเบียบ สะอาด เรียบร้อย สวยงาม มีการกำกับดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติร่วมกับมิตรประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหาที่มาของกลุ่มบุคคลลักลอบเข้ามาที่มีสัญชาติไม่ชัดเจน อาทิ ชาวโรฮิงญา และจัดตั้งศูนย์รับส่งคนงานที่ถูกกฎหมาย ในการจะนำเข้าและส่งกลับประเทศต้นทาง

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความปลอดภัย รวมทั้งจะมีการพิจารณาทบทวนกำหนดค่าใช้จ่ายในการเข้ามาทำงานของแรงงานในสถานประกอบการต่างๆ ให้มีความเหมาะสม ไม่มีการถูกเอารัดเอาเปรียบแรงงานทั้งหมดที่เข้ามา

สำหรับการกำหนดมาตรการทางกฎหมายนั้น จะมีการปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากเมื่อเรามีการนำแรงงานทั้งหมดเข้าระบบแล้ว จะทำให้เราสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเคร่งครัดป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ อาชญากรรม ยาเสพติด โรคระบาด และป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับเหตุการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้น ในเรื่องของการไล่จับกุมแรงงานที่เป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้มีแรงงานเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลทางด้านการข่าวระบุว่า เป็นการปฏิบัติการของกลุ่มผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ร่วมในขบวนการทุจริตได้ปล่อยข่าว ทำให้แรงงานเกิดความหวาดกลัว วัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นการให้ร้าย คสช. และมุ่งหวังให้แรงงานจำนวนมากเหล่านั้น ได้เดินทางกลับไปยังประเทศของตน และเปิดหนทางให้มีการนำแรงงานเหล่านั้นกลับเข้ามาใหม่ มีการเตรียมการเรียกเก็บผลประโยชน์จากแรงงานเหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่ง คสช.จะเร่งดำเนินการปราบปรามขบวนการดังกล่าวโดยเร็วที่

คสช.ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับนานาประเทศ เพื่อปกป้องสิทธิของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และไม่ให้กระทบบรรยากาศการค้าการลงทุนของนักลงทุน และนักธุรกิจชาวต่างชาติ สำหรับการดำเนินการในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงโดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงและภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน สมาคมผู้ประกอบการค้าขายทั้งไทยและต่างชาติ ได้ชี้แจง ทำความเข้าใจ และให้ความร่วมมือเอื้อประโยชน์กับทั้งไทย และต่างชาติ อย่างเท่าเทียม เช่นการเตรียมการเจรจาข้อตกลงทางการค้าที่ยังคงค้างคาอยู่ ในขั้นตอนดำเนินการในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คสช.ได้ร่วมพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ในประเทศไทย เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น และเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการค้า การลงทุนต่างๆในไทย และมีแนวโน้มทุกประเทศที่ความเข้าใจต่อสถานการณ์ในไทยและการทำงานของ คสช.มากขึ้น

ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ คสช.ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างที่สุด ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการบูรณาการ ในเรื่องของแผนงานดำเนินการ งบประมาณ และในส่วนของการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมีเอกภาพ และประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการแก้ปัญหาของภาคใต้นั้นมิใช่มุ่งเน้นแต่การใช้กำลังอย่างเดียว แต่ต้องใช้การปฏิบัติการทางทหารควบคู่ไปกับการพัฒนาในทุกมิติร่วมกับส่วนราชการอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่า ถึงแม้ว่า คสช.จะมีภารกิจเร่งด่วนหลายประการด้วยกัน แต่ คสช.ยังคงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้เพื่อนำพาความสงบสุขมาสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว

งานทางด้านเศรษฐกิจ งานสำคัญของ คสช.ในการบริหารราชการแผ่นดินและขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น มุ่งหวังเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่เรื่องการมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ ประจำปี งบประมาณ 2558 ได้มีการจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2,575,000 ล้านบาท และรายรับไว้ที่ 2,325,000 ล้านบาท เป็นการวางแผนงบประมาณในลักษณะการขาดดุลที่ 250,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จะยึดถือระเบียบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด แนวนโยบาดังกล่าวนั้นจะมุ่งเน้นประโยชน์ไปที่ประชาชนทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึง

การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ลดความซ้ำซ้อน โดยมีการบูรณาการงานทุกกระทรวงในขั้นการจัดทำงบประมาณ โดยให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงในเรื่องที่เกี่ยวข้องในเรื่องเดียวกัน อาทิ การบริหารจัดการน้ำ ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะในลักษณะที่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างดำเนินการ ขาดความต่อเนื่อง การเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ไม่เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องของภัยแล้งในอุทกภัยได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

การวางแผนงบประมาณขาดดุลนั้น เนื่องจากมีความจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบัน และมีความจำเป็นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนที่มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการขาดดุลเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นในปัจจุบันนั้น อาจจะส่งผลให้กลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอื่นๆ เช่น การส่งออก การลงทุน การบริโภค อาจจะมีแนวโน้มที่ลดลง ดังนั้นการวางแผนงานในเรื่องของการเพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของภาครัฐ จะเป็นมาตรการที่สำคัญ เพื่อจะให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับ การบริโภค การจ้างงาน เพื่อจะนำเม็ดเงินลงสู่ประชาชน คสช.จะติดตามผลของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจมีการพิจารณางบประมาณภาครัฐเพิ่มเติมในระหว่างปีให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาพรวมของเศรฐกิจไทยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา มีแนวโน้มดีขึ้น โดยตัวเลขจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 85.1 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ผ่าน

การท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ปัจจุบันมีนักท่องเริ่มเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นมาก แผนการลงทุนที่ คสช.เร่งรัดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนที่จะเร่งดำเนินการเริ่มต้นในปีงบประมาณ 2557 นี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย การสร้างรถไฟรางคู่ ซึ่งขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม ได้จัดทำรายละเอียดเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว พร้อมที่จะเข้าพิจารณาจาก คสช.

วันนี้ คสช.ได้ให้นโยบายการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพครบถ้วนสมบูรณ์ อาทิ การเชื่อมต่อของระบบขนส่งมวลชนต่างๆ จะต้องต่อเนื่องเชื่อมโยง สถานีรถไฟฟ้าโดยรอบปริมณฑลจะต้องคำนึงถึงรายละเอียดที่จำเป็น อาทิ มีพื้นที่จอดรถและต้องได้สัดส่วนสัมพันธ์กับผู้โดยสาร ปัจจุบันทุกโครงการอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพจาก คสช.ที่ประกอบไปด้วยสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คสช.อาจต้องพิจารณานำกระบวนการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันที่ได้รับการยอมรับจากสากลมาใช้ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย โดยจะเป็นการเน้นการตรวจสอบตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำความต้องการหรือที่มา การจัดซื้อจัดจ้าง การดำเนินการ และการตรวจรับ รวมทั้งการเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบตลอดทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน ซึ่งในอนาคตจะมีการปฏิรูปเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งเรื่องระเบียบ กฎหมาย กระบวนการต่างๆ เพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันอย่างสมบูรณ์ต่อไป

ในเรื่องการปรับปรุงกลไกของระบบกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการของส่วนราชการ องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ เพื่อความมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใส เป็นธรรมและตรวจสอบได้นั้น ในระยะเร่งด่วนนี้ คสช.จะแก้ไขปัญหาในส่วนที่เป็นปัญหาสำคัญส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาหลายแรงต่อรัฐ และการแก้ไขไม่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

ในระยะที่ 2 จะดำเนินการแก้ไขในเรื่องที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจ มีความสำคัญ และมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง โดยทั้งนี้จะให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการผ่านสภาปฏิรูป ซึ่งจะถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และหลังจากนั้นอีกต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยมีระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ในเรื่องของการปรับปรุงการบริหารงานรัฐวิสาหกิจนั้น กระทำเพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพ และสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นในรัฐวิสาหกิจ ให้เป็นมาตรฐานสากล หลายๆ รัฐวิสาหกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นปัญหาแต่ประการใด มีเพียงบางรัฐวิสาหกิจที่อาจจะประสบปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการ และประสิทธิภาพ ตลอดจนความโปร่งใสที่จะต้องปรับปรุง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ได้รับการยอมรับจากประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย อาทิ ด้านพลังงาน ด้านการสื่อสารที่รัฐจำเป็นต้องคงสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างการบริหารงานของภาครัฐ และเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นธรรมกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง ป้องกันการผูกขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ คสช.ต้องขอบคุณคณะผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีความเข้าใจ และเปิดทางให้มีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในระยะยาว

การดำเนินการในระยะสั้นนี้จะเป็นการเฟ้นหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจมานาน รวมทั้งบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวข้องทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการ การตลาด การเงิน และความมั่นคงเข้ามาเป็นกรรมการของรัฐวิสาหกิจเพิ่มเติม ระยะต่อไปนั้นจะเร่งให้มีการพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นปัญหาเป็นอุปสรรค อันจะก่อให้เกิดการรั่วไหลของงบประมาณ สร้างความเสียหายต่อรัฐ อาทิ จะมีการพิจารณาปรับค่าตอบแทนคณะกรรมการที่มีความเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป การบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ตลอดเวลา มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันนั้นได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของ คสช.ได้ไปเร่งพิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมต่อไป

การบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนได้เร่งรัดอนุมัติให้มีการจ่ายเงินให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่ตกค้างมาเป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่งบประมาณปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ทั้งในเรื่องภัยพิบัติและธรรมชาติ พืชผลทางการเกษตร อาทิ ยางพารา ทั้งนี้การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมาย อย่างเคร่งครัด และเป็นสิทธิของประชาชนที่พึงมีพึงได้ ซึ่ง คสช.ได้ให้มีการตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องบัญชี การจ่ายเงิน อาทิ กรณีชาวสวนยางนั้นจะต้องเป็นเกษตรกรตัวจริง ไม่มีการบุกรุกใช้ผืนป่ามาทำไร่ โดยทางกระทรวงการเกษตรได้จัดให้มีการขึ้นบัญชีเกษตรกรชาวสวนยางไว้แล้ว คสช.ก็เร่งรัดให้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยให้ถูกต้องและรัดกุมต่อไป รวมเงินงบประมาณที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกยางพาราประมาณ 1 แสนกว่าราย เป็นงบประมาณกว่า 6,600 ล้านบาท จาก 63 จังหวัด และจะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติที่ตกค้างตั้งแต่ปี 2555 ประมาณ 580,000 ราย ใช้งบประมาณ ประมาณ 5,400 ล้านบาท ตลอดจนการจ่ายเงินเยียวยากับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว เป็นเงิน 85,685 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 93 คาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 22 มิถุนายน 2557

การเตรียมการแก้ปัญหาลำไย คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจาก 8 จังหวัดภาคเหนือในช่วงสิงหาคมถึงกันยายนนั้น ประมาณ 5 แสนตัน จะได้จัดเตรียมมาตรการในการรองรับกลไกตลาดปกติผ่านระบบสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจชุมชน รับซื้อผลผลิตและโรงงานอุตสาหกรรม

ส่วนผลไม้ภาคตะวันออก เงาะ ลองกอง คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จึงได้เตรียมมาตรการรองรับไว้ 4 มาตรการ ได้แก่ การกระจายผลผลิต ออกนอกแหล่งผลิต ส่งเสริมการแปรรูป เน้นการบริหารจัดการคุณภาพ และประชาสัมพันธ์ โดยการส่งเสริมการบริโภค คสช.ขอทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรถึงแนวทางการช่วยเหลือในระยะต่อไป คสช.จะพิจารณาแนวทางที่มีความยั่งยืน มีประสิทธิภาพ โดยไม่บิดเบือนกลไกตลาด อาทิ การช่วยเหลือในเรื่องลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมเทคโนโลยี ส่งเสริมการตลาด

ในส่วนของการบริหารจัดการนั้นจะให้เงินอุดหนุนเฉพาะเรื่องจะมีการพิจารณาอีกครั้งให้มีความเหมาะสม ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ทั้งนี้ เนื่องจากการอุดหนุนสินค้าการเกษตรต่างๆที่ทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาดนั้น อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายระยะยาว ตัวอย่างเช่น การที่รัฐอุดหนุนสินค้าการเกษตรชนิดใดชนิดหนึ่งนั้นจะทำให้เกษตรกรหันมาเพาะปลูกเป็นจำนวนมาก และทำให้ผลิตผลล้นตลาด สินค้าราคาตก ขณะที่นายทุนก็ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่เป็นปัจจัยในการเพาะปลูก เกิดการทุจริต สินค้าต่างชาติเข้ามาสวมสิทธิ์ คุณภาพราคาสินค้าตกต่ำ ไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ สร้างความเสียหาย รัฐต้องเสียรายได้จำนวนมาก ในขณะที่เกษตรกรต้องประสบปัญหาการจำหน่ายสินค้าที่ล้นตลาดอีกต่อไป

