นายกฯ เผยสั่งตั้ง คกก. หามาตรการเร่งด่วนช่วยชาวนา ดักคอห้ามทุจริต พร้อมสั่งทุกกระทรวงเขียนรายงานผลการทำงานทุก 3 เดือน จัดมาตรการเอื้อประโยชน์คนจนเข้าถึงกองทุน สั่งตรวจสต๊อกยางพาราแล้ว ซัดที่ผ่านมาการเมืองแทรกแซง ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เผย ครม. อังคารหน้า ชงมาตรการภาษี ก่อนส่ง สนช. เผยภาษีมรดกยังไม่เสร็จ อ้างรอเสียงตอบรับ ยันคลอดแน่ โวรัฐบาลทำด้วยความชอบธรรม ปัดมีมรดกบอกแจกไปหมดแล้ว โอ่มีแต่ความรักจากทุกคน มอบ “ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะ แก้ปัญหาที่ดินทำกิน
วันนี้ (14 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหนัาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าความคืบหน้าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นกำลังดูการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าว ซึ่งกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการรองรับกรอบการช่วยเหลือการทำนาปี และติดตามดูแลมาตรการเดิมที่ออกไปแล้ว คือ การเตรียมเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งต้องไม่มีการทุจริตถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้นต้องมีคนรับผิดชอบ และที่ประชุม ครม. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการโดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นประธานในการหามาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนกับเกษตรกร ซึ่งจะต้องไม่มีการทุจริตเพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาในทุกเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาในเชิงนโยบายถ้ารัฐบาลไม่มีความชัดเจนก็จะไม่ได้ โดยรัฐบาลมีความชัดเจนทุกเรื่อง เช่น การประชุม ครม. นั้น ไม่ใช่การประชุมเพื่ออนุมัติงบประมาณอย่างเดียว แต่หลักการคือตนต้องการถ่ายทอดแนวทางและระดมแนวความคิดเพื่อไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาไปตามลำดับ เพราะฉะนั้นจึงมีเรื่องของการกำหนดนโยบายให้ชัดเจน กำหนดมาตรการในการดำเนินการและตรวจสอบว่าจะทำอย่างไรต่อไปในระยะกลางและระยะยาว โดยสื่อต้องไม่เอาการดำเนินการทั้ง 3 ระยะมารวมกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกหน่วยงานรายงานผลการดำเนินการทุกๆ 3 เดือน ทั้งการผลิตส่งเสริมต้นทุน ลดต้นทุนอุปสงค์อุปทาน และการเปิดตลาดภายนอกจะทำอย่างไร ทุกกระทรวงต้องแผนมาให้ดู จะได้สั่งการได้ว่าในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว จะทำอย่างไร ส่วนสิ่งที่จะเป็นของขวัญในแต่ละกระทรวงให้คนไทย เช่น การมีมาตรการที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนจนในการเข้าถึงกองทุน ซึ่งตนมองเป้าหมายให้แบ่งคนจำนวน 5 กลุ่มได้รับการแก้ปัญหาจากทุกกระทรวงซึ่งทำได้ยาก
