xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"โกงถึงมือสนช. ลูกหาบดิ้นล้มถอดถอน ขู่นาปรังพังตัวใครตัวมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"บิ๊กตู่"ไม่ขวางชาวนาดื้อทำนาปรัง แต่ต้องรับความเสี่ยงเอง รับรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองประชาชนได้ทุกเรื่อง "พรเพชร" เผยสำนวนถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" โกงจำนำข้าว มาถึง สนช. แล้ว เตรียมพิจารณาภายใน 30 วัน ลูกหาบเพื่อไทยร้องเลิกจองเวร "สมศักดิ์-นิคม" อ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ให้อำนาจไว้ เผยหวังผลยาวช่วย "ปู" พ้นคดี ด้าน "พาณิชย์" จับมือผู้ส่งออกดันราคาข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ให้ต่ำกว่าตันละ1.5-1.6หมื่นบาท บอร์ด ธ.ก.ส. ไฟเขียวจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1 พันบาทแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือการปลูกข้าวนาปรังของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หากใครยอมเสี่ยงที่จะปลูกข้าว ในขณะที่ปริมาณน้ำน้อย ต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะอะไรที่เราเตือนไปแล้ว หากจะขอเสี่ยง แล้วเราต้องไปรับความเสียงทั้งหมด คงไม่ได้ เพราะเราได้หาทางเลือกให้เขาไว้แล้ว อาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น แนวคิดดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานในเวลานี้ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ปัญหาอีกทาง แต่นี่คือการแก้ปัญหาเบื้องต้น ที่ผ่านมา อาจจะไม่ได้คิดเช่นนี้ คิดแต่ให้เงินช่วยเหลือไป หรือหาวิธีอย่างอื่น ทำให้เกิดปัญหากับประเทศมาก และวันนี้ยังต้องหาวิธีการแก้ปัญหาอยู่ ส่วนนั้นก็ว่ากันไป

"ประชาชนต้องเข้าใจรัฐบาลด้วยว่าเราไม่สามารถตอบสนองได้ทุกเรื่อง ทุกคนคิดได้ แต่ต้องช่วยกันว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร ทำอย่างไรที่จะใช้งบประมาณให้น้อยที่สุด ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ เราจะแก้ปัญหาในอนาคตได้อย่างไร แต่เบื้องต้นอาจต้องใช้ก่อน เช่น มาตรการช่วยเหลือชาวนาที่ทำนาปรังไม่ได้ หรือมีรายได้น้อย เพื่อให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย และเงินตัวนี้ไม่เกี่ยวกับการทำให้ราคาข้าวบิดเบือน ซึ่งรมว.พาณิชย์ จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตรเยอะ ทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องข้าวอย่างเดียว แต่วันนี้ที่เดือดร้อนมาก คือ ข้าว และยางพารา ขณะที่อ้อย ยังไม่มีปัญหามาก เพราะมาตรการดูแลแข็งแรง ต่อไปต้องปรับว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีมากจะทำอย่างไร หากขายเป็นวัตถุดิบราคาจะตก เพราะมีการแข่งขัน อีกประเด็นหนึ่ง คือ ต้นทุนราคาสินค้าของเราสูง เพราะค่าแรงบ้านเราสูง ต้นทุนจึงต่างกัน ต้องเห็นใจผู้ส่งออกที่มีปัญหาตรงนี้

ดังนั้น เราต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพที่ดีกว่า และแตกต่างกว่าเขา วันนี้ได้สั่งเรื่องการทำพันธุ์ข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวสำหรับผู้เจ็บป่วย เบาหวาน เพราะไทยมีข้าวกว่าร้อยพันธุ์ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการไปที่ประชุม ครม. ให้เป็นมติร่วมกันทำ และการที่ตนได้พูดในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ทุกวันศุกร์ ข้าราชการเขาฟังว่า ตนพูดอะไร เพราะเห็นจากผลการปฏิบัติงานที่มีผลงานปรากฏออกมา แต่เขายังไม่มีโอกาสพูดมากนัก ซึ่งได้เร่งรัดให้เขาอธิบายว่า ทำอะไรไปแล้วบ้าง ที่พูดมาทำไปแล้วทั้งนั้น ทั้งช่วงเริ่มต้น กำลังวางแผน และการวางรากฐานในอนาคต ปัญหาเร่งด่วนเกิดทุกวัน ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด ภัยธรรมชาติ การจัดระเบียบชายหาด ร้านค้า ตนเชื่อว่า คนไทยเป็นคนที่มีความสามารถ วันนี้ต้องทำให้คนไทยไม่แบ่งแยก ต่างคนต่างหารือ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยใช้หลักธรรมาภิบาล