ในส่วนของรายละเอียดช่วยเหลือชาวนานั้น อยากจะเรียนให้ชาวนาทั้งประเทศได้มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง เป็นประเด็นสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ อาจจะกระทบกับเกษตรกรชาวนาทั้งประเทศเป็นส่วนมาก แนวทางวันนี้นั้นเราได้เตรียมการช่วยเหลือเป็นลักษณะระยะสั้น คือ ปี 2557 ต่อ 2558 ในการช่วยเหลือเกษตรกรปลูกข้าวนาปี ซึ่งจะมี 2 มาตรการด้วยกัน มาตรการหลักก็คงจะเป็นในเรื่องของการลดราคาปัจจัยการผลิต โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมพ่อค้าปุ๋ย ผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าว กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตร ในการควบคุมรายการสินค้าที่จำเป็นที่เป็นปัจจัยในการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมี ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ข้าว และบริการรถเกี่ยวข้าว ค่าเช่านา โดยจะมีการปรับลดราคาปุ๋ยเคมีลง ลดราคาสารเคมีป้องกันศัตรูพืชลง เมล็ดพันธุ์ ค่าบริการรถเกี่ยวข้าวลง ค่าเช่าที่นาลดลง ซึ่งจะมียอดเฉลี่ยต่อไร่เพื่อทำให้ลดต้นทุนการผลิตต่อไร่เพื่อทำให้ลดต้นทุนการผลิตต่อไร่ให้น้อยลงตามลำดับ

สำหรับมาตรการสนับสนุนนั้น จะเป็นการสนับสนุนแหล่งเงินทุนในการให้สินเชื่อระยะสั้นให้กับชาวนา ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี วงเงิน 5 หมื่นบาทต่อคน คิดอัตราดอกเบี้ย MRR โดย คสช.จะช่วยเหลือชาวนาด้วยการชดเชยค่าดอกเบี้ยร้อยละ 3 เป็นระยะเวลา 6 เดือน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว และสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกรให้สินเชื่อกับสหกรณ์ภาคการเกษตร และกลุ่มเกษตรกรในการนำเข้าข้าวเปลือก เพื่อมาจำหน่าย และนำมาแปรรูป และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ใช้เทคโนโลยีการปลูกข้าวที่เหมาะสม ทั้งลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต มีธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว และโซนนิ่งในการจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุน ส่งเสริมการตลาด เร่งหาตลาดใหม่ ช่วยเหลือการเก็บสต๊อกเชื่อมโยงตลาดใน และต่างประเทศ จัดการยุ้งฉาง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากการขายข้าว ตั้งกองทุนข้าว ตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพทั้งระบบ การดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บีโอไอนั้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้วยการสร้างแรงจูงใจต่างๆ อาทิ การลดภาษีนำเข้าเครื่องจักร ภาษีรายได้นิติบุคคล และมาตรการอำนวยความสะดวกต่างๆ โดย คสช.ได้เร่งรัดให้มีการจัดการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และอนุกรรมการ เพื่อเร่งดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศ และระบบเศรษฐกิจของไทย

ในวันพุธที่ผ่านมา ได้มีการประชุมพิจารณาอนุมัติโครงการที่ผ่านการกลั่นกรอง และตรวจสอบแล้วจากคณะกรรมการบีโอไอทั้งหมดจำนวน 18 โครงการ ทั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และระเบียบวิธีการส่งเสริมการลงทุนเดิมในปี 2556 มาพิจารณา และเพิ่มเติมเงื่อนไขให้เป็นไปตามนโยบายของ คสช. ในเรื่องของการมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูง เป็นสินค้าที่มีมูลค่า การสร้างขายทอดเทคโนโลยีในการผลิต การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์พลังงาน โดยให้มีการลงทุนของนักลงทุนชาวไทย และชาวต่างชาติในสัดส่วนที่เหมาะสม ปัจจุบันก็มีสัดส่วนของบริษัทไทยนั้น มากกว่า 50% โดยในครั้งนี้คณะกรรมการได้อนุมัติการลงทุน ทั้งในส่วนที่เป็นกิจการเริ่มต้นใหม่ และการขยายกิจการเดิม รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 1.2 แสนล้านบาท