นอกจากนี้ อยากให้ทุกคนมองภาพรวมเศรษฐกิจร่วมด้วย เพราะถ้ามองเพียงตัวเลขของเราอยางเดียวก็น่าตกใจ แต่อย่าไปสรุปตรงนั้น ให้เอาวิกฤตมาเป็นโอกาสว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเลขสูงขึ้น ซึ่งไม่สามารถสั่งวันนี้แล้วเห็นผลพรุ่งนี้เพราะทั้งหมดเป็นโครงสร้างเดิมที่ผ่านมาของรัฐบาลก่อน ซึ่งเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างและตนได้แก้ไขว่าจะบริหารจัดการอย่างไร โดยใช้บทเรียนที่ผ่านมาว่ามีการทุจริตอย่างไรบ้างและจะแก้ไขอย่างไรเพราะฉะนั้นต้องไม่เอามาปะปนกัน ทั้งนี้จะคิดว่าเมื่อสอบสวนแล้วจะเห็นผลได้เร็ว เพราะที่ผ่านมาก็มีปัญหาสอบเร็วจบเร็วเลยตีกันทั้งประเทศ ซึ่งเราต้องสร้างการยอมรับให้ได้คือใครทำผิดต้องยอมรับผิดด้วยหลักฐานและกรรมาวิธีทางกฎหมาย ยืนยันว่าถ้าหลักฐานชัดเจนตนไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครอยู่แล้ว
ส่วนการบริหารยางพาราในสต๊อกนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สต๊อกยางนั้นมี 2 ประเภท คือ ของภาครัฐและของเอกชน ซึ่งเราจะต้องส่งเสริมถ้า 2 ประเภท ฉะนั้นต้องหาทางจำหน่ายในราคาที่ไม่ทำให้ราคาในท้องตลาดตกลง นอกจากนี้อาจจะต้องมีการหมุนเวียนให้กรอบใหม่ที่เข้ามา ซึ่งถ้าเราเสถียรภาพในประเทศได้และต่างชาติเชื่อมั่นคุณภาพผลผลิตก็พร้อมที่จะซื้อจากเราต้องใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีอยู่ในการทำอย่างไรให้ประเทศที่ใช้ยางพารามากๆ ซื้อยางในราคาที่ถูกเพื่อช่วยเรา ซึ่งถ้าเป็นการซื้อขายราคาในท้องตลาดก็ตกต่ำ เพราะมีจำนวนมากและเก็บไว้นาน เนื่องจากการให้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลทำให้ราคาถูกบิดเบือนไปหมด แต่ถ้าเราไม่อุดหนุนก็ออกมาร้องเรียนรัฐบาล เปรียบเทียบกับรัฐบาลที่แล้วที่ให้ราคายางกิโลกรัมละ 150 บาท แต่วันนี้ราคายางในตลาดกิโลกรัมละไม่เกิน 50 บาทจะให้ตนทำอย่างไร เราต้องอุดหนุนช่วยเหลืออีกหรือถ้าช่วยเหลือแบบนั้นยางก็จะกองในประเทศ 5-6 แสนตัน ถ้าจะกองวันในสต็อกก็เกิดความเสียหายแบบข้าวที่มีอยู่โกดังตอนนี้ 18 ล้านตันขาย 3 ปี ยังไม่หมดเลยแล้วราคาข้าวก็ตกลงเรื่อยๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เราจะบริหารจัดการอย่างไรกับของเหล่านี้ โดยอาจจะเป็นมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในขณะที่นาปรังทำไม่ได้หรือข้าวราคาตกก็สามารถใช้อาชีพเสริมในการกินอยู่ไปก่อน ส่วนข้าวก็เก็บไว้ในคลังยุ้งฉางของตนเองไม่ต้องมาฝากรัฐที่ต้องเสียค่าเช่าคลังวันละหลายร้อนล้านบาท ดังนั้นต้นทุนที่จำนำมาบวกกับต้นทุนก่อนขายเป็นครั้งละกว่า 2 หมื่นบาทแล้วเราจะไปขายให้ใคร เราจึงต้องมาแก้ไขเรื่องเหล่านี้จึงขอให้ใจเย็นๆ
เมื่อถามว่า หลักออกเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะออกโรดโชว์ในต่างวันนี้ประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราทำมาโดยตลอดเราคิดทั้งหมดไม่ใช่เพียงว่าจะอนุมัติอะไร จะเห็นว่าเราประชุมตั้งแต่เช้ายันบ่ายทุกวัน พูดไม่รู้กี่เรื่องเอกสารเยอะแยะ ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่มีถึงมาตรการและการประเมินผลตัวชี้วัดเป็นอย่างไร เราขับเคลื่อนด้วยสติปัญญหาไม่ใช่มีเพียงรัฐมนตรี แต่มีคณะทำงานย่อยมากมาย ต้องไปไล่ดูว่าคณะทำงานชุดเดิมมีประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ปรับออกให้หมดซึ่งเปลี่ยนมาหลายคณะแล้ว และมีการตั้งกรรมการนโยบายซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในการดูเรื่องทุจริตเราทำทึกอย่างแต่ขั้นตอนมีเยอะ