"วันนี้รัฐบาลทำในทุกมิติ แต่คงไม่ทันใจพวกท่าน ผมรู้ เวลานี้เป็นรัฐบาลมา 1 เดือน แต่ยังสู้ไหว มองประเทศชาติในวันหน้า ทำเพื่ออนาคต วันหน้าจะได้สบายใจ จะได้รู้ว่าลูกหลาน และพวกเราจะอยู่กันอย่างไร ตอนนี้ยังอายุน้อยๆ อายุมากๆ คงต้องพักผ่อนกันแล้ว ผมก็อายุเยอะแล้วแต่ยังไหวอยู่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงโรดแมป ที่วางไว้มั่นใจว่าจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้พยายาม และขอสัญญาว่า จะทำอย่างเต็มที่ แต่การจะเป็นผลออกมาอย่างไร อยู่ที่คนไทยทุกคนจะร่วมมือกันหรือไม่ เพราะตนไปสั่งไม่ได้ แต่ต้องทำให้ประชาชนพอใจ ที่ผ่านมา อาจจะเกิดปัญหาทางการเมือง ปัญหาความไม่เข้าใจ นำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้องหาทางปฏิรูปกันมาว่าจะทำอย่างไร ตนไปตัดสินไม่ได้ เรื่องของศาล กระบวนการยุติธรรม ไปทำมาให้เกิดความเป็นธรรม จึงบอกว่าอย่าไปเร่งรัดศาลเขามาก และตนไม่เคยไปเร่งรัดศาล ต้องให้เขาทำตามหน้าที่ อาจจะช้าหน่อย เพราะต้องมีหลักฐานชัดเจน ถ้าตัดสินไปไม่รับ ก็ตีกันอีก ที่ผ่านมา เป็นอย่างนี้ แล้วจะให้กลับไปสู่ตรงนี้อีกทำไม แต่ใครผิดต้องว่าไปตามผิด

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ บอกว่า ความดันขึ้น แพทย์บอกมา หรืออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เวลาตนพูดกับสื่อเสียงดัง ความดันก็ขึ้น ความจริงคำพูดบางอย่าง ก็ไม่ใช่เรื่อง

"งั้นวันหลังผมคงไม่ขอพูดเล่นกับสื่อแล้วกัน ดีที่สุดไม่ต้องพูดกับท่านเลย ให้โฆษกฯ พูดแทนดีมั้ย อย่างในการบันทึกเทปรายงานคืนความสุขให้คนในชาติ ผมก็ได้บันทึกเทปไว้แล้ว และในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.นี้ รายการขึ้นมาเร็วขึ้น เนื่องจากมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา และในสัปดาห์ต่อไป ก็จะกลับมาใช้เวลาเดิม แต่พยายามจะใช้เวลาในรายการให้สั้นลง แต่ปัญหามีมาก ผมก็ต้องอธิบาย แต่บางสื่อก็หาว่า ดีแต่พูด ไม่ทำงาน ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร หรือจะให้ไม่ต้องพูดเลย สื่อไม่ต้องมาถาม และเราไม่ต้องเจอกันสัก 1 เดือน ดีหรือไม่"

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบิน พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวสั้นๆว่า " ขอให้อยู่เป็นสุข แทนที่จะอวยพรให้ผม แล้วจะคิดถึงกันนะ จะบอกให้"

***เตรียมพิจารณาถอดถอน "ปู"ใน30วัน

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า สำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้มาถึง สนช. แล้ว เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามกรอบเวลา จะต้องบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช. ภายใน 30 วัน โดยจะพิจารณาแยกจากสำนวนของนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้ง 2 สำนวนนี้ ที่ประชุมวิป สนช. เห็นว่า มีอำนาจรับไว้พิจารณา แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.ในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.นี้ ว่าจะมีมติรับไว้พิจารณาหรือไม่

ทั้งนี้ ในอดีตมักมีการอ้างถึงประเพณีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะเกิดปัญหาด้านการตีความ ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ได้อุดช่องว่างดังกล่าวแล้ว โดยมาตรา 6 ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ ยังมองว่า การยื่นถอดถอนมายัง สนช. หากพบว่าสำนวนนั้นสมาชิกวุฒิสภามีอำนาจพิจารณา สนช.ก็ต้องมีอำนาจในการพิจารณาเช่นกัน