การลงทุนดังกล่าวนั้น จะเป็นการสร้างการจ้างงาน การใช้วัตถุดิบ และผลิตผลในประเทศ เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนต่อไปทั้งโดยตรง และโดยอ้อม ทั้งนี้ คสช.ได้สั่งการให้สถาบันส่งเสริมการลงทุนไปพิจารณาปรับปรุงระเบียบ และเงื่อนไขในการอนุมัติโครงการตามนโยบายของ คสช.เพิ่มเติมขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ และการลงทุนในปัจจุบัน เพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมโลกต่อไป ในเรื่องนี้ขอเรียนว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญขอให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจก่อนว่า การลงทุนในโครงการที่มีกำไรนั้น เราไม่ได้เอาเม็ดเงินของประเทศเราไปให้เขา เป็นการลงทุนจากต่างประเทศทุกโครงการส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นการดำเนินการของบริษัทไทยในประเทศนี้อยู่แล้ว

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราสร้างแรงใจให้กับเขาก็คือ การลดภาษีการนำเข้าเครื่องจักร ลดในเรื่องของภาษี นิติบุคคล แต่การลงทุนเป็นเรื่องของเขาทั้งสิ้น ทั้งบริษัทไทยและบริษัทต่างประเทศ ไม่ได้ใช้เม็ดเงินของรัฐไปช่วยเลย ก็กราบเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน

ในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม คสช.มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชน ที่มีรายได้น้อยเป็นอันดับแรก ซึ่งมีความเดือดร้อนในเรื่องปากท้อง จะเร่งขจัดการเอารัดเอาเปรียบของผู้มีรายได้น้อยเหล่านี้ อาทิ การประกอบการรับจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ ลูกจ้างรายวัน รายสัปดาห์ ปัจจุบันนั้นเราเห็นใจนะครับ ท่านถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพล โดยอาศัยช่องว่างการกระทำผิดกฎหมาย หรือการให้บริการนอกระบบ เรียกเก็บค่าคุ้มครองต่างๆ สร้างความเดือดร้อนกับผู้หาเช้ากินค่ำ วันนี้เราอยากจะให้มีการร่วมมือกันในการจัดระเบียบ ในช่วงแรกๆ อาจมีปัญหาบ้าง ไม่สะดวกบ้าง ทั้งผู้ให้การบริการและผู้รับบริการ เพราะฉะนั้นเราต้องการแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรม เกิดความถูกต้องในการประกอบอาชีพ ไม่ต้องการให้มีอิทธิพล กลุ่มมาเฟียต่างๆ ไม่ว่าจะสีไหน ไม่ต้องการให้เข้าไปข่มขู่ ฉกฉวยประโยชน์ เพราะว่าในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือมีรายได้น้อยเหล่านั้น บางส่วนก็เป็นข้าราชการ เป็นกำลังพลในกองทัพ และเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งเขาถูกรังแก ถูกเอารัดเอาเปรียบมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เสื้อแต่ละตัว ตัวราคาเป็นแสนๆ ถึงสี่แสนบาท เท่าที่ผมติดตามในปัจจุบัน ซึ่งมันมากเกินไป ผมคิดว่ามันน่าจะต้องจัดสรรในเรื่องของการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทำยังไง เขาเหน็ดเหนื่อยเขาก็ต้องได้ประโยชน์ของเขาไปเลี้ยงดูบุตร ภรรยาของเขา ครอบครัวของเขา อย่างเป็นธรรม อย่าไปเบียดบังจากเขาเลย

