“บิ๊กตู่” แจงทูตอังกฤษ-พม่าพอใจคดีเกาะเต่า ลั่นห้ามร่วมสอบ ขออย่าขัดแย้งเพิ่มช่วงตนไป ตปท. เผยลุยสร้างรายได้คนจน ย้ำ กม.คือ กม. ปัดฝากงาน “ประวิตร” ชมคนไทยน่ารักไม่ทะเลาะ รับชาวนาฝืนปลูกนาปรัง รัฐรับความเสี่ยงตอบสนองหมดไม่ได้ ชี้ไทยปัญหาพืชผลแยะ สั่งเร่งพัฒนาข่าว ยันทำทุกมิติเต็มที่ ผลอยู่ที่ ปชช.ร่วมมือหรือไม่ ขออย่าเร่งศาล บ่นสื่อเอาแต่ติไม่อยากคุย
วันนี้ (15 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และทีมรับผิดชอบคดีเกาะเต่าไปพบทูตอังกฤษและพม่าว่า มีการรายงานมาว่าเป็นที่พอใจ เพียงแต่ทางนั้นเขาขอเวลาทำความเข้าใจนิดนึง เพราะดูแล้วหลักการในการสอบสวนต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้เราไม่สามารถรายงานได้ตลอดเวลา เพราะเป็นการดำเนินการภายใต้กฎหมายในประเทศของเรา ถ้ามีข้อสงสัยก็เข้ามา เขาอาจบอกว่ายังไม่ได้รับข้อมูล แต่โดยปกติแล้วการสืบสวนสอบสวนเราไม่ต้องแจ้ง หากจะเข้ามาต้องเข้ามาในลักษณะของการสังเกตการณ์ แต่จะมาร่วมในกระบวนการสอบสวนเราไม่ได้ ต้องให้เกียรติกับคนของเรา เพราะเราก็ให้เกียรติคนของเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว สงสัยอะไรก็เคลียร์ให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียน-ยุโรป ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 15-18 ต.ค. ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีว่า ในระหว่างที่ตนไม่อยู่ไปทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองในต่างประเทศ ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี ช่วยกันทำให้สงบเงียบเรียบร้อย อย่าขยายความขัดแย้งกันไปมากนัก ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้คนคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกับตน ไม่ใช่ ตนคิดเป็นแนวทางให้กับพวกเราเฉยๆ รัฐบาลและทุกคนช่วยกันคิด แต่การเดินหน้าประเทศมีหลายกลุ่ม โดยมีรัฐบาลบริหารประเทศ ต้องเดินหน้าและแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายคนอาจจะบอกว่าตนประกาศตัวเป็นม้าขาว ไม่ใช่ ไม่เคยยกตัวเองขนาดนั้น แต่ต้องการแก้ปัญหา แต่ประเด็นปัญหาที่ผ่านมาตนไม่อยากพูดมาก เพราะจะเปิดประเด็นความขัดแย้งขึ้นไปอีก ฉะนั้นทุกอย่างทุกคนพอจะทราบอยู่แล้วเกิดจากอะไรมาบ้าง รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหา แต่มันแก้ไม่ได้ ตอนนี้เราเข้ามาแก้โดยใช้อำนาจพิเศษบ้างอะไรบ้าง แต่การแก้ปัญหาเป็นไปในทางสร้างสรรค์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างดีขึ้น ทีนี้ปัญหาคือ บ้านเมืองดีขึ้นสะอาดเรียบร้อย แต่จะทำอย่างไรเพราะความเหลือมล้ำทางรายได้ของคนในบ้านเมืองมีมาก จึงต้องไปดูเรื่องภาษี คนรวยจะดูแลคนจนอย่างไร เรื่องการสร้างรายได้สร้างอาชีพให้กับคนจนกำลังทำอยู่ และบางอย่างทำไปแล้ว โดยเฉพาะการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย เช่น ชาวนา น่าสงสาร ปีนี้การทำนาปรังก็ลำบาก น้ำน้อย ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหลายมาตรการที่ออกมาให้เลือก ไม่ได้บังคับใคร ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย บังคับมากไม่ได้ แต่กฎหมายก็คือ กฎหมายต้องแยกออกจากกัน กฎหมายทำให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย พูดจาและอยู่ร่วมกันได้ ถ้าตัดสินไม่ได้ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ถ้าเราไม่ฟังกระบวนการยุติธรรมจะเสียหายทั้งหมด เรื่องการปฏิรูปว่ากันไป นี่คือการบริหารราชการแผ่นดิน ปรับทุกเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งปัญหามีเยอะ ทุกคนพยายามแก้กันมา แต่ทุกรัฐบาลแก้ไม่ได้ อีกประการคือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดกระบวนการทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อิตาลีได้ฝากฝังงานกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ทำหน้าที่รักษาการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องฝาก เพราะทำงานมาด้วยกันในช่วงที่เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องฝากฝังอะไรเพราะสั่งกันทุกวันอยู่ และมีการกำหนดแนวทางและนโยบายไว้อยู่แล้วก่อนจะสั่งงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีการหารือกับครม.คงไม่ต้องฝากงานอะไร เพราะตนไม่อยู่ก็เหมือนอยู่ และไม่ใช่จะติดต่อกันไม่ได้เพราะโทรศัพท์ยังสามารถใช้ได้ตลอดเวลา แต่ตนไม่ห่วงเพราะคนไทยน่ารักอยู่แล้วไม่ทะเลาะกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือการปลูกข่าวนาปรังของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ว่าหากใครยอมเสี่ยงที่จะปลูกในขณะที่ปริมาณน้ำน้อยต้องรับผิดชอบตัวเองว่าอะไรที่เราเตือนไปแล้ว หากจะขอเสี่ยงแล้วเราต้องไปรับความเสี่ยงทั้งหมดคงไม่ได้ เพราะเราได้หาทางเลือกให้เขาไว้แล้ว อาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น แนวคิดดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานในเวลานี้ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงต้องแก้ปัญหาอีกทาง แต่นี่คือ การแก้ปัญหาเบื้องต้น ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้คิดเช่นนี้ คิดแต่ให้เงินช่วยเหลือไปหรือหาวิธีอย่างอื่น ทำให้เกิดปัญหากับประเทศมากและวันนี้ยังต้องหาวิธีการแก้ปัญหาอยู่ ส่วนนั้นว่ากันไป วันนี้เราเริ่มใหม่จะดีหรือไม่ ใช่หรือไม่ ขอให้เราได้ทำก่อน ทุกอย่างมีความเสี่ยง ซึ่งเรียกว่าการบริหารความเสี่ยง หากเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าก็ต้องปรับแก้วิธีการไปตลอดเวลา ไม่ใช่สั่งวันนี้แล้วทำไปถึงชาติหน้ามันไม่ใช่ เราต้องปรับตัวตลอดเวลารองรับความเสี่ยง ซึ่งมีทุกอย่าง ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ จิตวิทยา เพราะโลกเปลี่ยนแปลง คนมากขึ้น ความคิดหลากหลาย และประชาธิปไตยต้องยอมรับฟังความคิดเห็นคนเยอะๆ
“ประชาชนต้องเข้าใจรัฐบาลด้วยว่าเราไม่สามารถตอบสนองได้ทุกเรื่อง ทุกคนคิดได้แต่ต้องช่วยกันว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร ทำอย่างไรที่จะใช้งบประมาณให้น้อยที่สุดที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ เราจะแก้ปัญหาในอนาคตได้อย่างไร แต่เบื้องต้นอาจต้องใช้ก่อน เช่นมาตรการช่วยเหลือชาวนาที่ทำนาปรังไม่ได้หรือมีรายได้น้อย เพื่อให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย และเงินตัวนี้ไม่เกี่ยวกับการทำให้ราคาข้าวบิดเบือน ซึ่ง รมว.พาณิชย์ จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตรเยอะ ทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องข้าวอย่างเดียว แต่วันนี้ที่เดือดร้อนมากคือข้าว และยางพารา ขณะที่อ้อยยังไม่มีปัญหามากเพราะมาตรการดูแลแข็งแรง ต่อไปต้องปรับว่าผลิตภัณฑ์ที่มีมากจะทำอย่างไร หากขายเป็นวัตถุดิบราคาจะตกเพราะมีการแข่งขัน อีกประเด็นหนึ่งคือ ต้นทุนราคาสินค้าของเราสูงเพราะค่าแรงบ้านเราสูง ต้นทุนจึงต่างกัน ต้องเห็นใจผู้ส่งออกที่มีปัญหาตรงนี้ ดังนั้น เราต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข่าวให้มีคุณภาพที่ดีกว่าและแตกต่างกว่าเขา วันนี้ได้สั่งเรื่องการทำพันธุ์ข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวสำหรับผู้เจ็บป่วยเบาหวาน เพราะไทยมีข้าวกว่าร้อยพันธุ์ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำ
นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการไปที่ประชุมครม.ให้เป็นมติร่วมกันทำ และการที่ตนได้พูดในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ทุกวันศุกร์ ข้าราชการเขาฟังว่าตนพูดอะไร เพราะเห็นจากผลการปฏิบัติงานที่มีผลงานปรากฏออกมา แต่เขายังไม่มีโอกาสพูดมากนัก ซึ่งได้เร่งรัดให้เขาอธิบายว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ที่พูดมาทำไปแล้วทั้งนั้น ทั้งช่วงเริ่มต้น กำลังวางแผน และการวางรากฐานในอนาคต ปัญหาเร่งด่วนเกิดทุกวัน ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด ภัยธรรมชาติ การจัดระเบียบชายหาด ร้านค้า ตนเชื่อว่าคนไทยเป็นคนที่มีความสามารถ วันนี้ต้องทำให้คนไทยไม่แบ่งแยก ต่างคนต่างหารือถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยใช้หลักธรรมาภิบาล
“วันนี้รัฐบาลทำในทุกมิติแต่คงไม่ทันใจพวกท่าน ผมรู้ เวลานี้เป็นรัฐบาลมา 1 เดือนแต่ยังสู้ไหว มองประเทศชาติในวันหน้าทำเพื่ออนาคต วันหน้าจะได้สบายใจ จะได้รู้ว่าลูกหลานและพวกเราจะอยู่กันอย่างไร ตอนนี้ยังอายุน้อยๆ อายุมากๆ คงต้องพักผ่อนกันแล้ว ผมก็อายุเยอะแล้วแต่ยังไหวอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงโรดแมปที่วางไว้มั่นใจว่าจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้พยายาม และขอสัญญาว่าจะทำอย่างเต็มที่ แต่การจะเป็นผลออกมาอย่างไรอยู่ที่คนไทยทุกคนจะร่วมมือกันหรือไม่ เพราะตนไปสั่งไม่ได้ แต่ต้องทำให้ประชาชนพอใจ ที่ผ่านมาอาจจะเกิดปัญหาทางการเมือง ปัญหาความไม่เข้าใจนำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้องหาทางปฏิรูปกันมาว่าจะทำอย่างไร ตนไปตัดสินไม่ได้ เรื่องของศาล กระบวนการยุติธรรมไปทำมาให้เกิดความเป็นธรรม จึงบอกว่าอย่าไปเร่งรัดศาลเขามาก และตนไม่เคยไปเร่งรัดศาล ต้องให้เขาทำตามหน้าที่ อาจจะช้าหน่อย เพราะต้องมีหลักฐานชัดเจน ถ้าตัดสินไปไม่รับก็ตีกันอีก ที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ แล้วจะให้กลับไปสู่ตรงนี้อีกทำไม แต่ใครผิดต้องว่าไปตามผิด
เมื่อถามว่า ที่นายกฯ บอกว่าความดันขึ้น แพทย์บอกมาหรืออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เวลาตนพูดกับสื่อเสียงดังความดันก็ขึ้น ความจริงคำพูดบางอย่างก็ไม่ใช่เรื่อง
“วันหลังผมคงไม่ขอพูดเล่นกับสื่อแล้วกัน ดีที่สุดไม่ต้องพูดกับท่านเลย ให้โฆษกฯ พูดแทนดีมั้ย อย่างในการบันทึกเทปรายงานคืนความสุขให้คนในชาติผมก็ได้บันทึกเทปไว้แล้ว และในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.นี้รายการขึ้นมาเร็วขึ้นเนื่องจากมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาและในสัปดาห์ต่อไปก็จะกลับมาใช้เวลาเดิม แต่พยายามจะใช้เวลาในรายการให้สั้นลง แต่ปัญหามีมากผมก็ต้องอธิบาย แต่บางสื่อก็หาดีแต่พูด ไม่ทำงาน ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร หรือจะให้ไม่ต้องพูดเลย สื่อไม่ต้องมาถามและเราไม่ต้องเจอกันสัก 1 เดือนดีหรือไม่”
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางขึ้นเครื่อง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวสั้นๆ ว่า “ขอให้อยู่เป็นสุข แทนที่จะอวยพรให้ผม แล้วจะคิดถึงกันนะจะบอกให้”