*** สนช.เดินหน้าโหวต 17ต.ค.นี้

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า การพิจารณาสำนวนถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ ที่จะมีการนำเข้าที่ประชุม สนช. ในวันที่ 17 ต.ค.นั้น หากสมาชิกมีมติไม่รับ ก็ถือว่าจบขั้นตอน แต่หากรับ ประธาน สนช. จะต้องส่งเอกสารให้สมาชิก 15 วัน ก่อนมีการประชุมพิจารณานัดแรก โดยกระบวนการนี้ จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน นับจากวันที่ ป.ป.ช. ยื่นสำนวนถึง สนช. ทั้งนี้ ไม่กังวลใจ หากจะถูกฟ้องกลับ เพราะ สนช. ทำตามอำนาจหน้าที่ และมีคำตอบให้กับสังคมแน่นอน

***พท.บี้"บิ๊กตู่"สั่งล้มถอดถอน

ที่ศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) กพ. ตัวแทน อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายชวลิต วิชยสุทธ์ นายอำนวย คลังผา และนายสิงห์ทอง บัวชุม เข้ายื่นหนังสือที่แนบรายชื่อ อดีต ส.ส.และประชาชน กว่า 80 รายชื่อต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กรณีขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดตามแนวนโยบายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 63/2557 โดยมีนายสาทิตย์ สุทธิเสริม หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน เป็นตัวแทนรับ

นายชวลิตกล่าวว่า สนช. ไม่มีอำนาจในการถอดถอน เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ยกเลิกแล้ว แต่ ป.ป.ช. ยังยืนยันว่า สนช. มีอำนาจที่จะดำเนินการถอดถอนได้ ทั้งที่ไม่บัญญัติเรื่องดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และไม่ได้กำหนดให้อำนาจ สนช. ในการถอดถอน การที่ สนช. ออกข้อบังคับเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และจะใช้ถอดถอน นายสมศักดิ์ และนายนิคมนั้น เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ ผิดกฏหมาย ประกอบกับมูลเหตุการถอดถอน มาจากความขัดแย้งทางการเมือง ที่บางฝ่ายนำไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และอาศัยผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญร้องต่อ ป.ป.ช. อีกทั้งบุคคลทั้งสองพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะถอดถอนอีก

"เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของ สนช. และ ป.ป.ช. สอดคล้องกับนโยบาย คสช. ขอให้หัวหน้า คสช. พิจารณาให้ข้อคิดเห็น และคำแนะนำที่ถูกต้องไปยังทั้งสององค์กร เพื่อขอให้ปฏิบัติตามหลักการกฏหมายที่ถูกต้อง โดยขอให้ยุติกระบวนการถอดถอนที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งไม่ใช่เป็นการแทรกแซง แต่เป็นการให้สติ ได้คำนึงถึงความถูกต้อง ชอบธรรมและนโยบายที่หัวหน้าคสช.กำหนดไว้"

***หวังผลยาวช่วย"ปู"ไม่ให้โดนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ เห็นด้วยกับข้อเสนอของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า สนช. ไม่มีอำนาจถอดถอน และสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ ก็จะส่งผลให้คดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว จะหลุดพ้นไปด้วย เพราะใช้หลักการเดียวกัน

***"พาณิชย์"จับมือผู้ส่งออกดันราคาข้าว

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยว่า ได้หารือเรื่องการดูแลราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ฤดูการผลิต ปี 2557/58 ที่กำลังทยอยออกมาในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ คาดว่าจะมีปริมาณมากถึง 6 ล้านตันข้าวเปลือก โดยเห็นพ้องที่จะกำหนดเป้าหมายในการผลักดันราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ให้เกษตรกรขายได้ในราคาตันละ 1.5-1.6 หมื่นบาท โดยเป็นระดับราคาที่เกษตรกรพอใจ

ทั้งนี้ แนวทางในการผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ มีราคาตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ 1.5-1.6 หมื่นบาท/ตัน มีหลายวิธีการ ทั้งการดูดซับปริมาณส่วนเกินของข้าวมาเก็บไว้ในสต๊อก คาดว่าจะดูดซับออกมาประมาณ 2 ล้านตัน โดยในการดูดซับก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และรัฐกำลังพิจารณาจะดูแลช่วยเหลือในส่วนนี้ให้ ซึ่งจะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายบริหารและจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาต่อไป