การดำเนินงานในการสร้างความสมานฉันท์เพื่อไปสู่การปฏิรูปนั้น ปัจจุบันนั้นยังอยู่ในระยะที่ 1 ซึ่ง คสช.เป็นแต่เพียงผู้อำนวยความสะดวก สร้างบรรยากาศให้เกิดการพูดคุย ถ้าบรรยากาศมันไม่ดีมันก็คุยกันไม่ได้ มันก็ทะเลาะกันตั้งแต่วันนี้ เพราะฉะนั้นสร้างบรรยากาศให้เกิดการพูดคุยก่อน แล้วเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน วันนี้ คสช.จะไม่สรุปหรือชี้นำใดๆ ที่ผ่านมานั้นคณะทำงานเตรียมการปฏิรูประยะที่ 1 ได้กำหนดกรอบในการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน เป็นต้นมา จะรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล จากข้าราชการทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ ค้นหา ทบทวนเอกสาร และผลการวิจัยต่างๆ ซึ่งข้อมูลในการเสวนาในอดีตของกลุ่มที่เกี่ยวข้องต่างๆ มีมากกว่า 200 ผลงาน ทั้งที่ได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อจะนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการดำเนินการต่อไป

ในระยะที่ 2 ได้เปิดช่องทางการรับข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ ไปรษณีย์ เว็บไซต์ ผ่านมามีเรื่องและประเด็นที่เกี่ยวข้องได้รับการนำเสนอสำคัญหลักๆ 11 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ อาทิการทุจริตคอร์รัปชัน การเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ การรวมอำนาจ การกระจายอำนาจ การควบคุมอำนาจ ระบบพลังงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสื่อสารมวลชน การศึกษา การเรียนรู้และภูมิปัญญา คุณธรรม จริยธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดสรรทรัพยากร เช่น น้ำและป่าไม้ ทั้งหมดนั้นจะรวบรวมเข้าไปสู่ในขั้นตอนการปฏิรูปในขั้นที่ 2 ซึ่งจะมีการจัดตั้งสภาปฏิรูปโดยการคัดสรรมา ไม่ใช่ คสช.เป็นคนคัดสรร ก็เป็นตัวแทนของแต่ละพวกแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็ได้รับการคัดสรรมาในจำนวนที่ได้เตรียมการไว้ ในระยะเวลาอันใกล้นี้

นอกนั้นได้มีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้แทนพรรคการเมือง คู่ขัดแย้งต่างๆ ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกฝ่าย โดยมีระดับหัวหน้าพรรค หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ได้เดินทางมาให้สัมภาษณ์และเสนอข้อคิดเห็นด้วยตัว

ขณะนี้ทางสภาปฏิรูปได้ดำเนินการสัมภาษณ์ไปแล้ว 25 ท่าน และจะสัมภาษณ์ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง รวมทั้งสิ้นประมาณมากกว่า 50 ท่าน และจะมีการจัดการประชุมกลุ่มย่อย หรือ Focus Group หลังจากได้นำข้อมูลหลักๆ 11 ประเด็น ผนวกเข้ากับข้อมูลผู้เชี่ยวชาญจากประชุมกลุ่มย่อย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 12 ครั้ง เพื่อถกแถลงและสร้างกรอบความเห็นร่วม เพื่อจะยืนยันประเด็นและสาระสำคัญที่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีความต้องการที่จะปฏิรูปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จะไม่มีการสรุปในระยะนี้ ไม่มีข้อยุติ หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง โดยทั้งหมดนั้นจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2557 แล้วก็เตรียมข้อมูลไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2 เมื่อมีสภาปฏิรูปแล้ว

หากว่าเราไม่แก้วันนี้ ไม่เริ่มวันนี้ ระยะที่ 2 มันก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะไปทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไปในระยะที่ 2

สำหรับการปฏิบัติระยะที่ 2 อะไรที่เร่งด่วน เช่น การปฏิรูปทางการเมือง ปฏิรูปในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม หรืออะไรที่สำคัญที่ประชาชนต้องการ ที่เป็นปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดจะต้องแก้ให้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า ให้ได้โดยเร็ว อะไรที่ไม่สำเร็จก็ต้องให้เป็นระยะยาว ก็อาจจะมีการเพราะอาจจะมีการลงสัตยาบันกันต่อไปว่า รัฐบาลต่อไปจะต้องไม่ดำเนินการต่อ อันนี้ก็เป็นไปตามข้อเรียกร้องที่มีมาอยู่แล้วเดิมในอดีตที่ผ่านมาเรื่องการปฏิรูป

