อดีต ส.ส.พัทลุง ชี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เวลาจำกัดเมื่อเทียบกับนโยบายรัฐบาลให้เร่งทำผลงานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ชี้เนื้องานแตกต่างกัน กังขารัฐาแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินป่าไม้อย่างไร อีกทั้งต้องตรวจสอบหลายเรื่องของในอดีต แต่เชื่อรัฐมนตรีสอบผ่าน ขอให้ทุกฝ่ายรอและให้โอกาส
วันนี้ (11 ต.ค.) นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในระหว่างการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยขอเร่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำผลงานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนคนไทยว่า ตนเห็นว่าสำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระยะเวลาที่จำกัดคือแค่ 1 ปีสำหรับรัฐบาลชุดนี้กับระยะเวลา 3 เดือน ที่ต้องให้เร่งตามบัญชานายกฯ เชื่อว่าด้วยข้อจำกัดดังกล่าว โดยในส่วนของกระทรวงทรัพย์ฯ คงประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะว่างานของกระทรวงมีความแตกต่างกับงานในกระทรวงอื่น หลายงานก่อนที่จะเดินหน้าทำงาน ต้องกลับไปแก้ไขงานในอดีตให้เสร็จสิ้นก่อน ไม่เช่นนั้นก็เดินหน้าไม่ได้ เช่น ก่อนที่จะเดินหน้าปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่า ก็ต้องตรวจสอบพื้นที่สวนป่าเดิมว่าเหลือเท่าไหร่ ถูกบุกรุกไปเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจะปลูกซ้ำที่เดิม หรือ เรียกว่าปลูกป่าคอนโดมิเนียมซ้อนทับของเดิมเหมือนที่ผ่านมา และหากจะชวนเอกชนมาร่วมโครงการปลูกป่าอีก ก็ต้องตรวจสอบว่าโครงการเดิมประสบความสำเร็จแค่ไหนอย่างไร หรือหายไปเกือบหมดเหมือนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ จะอธิบายต่อผู้จะเข้าร่วมโครงการอย่างไร
นายนริศกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินป่าไม้อย่างไร ก็ต้องสะสางแผนที่ ตามโครงการจัดทำให้เป็นมาตรส่วนเดียวกันที่ใช้เงินไปกว่า 2, 000 ล้านบาทแล้ว แต่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ต้องแก้ไขสิ่งนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน จะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในอุทยานฯ ก็ต้องไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทั้งงบปกติและเงินรายได้ของอุทยานฯที่ผ่านมาว่า ใช้จ่ายกันอย่างไรคุ้มประโยชน์หรือไม่ หรือ เป็นเพียงแหล่งผลประโยชน์ของกระบวนการผู้มีอำนาจที่โยงใยกันอยู่ หากจะเดินหน้าสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่หรือปฏิรูปการโยกย้ายแต่งตั้ง ก็มีอุปสรรคเพราะมีการโยกย้ายแต่งตั้งแบบซื้อขายตำแหน่งมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ต้องตรวจสอบหลายเรื่องของในอดีตก่อนที่จะเดินหน้าจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้
“การตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบทุกคดีใน ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. และตรวจสอบการทุจริตการใช้เงินจาก สตง. หรืออาจขอความร่วมมือให้ทางฝ่ายทหาร ตรวจสอบในทุกเรื่องก็ได้เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะต้องตรวจสอบว่ายังมีอิทธิพลที่ตกค้างยังวนเวียนมาหาผลประโยชน์ไปรับใช้กลุ่มอำนาจในอดีตอยู่อีกหรือไม่ เพราะสิ่งนี้ก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญ แต่ลึกฯเชื่อว่า รัฐมนตรีท่านนี้สามารถสอบผ่านงานลักษณะแบบนี้ได้เพราะเคยเป็น เสนาธิการและรับผิดชอบงานสำคัญมามาก มีความฉลาดลุ่มลึก มีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจได้ จึงขอให้ทุกฝ่ายรอและให้โอกาสในการทำ เชื่อว่าในไม่ช้านี้จะมีผลงานออกมา” นายนริศกล่าว