สำหรับการดูแลราคาข้าวเปลือกเจ้า ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่ตันละ 8,500 บาท ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเจ้าในตลาดใกล้เคียงกับราคาเป้าหมาย ถือเป็นราคาที่สมดุลกับทุกฝ่าย ทั้งชาวนา โรงสี และผู้ส่งออก และจะผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 8,500 บาทต่อไป แต่หากราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ราคาข้าวเปลือกก็ต้องปรับสูงขึ้นด้วย เป็นไปตามกลไกตลาด

***เดินหน้าทวงแชมป์ส่งออกข้าวกลับคืน

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการรุกตลาดส่งออกข้าว โดยรัฐบาลและเอกชนจะต้องร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลในการส่งออกข้าวเป็นรายตลาดๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทย และช่วงชิงตลาดส่งออกสำคัญๆ ของไทย เช่น แอฟริกา จีน และฮ่องกง กลับคืนมา และทำให้ไทยกลับมาเป็นแชมป์ส่งออกข้าวได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ จะมีแผนผลักดันเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความต้องการและการยอมรับในข้าวหอมมะลิไทย

ส่วนแผนการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ได้มอบนโยบายให้กรมการค้าต่างประเทศแล้วว่าการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลจะต้องไม่กระทบกับราคาข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ที่กำลังออกมา เพราะถ้ากระทบก็จะยังไม่ระบาย แต่คาดว่าช่วงนี้ยังสามารถระบายข้าวได้ โดยในสัปดาห์หน้าอาจมีการเปิดประมูลข้าวรอบที่ 3 ส่วนปริมาณว่าจะเปิดประมูลเท่าไร ขอดูรายละเอียดอีกครั้ง

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ จะสรุปรายละเอียดสินค้าที่นำมาลดราคา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ภายใต้โครงการป็อบปูล่า แบรนด์ โดยกำลังหารือกับภาคเอกชนในการนำสินค้าคุณภาพดี แต่หั่นราคาลดลง และทำสัญลักษณ์เพื่อให้ประชาชนได้เลือกซื้อ ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ทุกกระทรวงไปหาโครงการเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่ง 1 ในสินค้าที่จะนำมาลดราคาก็อาจจะมีข้าวสารบรรจุถุงรวมอยู่ด้วย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปีนี้ไทยมีโอกาสจะส่งออกข้าว 11 ล้านตัน เพราะการส่งออกข้าวช่วง 9 เดือน สามารถส่งได้แล้ว 8 ล้านกว่าตัน เชื่อว่าอีก 3 เดือนที่เหลือหากส่งออกได้เดือนละ 1 ล้านตัน ตัวเลขส่งออก 11 ล้านตัน เป็นไปได้อย่างแน่นอน

***บอร์ด ธ.ก.ส.ไฟเขียวจ่ายเงินชาวนา

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ได้เห็นชอบให้จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรทุกครัวเรือจำนวนทั้งสิ้น 3.49 ล้านครัวเรือน ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริง แต่ไม่เกิน 15 ไร่ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท วงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท ตามมติ ครม. ที่ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2557/58 แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจ่ายเงินช่วยเหลือ รวมทั้งได้ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว

สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงิน เกษตรกรต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและรับรองสิทธิ์โดยคณะกรรมการบริหารมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยระดับอำเภอ จากนั้นให้ชาวนานำสำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากและสำเนาบัตรประชาชน มาจัดทำหนังสือแสดงความจำนงขอเข้าร่วมโครงการที่ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ หลังจากนั้น ธ.ก.ส.จะตรวจสอบความถูกต้องและส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรงต่อไป ทั้งนี้ หากเกษตรกรดำเนินการถูกต้อง ครบถ้วนตามขั้นตอนดังกล่าวก็จะได้รับเงินตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป

"การจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในครั้งนี้ ธ.ก.ส. จะทยอยจ่ายให้กับจังหวัดนำร่อง 6 จังหวัด ซึ่งมีความพร้อมในระบบการขึ้นทะเบียน ประกอบไปด้วย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร ลพบุรี ขอนแก่นและศรีสะเกษ และจะขยายการจ่ายเงินที่เหลือให้กับเกษตรกรในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศโดยเร็วต่อไป"นายลักษณ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น