ทั้งหนดนี้นั้น เป็นเรื่องของการเตรียมการ หรือการทำงานของ คสช. วันนี้มีหลายเรื่องที่ประชาชนหลายคนสงสัย ตั้งความสงสัยมามากมาย สิ่งประเด็นสำคัญวันนี้ก็อยากจะบอกให้ทุกคนสบายใจว่า ทุกอย่างมีความก้าวหน้าไปตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งอยู่บ้าง มีการต่อต้านอยู่บ้างก็เข้าใจนะครับ ผมก็เห็นใจในทุกภาคส่วน ในเมื่อประชาธิปไตยของเรามันเดินหน้าไปไม่ได้ ก็ขอเวลานะครับ เราจะต้องใช้ความมีสติ มีเหตุมีผลในการที่จะนำพาชาติบ้านเมืองให้ปลอดภัยต่อไปในอนาคต

วันนี้มีการไปปล่อยข่าวว่ามีการเรียกร้องผลประโยชน์จาก คสช. หรือมีคนอ้างว่า สามารถที่จะจัดเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรือแม้กระทั่งเป็นรัฐมนตรีเป็นรัฐบาล ผมยืนยันว่า ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อ อย่าไปให้เขาหลอก อย่าไปเสียผลประโยชน์ให้กับเขาเป็นการล่วงหน้า ผมยืนยันว่า ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลยในเรื่องเหล่านี้ยังไม่ใช่เวลา วันนี้เป็นเวลาแห่งการคืนความสุขในเวลาแห่งการเตรียมการ มีเวลาในการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้กับชาติบ้านเมือง และประชาชนที่ลำบากที่เดือดร้อนมาเป็นระยะเวลายาวนาน วันนี้เราต้องการฟังเสียงประชาชนให้มาก และรวบรวมปัญหาทุกปัญหาไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2 และยั่งยืนในอนาคต ขอขอบคุณในคำทั้งติและชมนะครับ ก็มีค่ากับพวกเราทุกคน ขอให้มั่นใจว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นทหาร แต่เราเป็นทหารที่มีความตั้งใจ มีหัวใจที่เราจะนำพาประเทศชาติไปด้วยความจริงใจ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ ผมยืนยันอีกครั้ง

เพราะฉะนั้นถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม วันนี้เราจะต้องขจัดผลประโยชน์เหล่านั้น หรือขบวนการทุจริตเหล่านั้น ให้พ้นจากผืนแผ่นดินไทยนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายทั้งโดยสื่อ โดยประชาชน ทั้งพูดต่อกันมาอะไรกันมา ทั้งนี้บางอย่างอาจจะไม่มีข้อมูลที่แท้จริง และยังไม่ครบในทุกๆ ด้าน ก็จะมีแต่การขยายความขัดแย้งไปมากขึ้น และทำให้การปฏิรูปนั้นเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากนะครับ ขอเวลาให้กับเราซักระยะหนึ่ง วันนี้เราเอาปัญหาทั้งหมดที่เกือบมาเป็น 10 ปี แน่นอนมันแก้ไม่ได้ภายใน 10 วัน หรือวันเดียวไม่ได้ แต่เราพยายามทำอย่างเร็วที่สุด มีหลายคนบอกว่า เราแก้ปัญหาได้เร็วจนเกินไปหรือเปล่า เป็นประชานิยมหรือเปล่า ก็ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ใช่ประชานิยม เป็นเรื่องที่เราฟังเสียงจากประชาชน และเราแก้ให้ตรงจุดแก้คำตอบให้ตรงกับคำถามที่ท่านสงสัยเท่านั้นเอง และขับเคลื่อนในสิ่งที่มันติดขัดเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่าน ผมก็ไม่อยากจะเป็นความดีความชอบให้กับ คสช.มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำในระหว่างนี้เท่านั้น และพร้อมที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน

ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง ที่ทุกฝ่ายอดทนฟังผมมาหลายครั้งแล้ว ผมก็พยายามจะทำความเข้าใจ สื่อสารกับท่าน ที่ผ่านมาบางทีพูดกับฟัง มันไม่ต่อเนื่องกัน พูดก็อยากจะพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดไอ้ฟังก็อยากจะฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากจะฟัง ฉะนั้นเราสื่อสารกัน ผมรับจากท่านผมก็ตอบท่านไปทางสื่อ ทางการพบปะกันทุกวันศุกร์ ก็หวังว่าคงจะได้รับความเข้าใจและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ ขอให้มีความสุขทุกๆ คน สวัสดีครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น