เมื่อถามถึงกรณีที่ชาวสวนยางเรียกร้องให้ตรวจสอบสต๊อกยางทั่วประเทศเหมือนกับการตรวจสต๊อกข้าวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่แต่ตนไม่ได้ตรวจเองเพราะเป็นหน้าที่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
“เรามีหน่วยงานเยอะแต่ไม่ทำงานและไม่มีประสิทธิภาพ เพราะการเมืองเข้าไปแทรกแซงไปกดไว้ วันนี้ไม่มีการเมืองแทรกแซง ผมสั่งทำงาน ทำให้ได้แล้วกัน ถ้าไม่ได้ก็ต้องแก้ไข เพราะนี่คือการทำงานของรัฐบาลที่เป็นแบบนี้ อะไรที่เป็นวาระเร่งด่วนก็นำเข้ามา เรื่องที่อยู่ในพื้นที่ที่ใครเป็นผู้รับผิดชอบแล้วไม่เข้าไปไม่ได้ต้องเข้าไปทุกเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาตรการทางภาษี รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะเข้ามาใน ครม. อีกครั้งก่อนเข้ากระบวนการในการออกเป็นกฎหมาย ซึ่งมาตรการที่ออกนั้นต้องเป็นธรรม ส่วนภาษีมรดกที่ยังไม่เสร็จเพราะต้องรอกระแสตอบรับจากประชาชนเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะเป็นสัญลักษณ์ในการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนคนรวย เนื่องจากคนรวยก็ต้องเสียภาษีส่วนจะไปทำอย่างไรนั้นอยู่ในขั้นตอนการดำเนิน นอกจากภาษีมรดกที่ยังไม่สามารถออกเป็นกฎหมายได้นั้น แล้วรายได้รัฐจะเอามาจากไหน เพราะขณะนี้ยังขาดทุน 2.5 แสนล้านบาท แล้วจะสร้างรถไฟทางคู่ ทางเดี่ยวก็ฝันไปแล้วกัน ดังนั้น เราต้องมีระบบภาษีและสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดการลงทุน ซึ่งการสร้างแรงในการจูงใจคือการยกเว้นภาษีซึ่งทำให้รายได้รัฐลดลงซึ่งทั้งหมดเป็นการประเมินความเสี่ยง
“ภาษีมรดกนั้นต้องผ่านเป็นกฎหมายออกมา ถ้ารัฐบาลทำด้วยความชอบธรรมและตั้งใจมีความโปร่งใสและไม่มีผลประโยชน์ก็ต้องออกเป็นกฎหมายได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมีมรดกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว “ไม่มีหรอกแจกเขาไปหมดแล้ว เราเกิดมาไม่เท่ากันใครมีเงินหรือไม่มีไม่รู้ แต่ขอให้ทำความดีไม่ทุจริต เพราะถึงผมจะมีมรดกหรือไม่มีแต่ผมมีความรักจากเราทุกคน”
ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน รัฐบาลได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นประธาน ทั้งนี้ จะเอาที่ดินของรัฐมาดู ซึ่งมีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งรัฐบาลต้องดูทั้งระบบ โดยได้ให้นโยบายไว้ว่าต้องหาอะไรให้ประชาชนที่ออกมาจากพื้นที่ได้ทำและมีการบูรณาการที่ดินที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้เกิดผลผลิต ซึ่งตนเข้าใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตนจึงพยายามสั่งการให้มีที่ดินทำกิน นอกจากนี้ ตนได้ให้มีการขึ้นทะเบียนใหม่และกำชับให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายต้องดูว่านำใครออกมาและจะหาอาชีพได้อย่างไร ซึ่งคณะกรรมการต้องมีการรายงานผลการดำเนินงานทุก 3 เดือนด้วย ซึ่งปัญหานี้ไม่มีรัฐบาลไหนอยากแก้เพราะทำคนก็เกลียดแต่ตนต้องทำเพื่อประเทศ